ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

เครื่องประดับหรู ยังครองใจผู้บริโภค

Jan 15, 2025
411 views
0 share

        เครื่องประดับหรูยังคงเติบโตได้ แม้ว่าโลกจะเผชิญกับความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำอาจส่งผลกระทบต่อคนทั่วไป แต่นักธุรกิจและผู้ที่มีฐานะยังคงมีกำลังซื้อมากพอที่จะใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหรูได้ และในช่วงเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน นักลงทุนมักจะมองหาแหล่งลงทุนที่มีมูลค่าเสถียร เครื่องประดับหรู เช่น เพชร พลอยสี และทองคำ จึงเป็นที่นิยม เนื่องจากมีมูลค่าสูงและสามารถเก็บไว้เป็นทรัพย์สินระยะยาว ซึ่งเป็นการประกันมูลค่าในช่วงที่สินทรัพย์อื่นๆ มีความผันผวนค่อนข้างสูง เช่น หุ้น เป็นต้น

ตลาดเครื่องประดับหรู

เครื่องประดับหรู หมายถึง เครื่องประดับที่มีคุณภาพสูง โดยทั่วไปมักจะทำจากโลหะมีค่าและอัญมณีคุณภาพดีที่เป็นที่ต้องการของตลาด จากข้อมูลของ Cognitive Market Research ระบุว่าขนาดของตลาดเครื่องประดับหรูของโลกในปี 2567 มีมูลค่า 57,154.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าในช่วงปี 2567 – 2574 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยราว 3% 

เครื่องประดับหรูมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ชาวมิลเลนเนียลและอิทธิพลของโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้น รวมถึงผู้คนยังซื้อเครื่องประดับหรูเพื่อการลงทุน ซึ่งสร้างผลตอบแทนค่อนข้างสูง โดยทั่วไปเครื่องประดับแท้จะสามารถทำกำไรได้ระหว่าง 25% - 75% แต่สินค้าหรูและสินค้าแบรนด์มักจะได้รับอัตรากำไรสูงขึ้น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 40% - 47% ยกตัวอย่างเช่น กำไลข้อมือ Juste un Clou จาก Cartier ด้วยดีไซน์เป็นรูปตะปูที่โดดเด่นและเป็นไอคอนของแบรนด์ กำไลรุ่นนี้ขายต่อได้ราคาสูงกว่าเดิมกว่า 79% หรือเครื่องประดับคอลเลกชัน Alhambra จาก Van Cleef & Arpels  ดีไซน์ใบโคลเวอร์ 4 แฉกที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี สามารถทำราคาได้สูงกว่า 86% ของราคาซื้อเดิม เป็นต้น

ภาพซ้าย: กำไลข้อมือ Juste un Clou จาก Cartier

ภาพขวา เครื่องประดับคอลเลกชัน Alhambra จาก Van Cleef & Arpels 

สำหรับตลาดที่นิยมเครื่องประดับหรูหราที่มีศักยภาพสูงจากข้อมูลของ Statista.com พบว่า ประเทศที่มีรายได้จากการขายเครื่องประดับหรูหราสูงสุด 5 อันดับแรกของโลกในปี 2567 ได้แก่ จีน (47,870 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สหรัฐอเมริกา (8,855 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อินเดีย (8,640 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ญี่ปุ่น (2,056 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)  และสหราชอาณาจักร (1,562 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยแต่ละตลาดมีลักษณะเฉพาะและปัจจัยที่ส่งผลต่อความนิยม ดังนี้

1) จีน

        ตลาดเครื่องประดับหรูหราของจีนมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีกหลายปีข้างหน้า โดยแบรนด์ต่างๆ พยายามปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและความท้าทายทางเศรษฐกิจ จากรายงานของ Horizon Grand View Research ได้คาดการณ์ว่าตลาดเครื่องประดับหรูของจีนในช่วงปี 2567 – 2573 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 5% โดยมูลค่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่อยู่ที่ 86,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นมากกว่า 121,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573

        ชาวจีนส่วนใหญ่นิยมบริโภคทองคำ เพชร และหยก ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสินค้าหรูเพื่อสะท้อนสถานะทางสังคม ส่วนเทรนด์ใหม่ที่ได้รับความนิยม เป็นเครื่องประดับแบรนด์ตะวันตก แต่มีดีไซน์ร่วมสมัยที่ผสมผสานวัฒนธรรมจีน อย่างไรก็ดี ทองคำมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและการลงทุนในจีนมาอย่างยาวนาน แต่ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นเกินกว่า 2,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 กำลังกระตุ้นให้ผู้บริโภคอายุน้อยและใส่ใจเรื่องต้นทุนหันมาหาทางเลือกอื่น เช่น แพลทินัม เงิน และวัสดุร่วมสมัยมากขึ้นแทน

2) สหรัฐอเมริกา

        Future Market Insights (FMI) คาดการณ์ว่าตลาดเครื่องประดับหรูในสหรัฐฯ ในช่วงปี 2566 – 2576 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 4.4% โดยผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะมิลเลนเนียลเป็นกำลังสำคัญในตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยในสหรัฐฯ ชื่นชอบเครื่องประดับที่ออกแบบร่วมสมัย มีจริยธรรมและความยั่งยืน ซึ่งเครื่องประดับเจ้าสาวยังคงเป็นตลาดหลักในกลุ่มเครื่องประดับหรู โดยแหวนหมั้นและแหวนแต่งงานที่มีเอกลักษณ์เป็นที่ต้องการสูงในตลาดนี้ และด้วยชาวสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีจริยธรรมและความยั่งยืน เครื่องประดับแท้ตกแต่งด้วยเพชรสังเคราะห์ จึงมีแนวโน้มเป็นที่ต้องการมากขึ้น เนื่องจากเชื่อว่าเป็นอัญมณีที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมน้อยกว่าเพชรที่ขุดจากเหมืองมาก อีกทั้งชาวสหรัฐฯ ยังชื่นชอบสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมในการผลิตและการออกแบบเครื่องประดับที่ให้ชิ้นงานแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์มากขึ้นด้วย

 

แบรนด์ Tiffany & Co.

3) อินเดีย

        ผู้บริโภคชาวอินเดียหันมาลงทุนในสินค้าคุณภาพสูง จับต้องได้ ทนทาน และมีคุณค่าลึกซึ้งเพิ่มมากขึ้น การเติบโตของตลาดเครื่องประดับหรูได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยต่างๆ เช่น การขยายตัวของเมืองที่เพิ่มขึ้น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และการออกแบบตามคำสั่งของลูกค้า รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์เครื่องประดับแบบใหม่มากขึ้น

        โดยเครื่องประดับเจ้าสาวมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดเครื่องประดับหรูของอินเดีย ซึ่งคู่รักในอินเดียมักมีค่าใช้จ่ายสูงในพิธีแต่งงานและการเฉลิมฉลอง ส่งผลเชิงบวกต่อการเติบโตของตลาดนี้ โดยเครื่องประดับ-ทองยังคงเป็นที่นิยมใช้ในพิธีแต่งงาน มีสัดส่วนถึง 50-55% ของเครื่องประดับทั้งหมด ชาวอินเดียยังนิยมมอบเครื่องประดับทองเป็นของขวัญในโอกาสสำคัญต่างๆ เช่น วันเกิด วันครบรอบวันแต่งงาน อีกทั้งยังนิยมสะสมเครื่องประดับทองเพื่อการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

4) ญี่ปุ่น

        เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่สูง ส่งเสริมความต้องการสินค้าหรูหราอย่างเครื่องประดับในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น จากรายงานของ Statista.com ระบุว่ามูลค่าตลาดเครื่องประดับหรูของญี่ปุ่นในช่วงปี 2567 - 2572 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 3.02% ต่อปี โดยเครื่องประดับแท้มีบทบาทสำคัญในตลาดนี้ ซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และตลาดเครื่องประดับงานแต่งงาน รวมถึงเครื่องประดับแบบมินิมอลและงานฝีมือที่มีเอกลักษณ์  เครื่องประดับที่ทำจากไข่มุก เครื่องประดับวินเทจและแอนทีคที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ ก็มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการมากขึ้นในปัจจุบันต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568

ภาพจาก https://kaizenaire.com/

5) สหราชอาณาจักร

        จากรายงานของ Statista.com ระบุว่ามูลค่าตลาดเครื่องประดับหรูของสหราชอาณาจักรในช่วงปี 2567 - 2572 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 1.61% ต่อปี โดยผู้บริโภคให้ความสนใจที่เพิ่มขึ้นในเรื่องของความยั่งยืนและการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรม ผู้บริโภคเริ่มคาดหวังให้แบรนด์เครื่องประดับมีความโปร่งใสในการเปิดเผยแหล่งที่มาของวัสดุ และยึดมั่นในแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงเครื่องประดับไม่ระบุเพศ อีกทั้งลูกค้าจำนวนมากยังชื่นชอบเครื่องประดับหรูหราที่แปลกใหม่ สะท้อนสไตล์บุคลิก มีการรวมวัสดุและรูปทรงใหม่ๆ ไว้ในคอลเลกชันเครื่องประดับ เพื่อดึงดูดความรู้สึกถึงความเป็นปัจเจกบุคคลของลูกค้า ทำให้ผู้ผลิตต้องเน้นเครื่องประดับที่ออกแบบเฉพาะและปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการออกแบบและผลิตเครื่องประดับเฉพาะให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ปัจจัยที่มีผลต่อการเติบโตของตลาดเครื่องประดับหรู

     เศรษฐกิจโลก: ตลาดเครื่องประดับหรูอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เช่น อัตราเงินเฟ้อ และการเปลี่ยนแปลงกำลังซื้อในกลุ่มผู้บริโภคมีรายได้ระดับปานกลาง

     พฤติกรรมผู้บริโภค: ผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางจิตใจของสินค้ามากกว่าแค่สถานะทางสังคม

     กระแสวัฒนธรรมและแฟชั่น: ความนิยมจากคนดังและการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องประดับหรูหรือแบรนด์

แนวโน้มในตลาดเครื่องประดับหรู

มีปัจจัยสำคัญหลายด้านที่กำหนดทิศทางของตลาดเครื่องประดับหรูในปัจจุบันและอนาคต ดังนี้

1. เครื่องประดับที่มีจริยธรรมและความยั่งยืน

        ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรม ฉะนั้น วัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องประดับจะต้องได้รับการรับรองว่าผลิตอย่างรับผิดชอบจากองค์กรต่างๆ เช่น ทองคำจะต้องได้รับการรับรองจาก Fairtrade Gold และ RJC (Responsible Jewellery Council) เป็นต้น อีกทั้งลูกค้ายังเลือกซื้อเครื่องประดับที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย แบรนด์ต่างๆ จึงหันมาใช้วัสดุรีไซเคิลในการออกแบบเครื่องประดับมากขึ้น เช่น การนำทองเก่ามาหลอมและผลิตเป็นเครื่องประดับทองใหม่ หรือการใช้วัสดุเหลือใช้มาผลิตเป็นเครื่องประดับ เป็นต้น

2. เครื่องประดับที่ออกแบบเฉพาะบุคคล

        เครื่องประดับแบบ bespoke หรือ custom-made เช่น การแกะสลักชื่อหรือออกแบบตามคำขอเฉพาะของลูกค้า กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งต้องการชิ้นงานที่เป็นเอกลักษณ์และบ่งบอกตัวตน ปัจจุบันจึงมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ออกแบบเครื่องประดับมากขึ้น เช่น CAD (Computer-Aided Design) หรือ 3D Printing ทำให้การออกแบบเครื่องประดับเฉพาะบุคคลทำได้ง่ายขึ้น

ภาพจาก https://www.haldavis.com

3. การนำเทคโนโลยีมาใช้

        การขายออนไลน์ที่มี AR/VR เพื่อให้ลูกค้าสามารถลองเครื่องประดับแบบเสมือนจริง หรือเทคโนโลยี Blockchain ถูกนำมาใช้ในการติดตามแหล่งที่มาของอัญมณี และการใช้เทคโนโลยีพัฒนาวัสดุใหม่ เช่น การผสมโลหะให้มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงกว่าเดิม เป็นต้น

4. การลงทุนในเครื่องประดับหรู

        นักลงทุนจำนวนไม่น้อยกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในอัญมณีและเครื่องประดับคุณภาพสูงหรือแบรนด์เนมมากขึ้น โดยส่วนมากมักจะลงทุนในเพชรสีแฟนซีและพลอยสีหายากในกลุ่มทับทิม ไพลิน และมรกต ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มในระยะยาว 

        อย่างไรก็ดี ตลาดเครื่องประดับหรูยังคงมีการเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมของผู้บริโภค การปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวโน้มเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

จัดทำโดย นางสาววาสนา สมเนตร์

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

มกราคม 2568