ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

ตลาดเครื่องประดับกับความเชื่อกลุ่มอัญมณี Big 4

Jan 19, 2023
3072 views
7 shares

            ในโลกนี้มีความความเชื่อต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่อัญมณีที่เชื่อกันว่าเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับการกำเนิดของโลกใบนี้ ด้วยความหายากและความงามอันลึกลับ อัญมณีจึงถูกเชื่อว่ามีพลังเร้นลับซ่อนอยู่ ดังเช่นอัญมณีในกลุ่ม Big 4 ซึ่งประกอบไปด้วยเพชร ทับทิม ไพลิน และมรกต ซึ่งมีประวัติยาวนานมาหลายพันปี ผู้คนเชื่อกันว่ามีพลังอำนาจช่วยปกป้องคุ้มครอง เสริมความสำเร็จสมหวังทั้งงาน เงิน และความรัก หรือนำพาแต่สิ่งดีๆ มาให้แก่ผู้ครอบครอง รวมถึงความเชื่อในคุณค่าและมูลค่าที่เพิ่มขึ้น จึงนิยมนำอัญมณีเหล่านี้มาสวมใส่เป็นเครื่องรางของขลังและเครื่องประดับเสริมมงคลตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน 

 ตำนานความเชื่อของเพชร อัญมณีสูงค่า

            เพชร หรือ Diamond มาจากภาษากรีกว่า “Adamas” หมายถึง “ไม่มีสิ่งใดเทียบได้” เพชรมีองค์ประกอบหลักคือธาตุคาร์บอน มีค่าความแข็งที่สุดเท่ากับ 10 ตามสเกลของโมส์ (Moh's Scale) ตามตำนานกรีกโบราณเชื่อว่า เพชรคือ หยาดน้ำตาของเทพเจ้า ซึ่งไม่มีใครสามารถทำลายได้ เป็นการอุปมาอุปไมยถึงความแข็งแกร่งของเพชร หรือตำนานของอินเดียที่ว่า เพชรมีแหล่งกำเนิดมาจากกระดูกยักษ์ชื่อมหาพลสูตรที่คิดจะทำพิธีอดอาหารเพื่อเป็นเกียรติยศให้ปรากฏในแผ่นดิน พอครบ 7 วัน ก็สิ้นชีวิต เทวดาจึงนำกระดูกไปฝังไว้ทุกแห่ง แล้วกระดูกก็กลายเป็นเพชร สำหรับการค้นพบเพชรครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในเหมืองของอินเดียเมื่อกว่า 5,000 ปีก่อน ซึ่งอาณาจักรอินเดียโบราณเชื่อว่าเพชรมีพลังอำนาจในการดลบันดาลให้ได้รับชัยชนะจากการทำศึกสงคราม และเป็นเครื่องประดับสำหรับชนชั้นสูงหรือพระมหากษัตริย์เท่านั้น


 ที่มาภาพ: https://satoasiapacific.com

            นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าเพชรช่วยรักษาโรคภัยต่างๆ ช่วยปกป้องคุ้มครอง ทำให้มีชัยชนะเหนือศัตรูและนำพาความสำเร็จความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่ผู้สวมใส่ รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักนิรันดร์ จึงมีผู้คนนิยมนำมาเป็นแหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน นอกจากนี้เพชรยังเป็นอัญมณีประจำเดือนเกิดของผู้ที่เกิดเดือนเมษายน และใช้เป็นสัญลักษณ์แทนวันครบรอบการแต่งงานปีที่ 10, 30 และปีที่ 60 อีกด้วย 


 ตำนานความเชื่อของทับทิม ราชาแห่งอัญมณี

            ทับทิม (Ruby) มาจากภาษาลาติน ว่า “Ruber” หรือ “Rubinus” หมายถึง สีแดง ส่วนรากศัพท์เดิมมาจากภาษาสันสกฤต คือ Ratanaraj หรือ Ratananayaka แปลว่า ราชาแห่งอัญมณี จัดเป็นแร่คอรันดัม มีสีแดงจนถึงสีม่วงแดง มีองค์ประกอบทางเคมีคือ อะลูมิเนียมออกไซด์และมีธาตุที่ให้สีแดงคือโครเมียม ซึ่งทับทิมจะมีสีแดงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณธาตุโครเมียมนั่นเอง และทับทิมมีความแข็งเท่ากับ 9 ตามโมห์สเกล ซึ่งเป็นความแข็งที่รองจากเพชร 

            ตำนานเกี่ยวกับทับทิมมีหลากหลาย อาทิ ในพระคัมภีร์ของศาสนาฮินดู ได้กล่าวไว้ว่า ทับทิมเป็นอัญมณีล้ำค่าที่สุดในบรรดาอัญมณี 12 ชนิดที่พระเจ้าสร้างขึ้น เรียกว่า “รัตนราช” ซึ่งหมายถึง “ราชาแห่งอัญมณีล้ำค่า” หากผู้ใดบูชาพระกฤษณะด้วยทับทิม จะได้เกิดใหม่เป็นจักรพรรดิผู้มีอำนาจ หรือชาวกรีกโบราณเชื่อว่าทับทิมมีประโยชน์เหมือนถ่านหินที่เก็บความร้อนไว้จำนวนมหาศาล และเมื่อนำไปแช่ในน้ำจะทำให้น้ำเดือดได้ หรือตำนานทับทิมสีเลือดนกในเมียนมา1  เกิดจากนายงะม็อก ชาวบ้านเมืองโมกกได้พบทับทิมเม็ดใหญ่และได้นำไปถวายแก่พระมหากษัตริย์ จากนั้นชาวต่างชาติคนหนึ่งก็ได้นำทับทิมอีกเม็ดหนึ่งไปถวายพระมหากษัตริย์เช่นกัน ซึ่งทับทิมเม็ดนี้มีสีเหมือนกับทับทิมที่งะม็อกนำไปถวาย แต่ขนาดใหญ่กว่าและน้ำงามกว่าทับทิมของงะม็อกมาก ทำให้กษัตริย์คิดว่างะม็อกคิดไม่ซื่อขายทับทิมเม็ดงามนี้ไปให้กับชาวต่างชาติคนนี้ จึงทรงสั่งให้จับคนในหมู่บ้านที่งะม็อกอาศัยอยู่ไปขังรวมกันแล้วจุดไฟเผาทั้งเป็น ทับทิมเม็ดนั้นก็ได้ถูกนำไปทำเป็นแหวนและตกทอดแก่พระมหากษัตริย์หลายพระองค์ จนกระทั่งในปี 1885 อังกฤษบุกเข้ายึดเมียนมาในสมัยที่พระเจ้าสีป่อเป็นพระมหากษัตริย์ ซึ่งได้ทรงลี้ภัยไปต่างแดน แต่มิได้นำแหวนทับทิมนี้ไปด้วย และแหวนทับทิมนี้ก็สูญหายไปอย่างปริศนานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


ภาพ: เฟซบุ๊ก Burmese Ruby Rough Mogok Myanmar

            นอกจากตำนานดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีความเชื่อว่าทับทิมเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผู้ครอบครองมีอำนาจ ความฮึกเหิมกล้าหาญ และทำให้มีชัยชนะในสงคราม ในเอเชียยุคโบราณจึงนำทับทิมไปเป็นเครื่องประดับบนเสื้อเกราะ สายบังเหียน และฝักดาบของพระมหากษัตริย์และแม่ทัพ หรือจักรพรรดิในราชวงศ์ชิง ทรงใช้ทับทิมประดับหัวเข็มขัดเพื่อแสดงตำแหน่งจักรพรรดิ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าทับทิมจะช่วยปกป้องผู้เป็นเจ้าของจากความโชคร้าย ช่วยส่งเสริมความสำเร็จ ความร่ำรวย ความเมตตา ความรัก และความเข้าใจ คู่รักจึงนิยมใช้แหวนทับทิมเป็นแหวนหมั้น เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยให้ความรักมั่นคง ยั่งยืนตลอดไป อีกทั้งทับทิมถือเป็นอัญมณีสำหรับคนเกิดเดือนกรกฎาคม และคนเกิดวันอาทิตย์ รวมถึงเป็นทับทิมสำหรับฉลองครบรอบการแต่งงานปีที่ 15 และปีที่ 40


  ตำนานความเชื่อของไพลิน

            ไพลิน (Blue Sapphire) เป็นแร่คอรันดัมที่มีสีน้ำเงิน โดยคำว่า “Sapphire” มาจากภาษากรีกว่า “Sappirus” หมายถึง สีน้ำเงิน จัดเป็นแร่คอรันดัม โดยชาวเปอร์เซียโบราณเชื่อกันว่าแซปไฟร์คือ หินที่มาจากท้องฟ้า เนื่องจากโลกตั้งอยู่บนแซปไฟร์ขนาดใหญ่ จึงทำให้สะท้อนแสงแดด ออกไปสู่ท้องฟ้าแล้วเป็นสีน้ำเงิน ชาวกรีกจะเรียกไพลินว่าเป็น "อัญมณีของเทพเจ้าอพอลโล" ชาวกรีกจะต้องสวมไพลินเมื่อจะเข้าไปถามเทพพยากรณ์ในวิหารเดลฟี่ เพราะเชื่อว่าไพลินจะช่วยทำให้เข้าใจคำตอบที่ได้รับมากยิ่งขึ้น ส่วนชาวโรมันเชื่อว่า ไพลินมีอำนาจลึกลับทำให้เจ้าของมีสติปัญญาและสุขภาพที่ดี


ที่มาภาพ: www.chatham.com/

            ปัจจุบันไพลินถือเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและความซื่อสัตย์ และเชื่อกันว่าเป็นอัญมณีแห่งคุณธรรม มีจิตใจตั้งมั่นในคุณงามความดี ทำให้เป็นที่รักใคร่เมตตาและเป็นที่ศรัทธาของผู้อื่น ช่วยให้สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจไว้ และยังช่วยควบคุมอารมณ์ บรรเทาอาการทางสมอง โรคเกี่ยวกับประสาทและไขสันหลัง ทำให้ผู้สวมใส่มีสุขภาพแข็งแรง โดยไพลินเป็นพลอยประจำเดือนเกิดของผู้เกิดเดือนกันยายน และยังเป็นที่นิยมของคู่รักมอบเป็นของขวัญให้แก่กันในโอกาสครบรอบการแต่งงานในปีที่ 5 และ 45

 ตำนานความเชื่อของมรกต

            มรกตมาจากภาษากรีกว่า “Smaragdos” หมายถึง สีเขียว จัดเป็นแร่เบริลชนิดหนึ่ง โดยเรื่องราวของมรกตปรากฏในแผ่นดินฟาโรห์ ช่วง 1900-1500 ปีก่อนคริสตกาล และดำเนินมาถึงยุคพระนางคลีโอพัตรา ราชินีแห่งอียิปต์ ซึ่งชื่นชอบการสวมใส่มรกตมาก ตามตำนานกล่าวว่ามรกตเป็นหนึ่งในอัญมณีมีค่าสี่อย่างที่พระเจ้ามอบให้กับกษัตริย์โซโลมอน เชื่อว่าอัญมณีทั้งสี่นี้จะทำให้กษัตริย์มีอำนาจเหนือทุกสิ่ง 

            นอกจากนี้ยังมีหลากหลายความเชื่อเกี่ยวกับมรกต เช่น ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่ามรกตเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอมตะ จึงมักสวมสร้อยคอมรกตให้กับมัมมี่เพื่อคงความเป็นหนุ่มสาวชั่วนิรันดร์ โดยหวังว่าผู้ตายจะมีความสุขในชีวิตหลังความตาย หรือชาวอินคาใช้มรกตเป็นเครื่องประดับและพิธีกรรมทางศาสนามานานกว่า 500 ปี ชาวคริสต์ถือว่ามรกตเป็นสัญลักษณ์ของการกลับมามีชีวิตใหม่ และยังหมายถึงความรักชั่วนิรันดร์ ส่วนชาวมุสลิมถือว่ามรกตเป็นอัญมณีแห่งสวรรค์ เป็นต้น

            สีเขียวของมรกตเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่ง ร่ำรวย และยังเชื่อกันว่ามรกตจะช่วยให้ผู้สวมใส่มีสายตาดีขึ้น เสริมสติปัญญาและความจำ ทำให้โชคดี ช่วยป้องกันภัย และส่งเสริมความสมหวังในความรัก ทั้งนี้ มรกตจัดเป็นอัญมณีสำหรับผู้เกิดเดือนพฤษภาคม และราศีกรกฎ

ตัวอย่างแบรนด์เครื่องประดับกับความเชื่อ

            แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแต่ความเชื่อในอดีตยังคงมีอยู่ในสังคมโลกปัจจุบัน หลายแบรนด์จึงคว้าโอกาสเจาะกลุ่มตลาดความเชื่อ โดยออกแบบเครื่องประดับที่มีความสวยงามและทันสมัยมากขึ้น หากแต่ผสมผสานไว้ซึ่งความเชื่อแต่โบราณ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

Van Cleef & Arpels

            แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติฝรั่งเศสซึ่งมีความเชื่อเรื่องโชคชะตาและเครื่องหมาย โดยฌาคส์ อารเปลส์ เจ้าของแบรนด์กล่าวไว้ว่า “ถ้าต้องการมีโชค เราต้องเชื่อในโชค” และได้นำสัญลักษณ์นำโชคดีอย่างใบไม้มงคลต่างๆ เช่น โคลเวอร์สี่แฉก หรือสัตว์นำโชคอย่างผึ้ง เป็นต้น มาออกแบบเครื่องประดับของแบรนด์ 


ตัวอย่างคอลเลกชัน Le Secret ธีม “เชื่อในโชค” เป็นแหวนรูปผึ้งตอมใบไม้ที่ตกแต่งด้วยพลอยสี โดยตัวแหวนทำจากทองสีเหลืองและสีชมพู 18K ตัวผึ้งเป็นพลอยสเปสซาไทท์  ส่วนใบไม้ตกแต่งด้วยทับทิม เพชร และแซปไฟร์แฟนซี 

ที่มาภาพ:  www.vancleefarpels.com



Brilliant Earth

            แบรนด์เครื่องประดับชั้นนำของสหรัฐอเมริกาที่ได้บอกเล่าความเป็นมาและความเชื่อของอัญมณีชนิดต่างๆ บนเว็บไซต์ อาทิ อัญมณีประจำเดือนเกิดเดือนกันยายนอย่างไพลิน ซึ่งได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยโรมัน โดยในสมัยโบราณเชื่อกันว่าไพลินปกป้องผู้สวมใส่จากความชั่วร้าย และชาวยุโรปในยุคกลางเชื่อว่าไพลินช่วยรักษาโรคตาและรักษาพรหมจรรย์ หรือจักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต แห่งฝรั่งเศสได้มอบแหวนหมั้นเพชรประดับไพลินสองเม็ดแก่โจเซฟีนผู้เป็นที่รักในปี 1796 ซึ่งแหวนถูกขายทอดในตลาดในราคาเกือบ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2013 ทั้งนี้ ไพลินมีความคงทนและเป็นสัญลักษณ์แทนความซื่อสัตย์ จึงเหมาะกับการใช้เป็นแหวนหมั้นและสวมใส่ในชีวิตประจำวัน


แหวนหมั้นไพลินแบรนด์ Brilliant Earth

ที่มาภาพ: www.brilliantearth.com


Jubilee Diamond

            แบรนด์เครื่องประดับเพชรชั้นนำของไทย ซึ่งนำสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและความโชคดีในด้านต่างๆ มาเป็นแนวทางในการออกแบบเครื่องประดับเพชร เช่น คอลเลกชัน “8 Infinity” แหวนเพชรเลข 8 พ้องเสียงกับคำว่า “ฟาไฉ” ในภาษาจีน ซึ่งแปลว่ารวย และเครื่องหมาย Infinity ที่สื่อถึงความมั่งคั่งแบบไม่มีที่สิ้นสุด หรือเครื่องประดับเพชรรูปพัด คอลเลกชัน “Prosperous Fortune” เชื่อว่าจะพัดพาความสุข ความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาสู่ชีวิต เรียกเงินทอง และโชคลาภมาสู่ผู้ครอบครอง เป็นต้น

แหวนเพชรคอลเลกชัน “8 Infinity”


เครื่องประดับเพชรรูปพัดคอลเลกชัน “Prosperous Fortune”

ที่มาภาพ: https://mgronline.com/celebonline/detail/9640000057215

            ทั้งนี้ เครื่องประดับกับความเชื่อเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่ไม่ควรมองข้าม เพราะตราบใดที่ผู้คนยังคงมีความเชื่อและต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อก็จะยังคงขายได้ดีอยู่เสมอ และเมื่อมีความเชื่อแล้วต่อให้แพงแค่ไหน ผู้คนกลุ่มนี้ก็ต้องเสาะแสวงหามาไว้ในครอบครองจนได้


ผู้เขียน: นางสาววาสนา สมเนตร์

ผู้ตรวจสอบ: นางสาววันดี ม่านศรีสุข

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ข้อมูลอ้างอิง


1. มีการขุดพบเครื่องมือทำเหมืองทับทิมในยุคหินและยุคสำริดในพื้นที่เหมืองโมกกของเมียนมา ในสมัยโบราณชาวเมียนมาเชื่อว่าพลอยทับทิมจะสุกเช่นเดียวกับผลไม้ทับทิมที่สุกบนต้นไม้ และเชื่อว่าการฝังทับทิมเข้าไปในร่างกายของพวกเขาจะทำให้ข้าศึกศัตรูฟันแทงไม่เข้า
-------------------------------------------------------
ข้อมูลอ้างอิง
1) มติชนออนไลน์. 4 ตุลาคม 2562. เปิดความเชื่อ ‘พลังแห่งอัญมณี’ อำนาจ-โชคลาภ-ความรัก. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://www.matichon.co.th/lifestyle/news_1698130. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564
2) BRilliANCE. 2564. History of Diamonds. [Online]. Available at https://www.brilliance.com/education/ diamonds/history. (Retrieved October 8, 2021).
3) Eternityrose. Gift Theme Origins for Wedding Anniversaries. [Online]. Available at www.eternityrose.com.au/ anniversary-gifts-by-year. (Retrieved October 15, 2021).
4) The Journalist Club. 18 สิงหาคม 2563. 10 อัญมณี ความหมายดีๆ ส่งเสริมคนใส่ ที่ให้มากกว่าความสวย. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://thejournalistclub.com. สืบค้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564
5) VOGUE 2017. Rubies for Blood, Emeralds for Truth: The Hidden Meanings and Histories of Your Favorite Gemstones. [Online]. Available at https://www.vogue.com/article/meaning-history-gemstones-rubies-emeralds-diamonds (Retrieved October 5, 2021).

เอกสารแนบ


ความคิดเห็น


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

ตลาดเครื่องประดับกับความเชื่อกลุ่มอัญมณี Big 4

Jan 19, 2023
3072 views
7 shares

            ในโลกนี้มีความความเชื่อต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่อัญมณีที่เชื่อกันว่าเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับการกำเนิดของโลกใบนี้ ด้วยความหายากและความงามอันลึกลับ อัญมณีจึงถูกเชื่อว่ามีพลังเร้นลับซ่อนอยู่ ดังเช่นอัญมณีในกลุ่ม Big 4 ซึ่งประกอบไปด้วยเพชร ทับทิม ไพลิน และมรกต ซึ่งมีประวัติยาวนานมาหลายพันปี ผู้คนเชื่อกันว่ามีพลังอำนาจช่วยปกป้องคุ้มครอง เสริมความสำเร็จสมหวังทั้งงาน เงิน และความรัก หรือนำพาแต่สิ่งดีๆ มาให้แก่ผู้ครอบครอง รวมถึงความเชื่อในคุณค่าและมูลค่าที่เพิ่มขึ้น จึงนิยมนำอัญมณีเหล่านี้มาสวมใส่เป็นเครื่องรางของขลังและเครื่องประดับเสริมมงคลตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน 

 ตำนานความเชื่อของเพชร อัญมณีสูงค่า

            เพชร หรือ Diamond มาจากภาษากรีกว่า “Adamas” หมายถึง “ไม่มีสิ่งใดเทียบได้” เพชรมีองค์ประกอบหลักคือธาตุคาร์บอน มีค่าความแข็งที่สุดเท่ากับ 10 ตามสเกลของโมส์ (Moh's Scale) ตามตำนานกรีกโบราณเชื่อว่า เพชรคือ หยาดน้ำตาของเทพเจ้า ซึ่งไม่มีใครสามารถทำลายได้ เป็นการอุปมาอุปไมยถึงความแข็งแกร่งของเพชร หรือตำนานของอินเดียที่ว่า เพชรมีแหล่งกำเนิดมาจากกระดูกยักษ์ชื่อมหาพลสูตรที่คิดจะทำพิธีอดอาหารเพื่อเป็นเกียรติยศให้ปรากฏในแผ่นดิน พอครบ 7 วัน ก็สิ้นชีวิต เทวดาจึงนำกระดูกไปฝังไว้ทุกแห่ง แล้วกระดูกก็กลายเป็นเพชร สำหรับการค้นพบเพชรครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในเหมืองของอินเดียเมื่อกว่า 5,000 ปีก่อน ซึ่งอาณาจักรอินเดียโบราณเชื่อว่าเพชรมีพลังอำนาจในการดลบันดาลให้ได้รับชัยชนะจากการทำศึกสงคราม และเป็นเครื่องประดับสำหรับชนชั้นสูงหรือพระมหากษัตริย์เท่านั้น


 ที่มาภาพ: https://satoasiapacific.com

            นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าเพชรช่วยรักษาโรคภัยต่างๆ ช่วยปกป้องคุ้มครอง ทำให้มีชัยชนะเหนือศัตรูและนำพาความสำเร็จความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่ผู้สวมใส่ รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักนิรันดร์ จึงมีผู้คนนิยมนำมาเป็นแหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน นอกจากนี้เพชรยังเป็นอัญมณีประจำเดือนเกิดของผู้ที่เกิดเดือนเมษายน และใช้เป็นสัญลักษณ์แทนวันครบรอบการแต่งงานปีที่ 10, 30 และปีที่ 60 อีกด้วย 


 ตำนานความเชื่อของทับทิม ราชาแห่งอัญมณี

            ทับทิม (Ruby) มาจากภาษาลาติน ว่า “Ruber” หรือ “Rubinus” หมายถึง สีแดง ส่วนรากศัพท์เดิมมาจากภาษาสันสกฤต คือ Ratanaraj หรือ Ratananayaka แปลว่า ราชาแห่งอัญมณี จัดเป็นแร่คอรันดัม มีสีแดงจนถึงสีม่วงแดง มีองค์ประกอบทางเคมีคือ อะลูมิเนียมออกไซด์และมีธาตุที่ให้สีแดงคือโครเมียม ซึ่งทับทิมจะมีสีแดงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณธาตุโครเมียมนั่นเอง และทับทิมมีความแข็งเท่ากับ 9 ตามโมห์สเกล ซึ่งเป็นความแข็งที่รองจากเพชร 

            ตำนานเกี่ยวกับทับทิมมีหลากหลาย อาทิ ในพระคัมภีร์ของศาสนาฮินดู ได้กล่าวไว้ว่า ทับทิมเป็นอัญมณีล้ำค่าที่สุดในบรรดาอัญมณี 12 ชนิดที่พระเจ้าสร้างขึ้น เรียกว่า “รัตนราช” ซึ่งหมายถึง “ราชาแห่งอัญมณีล้ำค่า” หากผู้ใดบูชาพระกฤษณะด้วยทับทิม จะได้เกิดใหม่เป็นจักรพรรดิผู้มีอำนาจ หรือชาวกรีกโบราณเชื่อว่าทับทิมมีประโยชน์เหมือนถ่านหินที่เก็บความร้อนไว้จำนวนมหาศาล และเมื่อนำไปแช่ในน้ำจะทำให้น้ำเดือดได้ หรือตำนานทับทิมสีเลือดนกในเมียนมา1  เกิดจากนายงะม็อก ชาวบ้านเมืองโมกกได้พบทับทิมเม็ดใหญ่และได้นำไปถวายแก่พระมหากษัตริย์ จากนั้นชาวต่างชาติคนหนึ่งก็ได้นำทับทิมอีกเม็ดหนึ่งไปถวายพระมหากษัตริย์เช่นกัน ซึ่งทับทิมเม็ดนี้มีสีเหมือนกับทับทิมที่งะม็อกนำไปถวาย แต่ขนาดใหญ่กว่าและน้ำงามกว่าทับทิมของงะม็อกมาก ทำให้กษัตริย์คิดว่างะม็อกคิดไม่ซื่อขายทับทิมเม็ดงามนี้ไปให้กับชาวต่างชาติคนนี้ จึงทรงสั่งให้จับคนในหมู่บ้านที่งะม็อกอาศัยอยู่ไปขังรวมกันแล้วจุดไฟเผาทั้งเป็น ทับทิมเม็ดนั้นก็ได้ถูกนำไปทำเป็นแหวนและตกทอดแก่พระมหากษัตริย์หลายพระองค์ จนกระทั่งในปี 1885 อังกฤษบุกเข้ายึดเมียนมาในสมัยที่พระเจ้าสีป่อเป็นพระมหากษัตริย์ ซึ่งได้ทรงลี้ภัยไปต่างแดน แต่มิได้นำแหวนทับทิมนี้ไปด้วย และแหวนทับทิมนี้ก็สูญหายไปอย่างปริศนานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


ภาพ: เฟซบุ๊ก Burmese Ruby Rough Mogok Myanmar

            นอกจากตำนานดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีความเชื่อว่าทับทิมเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผู้ครอบครองมีอำนาจ ความฮึกเหิมกล้าหาญ และทำให้มีชัยชนะในสงคราม ในเอเชียยุคโบราณจึงนำทับทิมไปเป็นเครื่องประดับบนเสื้อเกราะ สายบังเหียน และฝักดาบของพระมหากษัตริย์และแม่ทัพ หรือจักรพรรดิในราชวงศ์ชิง ทรงใช้ทับทิมประดับหัวเข็มขัดเพื่อแสดงตำแหน่งจักรพรรดิ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าทับทิมจะช่วยปกป้องผู้เป็นเจ้าของจากความโชคร้าย ช่วยส่งเสริมความสำเร็จ ความร่ำรวย ความเมตตา ความรัก และความเข้าใจ คู่รักจึงนิยมใช้แหวนทับทิมเป็นแหวนหมั้น เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยให้ความรักมั่นคง ยั่งยืนตลอดไป อีกทั้งทับทิมถือเป็นอัญมณีสำหรับคนเกิดเดือนกรกฎาคม และคนเกิดวันอาทิตย์ รวมถึงเป็นทับทิมสำหรับฉลองครบรอบการแต่งงานปีที่ 15 และปีที่ 40


  ตำนานความเชื่อของไพลิน

            ไพลิน (Blue Sapphire) เป็นแร่คอรันดัมที่มีสีน้ำเงิน โดยคำว่า “Sapphire” มาจากภาษากรีกว่า “Sappirus” หมายถึง สีน้ำเงิน จัดเป็นแร่คอรันดัม โดยชาวเปอร์เซียโบราณเชื่อกันว่าแซปไฟร์คือ หินที่มาจากท้องฟ้า เนื่องจากโลกตั้งอยู่บนแซปไฟร์ขนาดใหญ่ จึงทำให้สะท้อนแสงแดด ออกไปสู่ท้องฟ้าแล้วเป็นสีน้ำเงิน ชาวกรีกจะเรียกไพลินว่าเป็น "อัญมณีของเทพเจ้าอพอลโล" ชาวกรีกจะต้องสวมไพลินเมื่อจะเข้าไปถามเทพพยากรณ์ในวิหารเดลฟี่ เพราะเชื่อว่าไพลินจะช่วยทำให้เข้าใจคำตอบที่ได้รับมากยิ่งขึ้น ส่วนชาวโรมันเชื่อว่า ไพลินมีอำนาจลึกลับทำให้เจ้าของมีสติปัญญาและสุขภาพที่ดี


ที่มาภาพ: www.chatham.com/

            ปัจจุบันไพลินถือเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและความซื่อสัตย์ และเชื่อกันว่าเป็นอัญมณีแห่งคุณธรรม มีจิตใจตั้งมั่นในคุณงามความดี ทำให้เป็นที่รักใคร่เมตตาและเป็นที่ศรัทธาของผู้อื่น ช่วยให้สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจไว้ และยังช่วยควบคุมอารมณ์ บรรเทาอาการทางสมอง โรคเกี่ยวกับประสาทและไขสันหลัง ทำให้ผู้สวมใส่มีสุขภาพแข็งแรง โดยไพลินเป็นพลอยประจำเดือนเกิดของผู้เกิดเดือนกันยายน และยังเป็นที่นิยมของคู่รักมอบเป็นของขวัญให้แก่กันในโอกาสครบรอบการแต่งงานในปีที่ 5 และ 45

 ตำนานความเชื่อของมรกต

            มรกตมาจากภาษากรีกว่า “Smaragdos” หมายถึง สีเขียว จัดเป็นแร่เบริลชนิดหนึ่ง โดยเรื่องราวของมรกตปรากฏในแผ่นดินฟาโรห์ ช่วง 1900-1500 ปีก่อนคริสตกาล และดำเนินมาถึงยุคพระนางคลีโอพัตรา ราชินีแห่งอียิปต์ ซึ่งชื่นชอบการสวมใส่มรกตมาก ตามตำนานกล่าวว่ามรกตเป็นหนึ่งในอัญมณีมีค่าสี่อย่างที่พระเจ้ามอบให้กับกษัตริย์โซโลมอน เชื่อว่าอัญมณีทั้งสี่นี้จะทำให้กษัตริย์มีอำนาจเหนือทุกสิ่ง 

            นอกจากนี้ยังมีหลากหลายความเชื่อเกี่ยวกับมรกต เช่น ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่ามรกตเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอมตะ จึงมักสวมสร้อยคอมรกตให้กับมัมมี่เพื่อคงความเป็นหนุ่มสาวชั่วนิรันดร์ โดยหวังว่าผู้ตายจะมีความสุขในชีวิตหลังความตาย หรือชาวอินคาใช้มรกตเป็นเครื่องประดับและพิธีกรรมทางศาสนามานานกว่า 500 ปี ชาวคริสต์ถือว่ามรกตเป็นสัญลักษณ์ของการกลับมามีชีวิตใหม่ และยังหมายถึงความรักชั่วนิรันดร์ ส่วนชาวมุสลิมถือว่ามรกตเป็นอัญมณีแห่งสวรรค์ เป็นต้น

            สีเขียวของมรกตเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่ง ร่ำรวย และยังเชื่อกันว่ามรกตจะช่วยให้ผู้สวมใส่มีสายตาดีขึ้น เสริมสติปัญญาและความจำ ทำให้โชคดี ช่วยป้องกันภัย และส่งเสริมความสมหวังในความรัก ทั้งนี้ มรกตจัดเป็นอัญมณีสำหรับผู้เกิดเดือนพฤษภาคม และราศีกรกฎ

ตัวอย่างแบรนด์เครื่องประดับกับความเชื่อ

            แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแต่ความเชื่อในอดีตยังคงมีอยู่ในสังคมโลกปัจจุบัน หลายแบรนด์จึงคว้าโอกาสเจาะกลุ่มตลาดความเชื่อ โดยออกแบบเครื่องประดับที่มีความสวยงามและทันสมัยมากขึ้น หากแต่ผสมผสานไว้ซึ่งความเชื่อแต่โบราณ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

Van Cleef & Arpels

            แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติฝรั่งเศสซึ่งมีความเชื่อเรื่องโชคชะตาและเครื่องหมาย โดยฌาคส์ อารเปลส์ เจ้าของแบรนด์กล่าวไว้ว่า “ถ้าต้องการมีโชค เราต้องเชื่อในโชค” และได้นำสัญลักษณ์นำโชคดีอย่างใบไม้มงคลต่างๆ เช่น โคลเวอร์สี่แฉก หรือสัตว์นำโชคอย่างผึ้ง เป็นต้น มาออกแบบเครื่องประดับของแบรนด์ 


ตัวอย่างคอลเลกชัน Le Secret ธีม “เชื่อในโชค” เป็นแหวนรูปผึ้งตอมใบไม้ที่ตกแต่งด้วยพลอยสี โดยตัวแหวนทำจากทองสีเหลืองและสีชมพู 18K ตัวผึ้งเป็นพลอยสเปสซาไทท์  ส่วนใบไม้ตกแต่งด้วยทับทิม เพชร และแซปไฟร์แฟนซี 

ที่มาภาพ:  www.vancleefarpels.com



Brilliant Earth

            แบรนด์เครื่องประดับชั้นนำของสหรัฐอเมริกาที่ได้บอกเล่าความเป็นมาและความเชื่อของอัญมณีชนิดต่างๆ บนเว็บไซต์ อาทิ อัญมณีประจำเดือนเกิดเดือนกันยายนอย่างไพลิน ซึ่งได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยโรมัน โดยในสมัยโบราณเชื่อกันว่าไพลินปกป้องผู้สวมใส่จากความชั่วร้าย และชาวยุโรปในยุคกลางเชื่อว่าไพลินช่วยรักษาโรคตาและรักษาพรหมจรรย์ หรือจักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต แห่งฝรั่งเศสได้มอบแหวนหมั้นเพชรประดับไพลินสองเม็ดแก่โจเซฟีนผู้เป็นที่รักในปี 1796 ซึ่งแหวนถูกขายทอดในตลาดในราคาเกือบ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2013 ทั้งนี้ ไพลินมีความคงทนและเป็นสัญลักษณ์แทนความซื่อสัตย์ จึงเหมาะกับการใช้เป็นแหวนหมั้นและสวมใส่ในชีวิตประจำวัน


แหวนหมั้นไพลินแบรนด์ Brilliant Earth

ที่มาภาพ: www.brilliantearth.com


Jubilee Diamond

            แบรนด์เครื่องประดับเพชรชั้นนำของไทย ซึ่งนำสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและความโชคดีในด้านต่างๆ มาเป็นแนวทางในการออกแบบเครื่องประดับเพชร เช่น คอลเลกชัน “8 Infinity” แหวนเพชรเลข 8 พ้องเสียงกับคำว่า “ฟาไฉ” ในภาษาจีน ซึ่งแปลว่ารวย และเครื่องหมาย Infinity ที่สื่อถึงความมั่งคั่งแบบไม่มีที่สิ้นสุด หรือเครื่องประดับเพชรรูปพัด คอลเลกชัน “Prosperous Fortune” เชื่อว่าจะพัดพาความสุข ความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาสู่ชีวิต เรียกเงินทอง และโชคลาภมาสู่ผู้ครอบครอง เป็นต้น

แหวนเพชรคอลเลกชัน “8 Infinity”


เครื่องประดับเพชรรูปพัดคอลเลกชัน “Prosperous Fortune”

ที่มาภาพ: https://mgronline.com/celebonline/detail/9640000057215

            ทั้งนี้ เครื่องประดับกับความเชื่อเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่ไม่ควรมองข้าม เพราะตราบใดที่ผู้คนยังคงมีความเชื่อและต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อก็จะยังคงขายได้ดีอยู่เสมอ และเมื่อมีความเชื่อแล้วต่อให้แพงแค่ไหน ผู้คนกลุ่มนี้ก็ต้องเสาะแสวงหามาไว้ในครอบครองจนได้


ผู้เขียน: นางสาววาสนา สมเนตร์

ผู้ตรวจสอบ: นางสาววันดี ม่านศรีสุข

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ข้อมูลอ้างอิง


1. มีการขุดพบเครื่องมือทำเหมืองทับทิมในยุคหินและยุคสำริดในพื้นที่เหมืองโมกกของเมียนมา ในสมัยโบราณชาวเมียนมาเชื่อว่าพลอยทับทิมจะสุกเช่นเดียวกับผลไม้ทับทิมที่สุกบนต้นไม้ และเชื่อว่าการฝังทับทิมเข้าไปในร่างกายของพวกเขาจะทำให้ข้าศึกศัตรูฟันแทงไม่เข้า
-------------------------------------------------------
ข้อมูลอ้างอิง
1) มติชนออนไลน์. 4 ตุลาคม 2562. เปิดความเชื่อ ‘พลังแห่งอัญมณี’ อำนาจ-โชคลาภ-ความรัก. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://www.matichon.co.th/lifestyle/news_1698130. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564
2) BRilliANCE. 2564. History of Diamonds. [Online]. Available at https://www.brilliance.com/education/ diamonds/history. (Retrieved October 8, 2021).
3) Eternityrose. Gift Theme Origins for Wedding Anniversaries. [Online]. Available at www.eternityrose.com.au/ anniversary-gifts-by-year. (Retrieved October 15, 2021).
4) The Journalist Club. 18 สิงหาคม 2563. 10 อัญมณี ความหมายดีๆ ส่งเสริมคนใส่ ที่ให้มากกว่าความสวย. [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://thejournalistclub.com. สืบค้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564
5) VOGUE 2017. Rubies for Blood, Emeralds for Truth: The Hidden Meanings and Histories of Your Favorite Gemstones. [Online]. Available at https://www.vogue.com/article/meaning-history-gemstones-rubies-emeralds-diamonds (Retrieved October 5, 2021).

เอกสารแนบ

เราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้   ตั้งค่า ยอมรับ

×
140 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ชั้น 4 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: 0 2634 4999 ต่อ 444
โทรสาร: 0 2634 4970
external-site