ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
เยาวราช...ถนนสายทองคำล้ำค่าของไทย
Apr 11, 2018
3526
views
0
share
เยาวราชหรือย่านไชน่าทาวน์ เป็นแหล่งชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่และทำธุรกิจบนถนนเส้นนี้จำนวนมาก นับเป็นถนนสายเศรษฐกิจที่สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ชอปปิ้งครบวงจร เพราะภายในบริเวณนี้ประกอบไปด้วยร้านอาหารที่หลากหลาย ร้านขายสินค้าต่างๆ เช่น ของที่ระลึก ขายส่งสินค้าเครื่องประดับแฟชั่นและแอคเซสเซอรี่ บริการทางการเงินจากธนาคารชั้นนำ นอกจากความเพลิดเพลินจากการชอปปิ้งสินค้าต่างๆ แล้ว หากต้องการซื้อเครื่องประดับทองคำเพื่อสวมใส่และลงทุนก็สามารถหาซื้อได้ที่เยาวราช หรือที่มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ถนนสายทองคำ” เพราะตลอดทั้งถนนมีร้านค้าทองคำมาตรฐานตั้งอยู่จำนวนมาก รวมกันกว่า 150 ร้าน ถือเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีเครื่องประดับทองคำของเมืองไทยเลยทีเดียว
ตลาดค้าทองคำเยาวราช
ธุรกิจผลิตอัญมณีเครื่องประดับทองคำในเยาวราชมีมานานกว่า 130 ปี เริ่มต้นมาจากชาวจีนที่อพยพมาอยู่เมืองไทย และได้นำภูมิความรู้การผลิตทองรูปพรรณมาผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับทองในย่านเยาวราช ซึ่งในช่วงแรกยังไม่มีหน้าร้าน เป็นการผลิตตามจำนวนที่ลูกค้าสั่ง เจ้าของร้านก็คือช่างทอง ที่ทำการผลิตและจำหน่ายทองด้วยตนเอง ซึ่งการผลิตทองรูปพรรณในอดีตล้วนแล้วแต่ทำด้วยมือทั้งสิ้น จึงทำให้มีรูปแบบและลวดลายที่วิจิตรสวยงามและมีเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ช่างทองได้สะสมประสบการณ์การผลิตทองรูปพรรณจนกระทั่งทราบถึงลวดลายและน้ำหนักที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า จากนั้นจึงเริ่มผลิตเก็บสะสมเป็นสต็อกไว้ โดยทองรูปพรรณที่แต่ละร้านจำหน่ายในขณะนั้น จะมีค่าความบริสุทธิ์และน้ำหนักทองคำที่แตกต่างกัน
ปัจจุบันร้านค้าทองในเยาวราชขยายรูปแบบเป็นธุรกิจมากขึ้น โดย แต่ละร้านมีการจ้างคนงานและช่างทองของตนเอง และมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิตเชิงอุตสาหกรรมด้วย หากแต่สินค้าทำมือก็ยังคงได้รับความนิยมมากกว่า เพราะมีความประณีตละเอียดอ่อนมากกว่าใช้เครื่องจักร ทั้งนี้ ทองที่จำหน่ายในเยาวราชนั้นมีค่าความบริสุทธิ์ 96.5% (23.16 K) ซึ่งส่วนใหญ่จำหน่ายให้แก่ผู้ซื้อชาวไทย หากแต่ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาซื้อบ้างประปราย โดยทอง 96.5% ถือเป็นค่าความบริสุทธิ์ที่คนไทยนิยมและเป็นค่ามาตรฐานของร้านทองทุกร้าน เนื่องจากมีความแข็งแรงคงทนทำเป็นลวดลายต่างๆ ได้หลากหลาย อีกทั้งยังมีสีสันที่เหลืองสุกอร่าม เมื่อถูกไฟสีของทองจะไม่เปลี่ยน มีความวาวพอดี ขณะที่ทอง 99.99% แม้จะมีค่าความบริสุทธิ์ของทองคำที่สูงกว่า หากแต่เนื้อทองค่อนข้างนิ่ม ยืดง่ายและบิดงอเสียรูปทรงได้ง่าย ส่วนทองคำที่มีค่าความบริสุทธิ์ต่ำกว่า 96.5% ลงมานั้น เนื้อทองจะแข็งมากจนบิดงอทำลวดลายต่างๆ ได้ยาก เวลาถูกไฟรนสีของทองจะเปลี่ยนไป
ทางด้านการจำหน่ายนั้น ร้านค้าทองทุกร้านจะมีหน้าร้านและวางจำหน่ายทั้งทองคำแท่ง เหรียญทองคำ และทองรูปพรรณที่ทำสต็อกไว้จำนวนมากในตู้โชว์กระจกสีแดง (คนทั่วไปนิยมเรียกว่า “ทองตู้แดง”) เพื่อให้ลูกค้าเห็นสินค้าได้ง่ายและเลือกซื้อได้ทันที ขณะเดียวกันทางร้านก็ยังคงรับผลิตตามคำสั่งลูกค้าด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ เช่น งานหมั้นหรืองานแต่งงาน โดยการซื้อขายทองคำในประเทศไทยนั้น จะซื้อขายกันในหน่วยน้ำหนักเป็น “บาท” โดยทองคำแท่ง 1 บาท หนัก 15.244 กรัม และทองรูปพรรณ 1 บาท หนัก 15.16 กรัม
ทั้งนี้ นอกจากการผลิตเพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภคในประเทศเป็นหลักแล้ว ปัจจุบันผู้ประกอบการค้าทองคำหลายรายยังได้ผลิตเครื่องประดับทองส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศด้วย ซึ่งการผลิตเพื่อส่งออกมักจะเป็นการทำตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตและรูปแบบของสินค้าตลอดจนมาตรฐานความบริสุทธิ์ของทองคำตามเกณฑ์ของประเทศผู้สั่งซื้อ
มาตรฐานการค้าทองคำในเยาวราช
ร้านค้าทองในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสมาคมค้าทองคำ ซึ่งสินค้าที่วางจำหน่ายในร้านได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ด้วยระบบตรวจสอบคุณภาพที่เคร่งครัด โดยทองที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพแล้วจะได้รับการสลักตราสัญลักษณ์ของผู้ผลิตไว้ เพื่อเป็นการรับรองมาตรฐานและประกันราคารับซื้อคืนสินค้า ดังนั้นลูกค้าที่เห็นตราสัญลักษณ์บนสินค้าจึงมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ซื้อจากร้านค้านั้นๆ ได้มาตรฐานตามกำหนด
อนึ่ง ราคาซื้อขายทองคำทุกร้านในเยาวราชและทั่วประเทศ อ้างอิงจากประกาศของสมาคมค้าทองคำ ซึ่ง สมาคมกำหนดราคาซื้อขายจากราคาทองคำในตลาดโลกและอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสูตรคำนวณราคาทอง คือ (Spot Gold + Premium) x 32.148 x อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท และเนื่องจากสินค้าที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ทำด้วยมือ จึงต้องมีการบวกค่าแรงช่างฝีมือเพิ่มเข้ากับราคาทองคำด้วย ซึ่งราคาจะแตกต่างกันตามความยากง่ายของลวดลายแต่ละชิ้น โดยส่วนใหญ่ค่าแรงเฉลี่ยอยู่ที่ 600 – 800 บาทต่อน้ำหนักทองหนึ่งบาท อย่างไรก็ดี ราคานี้ถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับคุณภาพและคุณค่าที่จะได้รับ
เครื่องประดับทองคำเยาวราชมีค่าความบริสุทธิ์ของทองคำค่อนข้างสูง สีของทองจึงเหลืองอร่ามเรืองรอง อีกทั้งมีมาตรฐานที่เชื่อถือได้ เพราะเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองจาก สคบ. รวมถึงลวดลายที่ถูกรังสรรค์ด้วยมือจึงมีเอกลักษณ์โดดเด่นและมีหลากหลายดีไซน์ให้เลือกซื้อ ทั้งลายโบราณ ลายสมัยใหม่ หรือลายสากลก็มี นอกจากนี้ยังมีลายแฟนซีลิขสิทธิ์ดีสนีย์จำหน่ายอีกด้วย ดังนั้น ผู้ซื้อทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีโอกาสเดินทางมาเยือนถนนสายนี้จึงมักไม่พลาดที่จะซื้ออัญมณีเครื่องประดับทองคำติดมือกลับไปสำหรับสวมใส่เอง เก็บสะสม มอบเป็นของที่ระลึก หรือเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษในเทศกาลต่างๆ
ตลาดค้าทองคำเยาวราช
ธุรกิจผลิตอัญมณีเครื่องประดับทองคำในเยาวราชมีมานานกว่า 130 ปี เริ่มต้นมาจากชาวจีนที่อพยพมาอยู่เมืองไทย และได้นำภูมิความรู้การผลิตทองรูปพรรณมาผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับทองในย่านเยาวราช ซึ่งในช่วงแรกยังไม่มีหน้าร้าน เป็นการผลิตตามจำนวนที่ลูกค้าสั่ง เจ้าของร้านก็คือช่างทอง ที่ทำการผลิตและจำหน่ายทองด้วยตนเอง ซึ่งการผลิตทองรูปพรรณในอดีตล้วนแล้วแต่ทำด้วยมือทั้งสิ้น จึงทำให้มีรูปแบบและลวดลายที่วิจิตรสวยงามและมีเอกลักษณ์ ทั้งนี้ ช่างทองได้สะสมประสบการณ์การผลิตทองรูปพรรณจนกระทั่งทราบถึงลวดลายและน้ำหนักที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า จากนั้นจึงเริ่มผลิตเก็บสะสมเป็นสต็อกไว้ โดยทองรูปพรรณที่แต่ละร้านจำหน่ายในขณะนั้น จะมีค่าความบริสุทธิ์และน้ำหนักทองคำที่แตกต่างกัน
ปัจจุบันร้านค้าทองในเยาวราชขยายรูปแบบเป็นธุรกิจมากขึ้น โดย แต่ละร้านมีการจ้างคนงานและช่างทองของตนเอง และมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิตเชิงอุตสาหกรรมด้วย หากแต่สินค้าทำมือก็ยังคงได้รับความนิยมมากกว่า เพราะมีความประณีตละเอียดอ่อนมากกว่าใช้เครื่องจักร ทั้งนี้ ทองที่จำหน่ายในเยาวราชนั้นมีค่าความบริสุทธิ์ 96.5% (23.16 K) ซึ่งส่วนใหญ่จำหน่ายให้แก่ผู้ซื้อชาวไทย หากแต่ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาซื้อบ้างประปราย โดยทอง 96.5% ถือเป็นค่าความบริสุทธิ์ที่คนไทยนิยมและเป็นค่ามาตรฐานของร้านทองทุกร้าน เนื่องจากมีความแข็งแรงคงทนทำเป็นลวดลายต่างๆ ได้หลากหลาย อีกทั้งยังมีสีสันที่เหลืองสุกอร่าม เมื่อถูกไฟสีของทองจะไม่เปลี่ยน มีความวาวพอดี ขณะที่ทอง 99.99% แม้จะมีค่าความบริสุทธิ์ของทองคำที่สูงกว่า หากแต่เนื้อทองค่อนข้างนิ่ม ยืดง่ายและบิดงอเสียรูปทรงได้ง่าย ส่วนทองคำที่มีค่าความบริสุทธิ์ต่ำกว่า 96.5% ลงมานั้น เนื้อทองจะแข็งมากจนบิดงอทำลวดลายต่างๆ ได้ยาก เวลาถูกไฟรนสีของทองจะเปลี่ยนไป
ทางด้านการจำหน่ายนั้น ร้านค้าทองทุกร้านจะมีหน้าร้านและวางจำหน่ายทั้งทองคำแท่ง เหรียญทองคำ และทองรูปพรรณที่ทำสต็อกไว้จำนวนมากในตู้โชว์กระจกสีแดง (คนทั่วไปนิยมเรียกว่า “ทองตู้แดง”) เพื่อให้ลูกค้าเห็นสินค้าได้ง่ายและเลือกซื้อได้ทันที ขณะเดียวกันทางร้านก็ยังคงรับผลิตตามคำสั่งลูกค้าด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ เช่น งานหมั้นหรืองานแต่งงาน โดยการซื้อขายทองคำในประเทศไทยนั้น จะซื้อขายกันในหน่วยน้ำหนักเป็น “บาท” โดยทองคำแท่ง 1 บาท หนัก 15.244 กรัม และทองรูปพรรณ 1 บาท หนัก 15.16 กรัม
ทั้งนี้ นอกจากการผลิตเพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภคในประเทศเป็นหลักแล้ว ปัจจุบันผู้ประกอบการค้าทองคำหลายรายยังได้ผลิตเครื่องประดับทองส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศด้วย ซึ่งการผลิตเพื่อส่งออกมักจะเป็นการทำตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตและรูปแบบของสินค้าตลอดจนมาตรฐานความบริสุทธิ์ของทองคำตามเกณฑ์ของประเทศผู้สั่งซื้อ
มาตรฐานการค้าทองคำในเยาวราช
ร้านค้าทองในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสมาคมค้าทองคำ ซึ่งสินค้าที่วางจำหน่ายในร้านได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ด้วยระบบตรวจสอบคุณภาพที่เคร่งครัด โดยทองที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพแล้วจะได้รับการสลักตราสัญลักษณ์ของผู้ผลิตไว้ เพื่อเป็นการรับรองมาตรฐานและประกันราคารับซื้อคืนสินค้า ดังนั้นลูกค้าที่เห็นตราสัญลักษณ์บนสินค้าจึงมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ซื้อจากร้านค้านั้นๆ ได้มาตรฐานตามกำหนด
อนึ่ง ราคาซื้อขายทองคำทุกร้านในเยาวราชและทั่วประเทศ อ้างอิงจากประกาศของสมาคมค้าทองคำ ซึ่ง สมาคมกำหนดราคาซื้อขายจากราคาทองคำในตลาดโลกและอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสูตรคำนวณราคาทอง คือ (Spot Gold + Premium) x 32.148 x อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท และเนื่องจากสินค้าที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ทำด้วยมือ จึงต้องมีการบวกค่าแรงช่างฝีมือเพิ่มเข้ากับราคาทองคำด้วย ซึ่งราคาจะแตกต่างกันตามความยากง่ายของลวดลายแต่ละชิ้น โดยส่วนใหญ่ค่าแรงเฉลี่ยอยู่ที่ 600 – 800 บาทต่อน้ำหนักทองหนึ่งบาท อย่างไรก็ดี ราคานี้ถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับคุณภาพและคุณค่าที่จะได้รับ
เครื่องประดับทองคำเยาวราชมีค่าความบริสุทธิ์ของทองคำค่อนข้างสูง สีของทองจึงเหลืองอร่ามเรืองรอง อีกทั้งมีมาตรฐานที่เชื่อถือได้ เพราะเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองจาก สคบ. รวมถึงลวดลายที่ถูกรังสรรค์ด้วยมือจึงมีเอกลักษณ์โดดเด่นและมีหลากหลายดีไซน์ให้เลือกซื้อ ทั้งลายโบราณ ลายสมัยใหม่ หรือลายสากลก็มี นอกจากนี้ยังมีลายแฟนซีลิขสิทธิ์ดีสนีย์จำหน่ายอีกด้วย ดังนั้น ผู้ซื้อทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีโอกาสเดินทางมาเยือนถนนสายนี้จึงมักไม่พลาดที่จะซื้ออัญมณีเครื่องประดับทองคำติดมือกลับไปสำหรับสวมใส่เอง เก็บสะสม มอบเป็นของที่ระลึก หรือเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษในเทศกาลต่างๆ