เพชรสีแฟนซีเป็นเพชรที่มีสีสันต่างๆ เช่น สีเหลือง สีฟ้า สีชมพู สีเขียว สีส้ม สีม่วง และสีดำ เป็นต้น เพชรสีพบได้น้อยมากเมื่อเทียบกับเพชรสีขาวใส โดยการขุดพบเพชรสีขาวใสในทุกๆ 10,000 กะรัตจะพบเพชรสีเพียง 1 กะรัตเท่านั้น ด้วยมนต์เสน่ห์ของเพชรสีแฟนซีที่มีความสวยงามและหาได้ยากมาก จึงเป็นที่ต้องการครอบครองของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะกลุ่มนักสะสมและนักลงทุน ส่งผลให้เพชรสีแฟนซีมีราคาสูงมากและมูลค่ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งการเก็บสะสมเพชรสีน้ำงามไว้นอกจากเพื่อเป็นสินทรัพย์สร้างความมั่งคั่งแล้วยังเป็นคุณค่าทางจิตใจของผู้ที่ได้ครอบครองอีกด้วย

เพชรแฟนซีหลากสีสัน

เพชรสีแฟนซีตามธรรมชาตินั้นหาได้ยากมากและสวยงาม น่าจับต้อง ซึ่งเพชรแต่ละเม็ดมีเฉดสีและคุณภาพที่โดดเด่น ทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่มีปริมาณน้อยมากในตลาด สวนทางกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้เป็นหนึ่งในอัญมณีที่มีมูลค่าสูงที่สุด โดยเพชรสีแฟนซี มีดังนี้

- เพชรสีเหลือง พบได้มากกว่าเพชรสีอื่นๆ จึงมีราคาที่เข้าถึงได้ แต่ถ้าเป็นเพชรสีเหลืองเข้มบริสุทธิ์ก็จะมีราคาสูง สำหรับแหล่งผลิตเพชรสีเหลืองได้แก่ ออสเตรเลีย แอฟริกากลาง แองโกลา เกาะบอร์เนียว บราซิล สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และเซียร์ราลีโอน โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000 - 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัต หากเป็นเพชรสีเหลืองสดบริสุทธิ์ จะมีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 8,000-20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัต

- เพชรสีชมพู ปัจจุบันพบได้ยากที่สุดชนิดหนึ่งในบรรดาเพชรสีต่างๆ เนื่องจาก Argyle ซึ่งเป็นเหมืองชื่อดังในออสเตรเลียที่ขุดพบเพชรสีชมพูราว 90% ของโลกได้ปิดตัวลงตั้งแต่ปี 2020 ในขณะที่เพชรสีชมพูกลับเป็นสีที่ผู้บริโภคต้องการมาก จึงผลักดันให้ราคาดีดสูงขึ้นมาก ส่วนเหมืองที่ยังสามารถผลิตเพชรสีชมพูได้อยู่ในจังหวัดลุนดานอร์ (Lunda Norte) ของประเทศแองโกลา โดยราคาเฉลี่ยต่อกะรัตของเพชรสีชมพูอยู่ที่ 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ หากเป็นเพชรสีชมพูคุณภาพดีจะมีราคามากกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัต

- เพชรสีแดง พบได้ในบราซิล รัสเซียและบางประเทศในแอฟริกา จัดเป็นเพชรที่พบได้ยากที่สุดและแพงที่สุดในโลก เชื่อกันว่ามีเพชรสีแดงบนโลกนี้ไม่เกิน 30 เม็ด โดยปกติเพชรสีแดงที่พบมักจะมีขนาดเพียงครึ่งกะรัตถึงหนึ่งกะรัตเท่านั้น ทำให้มีราคาสูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัต

- เพชรสีฟ้า เป็นหนึ่งในเพชรที่หาได้ยากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพชรที่มีสีฟ้าเข้มยิ่งหาได้ยากมากที่สุด แต่เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาด สำหรับแหล่งผลิตเพชรสีฟ้าพบเพียง 3 แห่งในโลก ได้แก่ เหมืองคัลลิแนน (Cullinan mine) ใกล้เมืองพริทอเรีย (Pretoria) ในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเพชรสีฟ้ารายสำคัญที่สุดของโลก เหมือง Merlin ใน Northern Territory ของออสเตรเลีย และเหมืองโกลคอนดา (Golconda mine) ของอินเดีย ซึ่งเพชรสีฟ้าในเหมืองนี้ขึ้นชื่อในเรื่องขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก และความใส ราคาเฉลี่ยต่อกะรัตสำหรับเพชรสีฟ้าคือ 12,500 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากเป็นเพชรสีฟ้าคุณภาพดีก็จะมีราคามากกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัตขึ้นไป

- เพชรสีม่วง นับเป็นหนึ่งในบรรดาเพชรสีที่ขุดพบได้ยากมาก สีนี้เชื่อมโยงกับราชวงศ์และเกียรติยศมาช้านาน เนื่องจากในสมัยโรมันมีเพียงกษัตริย์เท่านั้นที่สามารถซื้อหรือครอบครองสิ่งของที่เป็นสีม่วงได้ และกษัตริย์มักมอบเหรียญหัวใจสีม่วงให้เพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บในสนามรบ จากความสัมพันธ์นี้ ทำให้เพชรสีม่วงเป็นที่ต้องการอย่างมาก โดยเพชรสีม่วงพบได้เพียงไม่กี่แหล่งในโลก ได้แก่ เหมือง Yakutia และ เหมือง Arkhangelsk ในรัสเซีย เหมืองในเมือง Quebec ของแคนาดา และในบางเหมืองของแอฟริกาใต้ ยกตัวอย่างราคาเพชรสีม่วงที่มีน้ำหนัก 0.42 กะรัตมีราคาประมาณ 15,200 ดอลลาร์สหรัฐ

- เพชรสีเขียว สีเขียวมักอยู่เพียงแค่บนผิวของเพชรเท่านั้น หากเจียระไนไม่ดีก็จะทำให้สีเขียวหลุดออกไปได้ง่าย ดังนั้น เพชรสีเขียวตามธรรมชาติจึงหาได้ยากมาก ซึ่งส่งผลให้มูลค่าสูงขึ้นมากด้วย โดยปกติเพชรสีเขียวธรรมชาติคุณภาพดีมีราคาประมาณ 50,000 – 300,000 ดอลลาร์ต่อกะรัต (แต่โดยทั่วไปมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,350 – 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัต) ทั้งนี้ แหล่งผลิตเพชรสีเขียวมีจำนวนน้อยและขุดพบได้ปริมาณน้อยมากในบางเหมืองของบราซิลและแอฟริกากลาง 

ภาพ: https://www.anitadiamonds.com

- เพชรสีส้ม เป็นสีที่หาได้ยากมาก สีส้มเกิดจากการผสมระหว่างสีแดงและสีเหลืองและเกิดจากการมีไนโตรเจนอยู่ในโครงตาข่ายคาร์บอนของเพชร จึงมีตั้งแต่สีแดงส้มจนถึงสีเหลืองส้ม เพชรสีส้มบริสุทธิ์จึงหาได้ยากมาก นักอัญมณีศาสตร์จึงจัดให้เพชรที่มีสีส้มอยู่ราว 25% เรียกว่าเป็นเพชรสีส้ม ทั้งนี้ เดิมทีสามารถขุดพบเพชรสีส้มได้ในเหมือง Argyle ของออสเตรเลีย ปัจจุบันพบได้ปริมาณน้อยมากในบางเหมืองของแอฟริกาใต้ สำหรับราคาเพชรแฟนซีสีส้มสดใสบริสุทธิ์ 0.50 กะรัต มีราคาสูงถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ

- เพชรสีน้ำตาล  มักเรียกกันว่า “เพชรช็อกโกแลต” ซึ่งเพชรสีน้ำตาลเริ่มได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นตัวเลือกที่มีราคาย่อมเยาที่เข้าถึงได้ โดยทั่วไปจะขายในราคา 300 – 1,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อกะรัต

- เพชรสีดำ มีคุณสมบัติคล้ายเพชรสีขาวใสทั่วไป แต่สีดำเกิดจากตำหนิจำนวนมาก และก้อนกลุ่มแกรไฟต์ที่เกาะอยู่ภายในเพชรเม็ดนั้น ทำให้เพชรกลายเป็นสีดำทึบ แหล่งผลิตเพชรสีดำมีเพียงเหมืองบางแห่งในบราซิลและแอฟริกากลาง เพชรสีดำตามธรรมชาติหาได้ยากมาก ที่เห็นในท้องตลาดส่วนใหญ่มักผ่านการปรับปรุงคุณภาพ ซึ่งจะมีราคากะรัตละ 100 – 500 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากไม่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพจะมีราคาเฉลี่ยกะรัตละ 1,000 – 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ 

เพชรสีธรรมชาติมีหลากสีหลายขนาด แต่ส่วนใหญ่ขุดพบขนาดเล็ก มีตั้งแต่สีอ่อนสุดไปจนถึงเข้มหรือสด ซึ่งมูลค่าของเพชรสีขึ้นอยู่กับความหายาก ขนาด และความบริสุทธิ์ของสี ยิ่งเพชรสีเข้มและมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งมีราคาแพงมากขึ้นเท่านั้น โดยสีที่พบได้ง่ายในบรรดาเพชรสี ได้แก่ สีเหลือง น้ำตาล และดำ ส่วนเพชรสีที่พบได้ยากกว่า ได้แก่ ชมพู ฟ้า เขียว ม่วง และส้ม จึงมีมูลค่าสูงกว่า ส่วนสีแดงเป็นสีที่พบได้ยากที่สุดจึงมีมูลค่าสูงที่สุด 

เพชรสีแฟนซี เสน่ห์ดึงดูดนักลงทุน

เพชรสีแฟนซีคือโอกาสในการลงทุนที่ดีอย่างหนึ่ง แตกต่างจากการลงทุนอื่นๆ ที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์ เพชรสีแฟนซีนั้นง่ายต่อการจัดเก็บและดูแลรักษาเพียงเล็กน้อยหรือแทบจะไม่ต้องดูแลรักษาเลย เคลื่อนย้ายและขนส่งง่าย เพราะน้ำหนักเบา และไม่ต้องลงทะเบียนทรัพย์สินใดๆ ซึ่งเพชรสีแฟนซีบางเม็ดมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 400% ในทศวรรษที่ผ่านมา 

ภาพ: https://shahlakarimi.com

เพชรสีได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่สำคัญของโลก นับตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา เพชรสีแฟนซีเหมาะกับการลงทุนระยะกลางและยาว โดยนักลงทุนนิยมลงทุนเพชรสีแดง ฟ้า ชมพู และเหลือง ส่วนเพชรสีอื่นๆ มักเป็นที่โปรดปรานของนักสะสมที่ต้องการซื้อเก็บไว้ทำเครื่องประดับที่สวยงามและโดดเด่นแตกต่างจากผู้อื่น ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเพชรสี สำหรับการเลือกซื้อเพชรสีเพื่อการลงทุนนั้น หากเป็นเพชรสีขนาดใหญ่จะมีราคาสูงไม่ว่าเพชรจะมีเฉดสีใดก็ตาม เพราะเพชรสีที่ขุดพบส่วนมากจะเป็นเศษเล็กเศษน้อย ในขณะที่เพชรสีขนาดใหญ่ขุดพบได้ยากมาก และเพชรสีสดบริสุทธิ์ จะเป็นที่ต้องการของนักลงทุนมาก โดยเฉพาะสี Fancy Vivid ขึ้นไปจะเป็นที่ต้องการมากที่สุด อย่างไรก็ดี โดยทั่วไปนักลงทุนมักเริ่มลงทุนตั้งแต่สี Fancy ขึ้นไป 

การแบ่งเกรดสีของเพชรสีแฟนซี

        ยกตัวอย่างให้เห็นภาพจาก Goldmark Oakham ซึ่งได้ระบุไว้บนเว็บไซต์ว่าราคาของแหวนเพชรสีฟ้าเข้ม (Fancy Deep Blue Diamond) ขนาด 0.5 กะรัต ในปี 2011 มีราคาราว 50,500 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อมาในปี 2017 ราคาสูงขึ้นมาเป็น 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ และในปัจจุบันมีราคาสูงกว่า 945,000 ดอลลาร์สหรัฐ 

        ทั้งนี้ ราคาเพชรสียังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของ Fancy Color Research Foundation (FCRF) พบว่าในปี 2022 ราคาเฉลี่ยของเพชรสีแฟนซีทั้งหมดเพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยราคาเฉลี่ยเพชรสีเหลือง สีชมพู และสีฟ้า เพิ่มขึ้น 4.6%, 3.9% และ 1.8% ตามลำดับ และราคาของเพชรสีเหล่านี้ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปี 2023 ซึ่งเพชรสีเหลืองมีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดในบรรดาเพชรสีทั้งหมดราว 2.1% รองลงมาเป็นเพชรสีชมพูและสีฟ้ามีราคาเฉลี่ยสูงขึ้น 1.1% และ 0.2% ตามลำดับ ในขณะที่ราคาเฉลี่ยเพชรสีขาวลดลง 2.8% ต่อเนื่องจากปี 2022

10 อันดับเพชรสีแฟนซีที่แพงที่สุดในโลกในงานประมูลต่างๆ

ที่มา: https://www.thenationalnews.com/lifestyle/luxury/2023/03/30/ten-of-the-most-expensive-diamonds-sold-at-auction/

แนวโน้มตลาดเพชรสีแฟนซี

        เพชรสีแฟนซีถือเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่ปลอดภัยและมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา เนื่องจากเพชรสีมีความสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะในแต่ละเม็ด และที่สำคัญคือพบได้ยากมากขึ้นในแหล่งธรรมชาติ เพราะมีการขุดพบเพชรสีแฟนซีน้อยลงในแต่ละปี เนื่องจากเหมืองผลิตเพชรสีหลายแห่งปิดตัวลง สวนทางกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มคนที่ร่ำรวยในตลาดเกิดใหม่อย่าง อินเดีย จีน รัสเซีย และละตินอเมริกา อีกทั้งนักลงทุนที่มีชื่อเสียงจำนวนมากก็ลงทุนในเพชรสีอยู่แล้ว รวมถึงเหล่าคนดังจำนวนมากที่มักสวมแหวนหมั้นหรือเครื่องประดับเพชรสี ยิ่งเพิ่มการรับรู้และความต้องการเพชรสีในตลาดเป็นอย่างมาก ผลักดันให้ราคาเพชรสีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าตลาดเพชรสีเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

Julia Roberts สวมสร้อยคอเพชรสีเหลือง fancy intense ขนาด 100 กะรัต ร่วมงาน the 2022 Cannes Film Festival 

ภาพ: https://www.the-edge-mag.com/2023/01/27/exceptional-stones

        เพชรสียังคงเป็นการลงทุนที่ทำกำไรได้อยู่เสมอ นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ซื้อในการซื้อเครื่องประดับที่มีค่าและขายต่อในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อครั้งแรก รวมถึงยังสามารถเก็บรักษาเป็นมรดกตกทอดให้แก่ลูกหลาน และนำมาสวมใส่ในโอกาสต่างๆ ได้ ถือเป็นการซื้อคุณค่าทางใจ (Emotion Investing) ที่ไม่สามารถประมาณค่าได้ ซึ่งการลงทุนในเพชรสีเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนตลาดอัญมณีให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อเพชรสีแฟนซีเพื่อการลงทุนนั้นนอกจากจะมีปัจจัยดังกล่าวแล้วข้างต้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องนำมาพิจารณาในการตัดสินใจลงทุน ลูกค้าจึงต้องศึกษารายละเอียดก่อนการลงทุน และกระจายพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม ที่สำคัญคือเลือกซื้อเพชรที่มาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีใบรับรองจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่จะขายต่อในอนาคตได้

ผู้เขียน: นางสาววาสนา สมเนตร์

ผู้ตรวจสอบ: นางสาววันดี ม่านศรีสุข

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)