ไอศกรีมเป็นหนึ่งในของหวานที่ผู้คนทั่วโลกต่างชื่นชอบ ด้วยประวัติเก่าแก่ในหลายวัฒนธรรมย้อนไปได้ถึงสมัยอาณาจักรเปอร์เซียเรืองอำนาจมีการใส่หิมะใส่ถ้วยผสมกับน้ำองุ่น หรือของหวานที่ทำจากหิมะและน้ำแข็งผสมผสานด้วยน้ำผึ้งและน้ำหวานซึ่งพระเจ้าอเล็กซานเดอร์โปรดปราน แต่ความนิยมก็มีเฉพาะแต่ละท้องถิ่นยังไม่แพร่หลายนัก ต่อมาเมื่อมาร์โคโปโลได้นำวิธีการผลิตไอศกรีมที่มีลักษณะคล้ายไอศกรีมเชอร์เบท (Sherbet) จากจีนไปเผยแพร่ที่อิตาลี และมีการพัฒนารูปแบบที่หลากหลายกระทั่งได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก และเมื่อปี 1984 ในสหรัฐอเมริกา สมัยประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน มีการกำหนดให้ทุกวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม เป็นวันไอศกรีมแห่งชาติ 

ไอศกรีมสู่เครื่องประดับ

            ในปี 2012 Lowe & Partners’ Madrid agency บริษัทเอเยนซี่ในมาดริด สเปน ได้คิดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายสำหรับไอศกรีม Magnum Temptation ด้วยการร่วมมือกับนักประดิษฐ์อาหารสร้างสรรค์สร้อยคอที่ทำมาจากช็อกโกแลต ครีมคาราเมล และผลไม้ ซึ่งเป็นส่วนผสมของไอศกรีม Magnum Temptation นอกจากการรังสรรค์ไอศกรีมขึ้นเป็นชิ้นงานที่หรูหราแล้วยังมีการจัด Display ในตู้เย็นเฉพาะที่ราวกับที่จัดแสดงเครื่องประดับอัญมณีหรูหราในร้านแบรนด์เครื่องประดับชั้นนำ ซึ่งแคมเปญนี้ทำให้ยอดขายของไอศกรีม Magnum เพิ่มขึ้นถึง 21% ในช่วงจัดกิจกรรม  

รูปจาก https://www.adforum.com และ http://cargocollective.com/brunonico/Magnum-Temptation

            นอกจากนี้ ในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับเอง ก็มีหลายแบรนด์เครื่องประดับนำเอาไอศกรีมมาสร้างสรรค์เป็นหนึ่งในงานที่น่าซื้อหามาสะสมด้วย ดังเช่นตัวอย่างในรูป 

Charm ของแบรนด์ Pandora จาก https://milled.com/pandora และสร้อยข้อมือของ Blackberry จาก Pinterest

สร้อยคอและแหวนไอศกรีมจาก Bvlgari และสร้อยข้อมือจาก Swarovski

            เหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนที่หลายแบรนด์ในธุกิจอัญมณีและเครื่องประดับนำเอาไอศกรีมมาผสมผสานเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับ สร้างความนิยมให้ทั้งกลุ่มผู้ชื่นชอบไอศกรีมและผู้รักเครื่องประดับได้อย่างลงตัว ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการสร้างมูลค่าเพิ่มโดยนำเอาสัญลักษณ์ของเทศกาลที่คนทั่วโลกรู้จักมาใช้ แม้ว่าจะเป็นคนละอุตสาหกรรมการผลิตก็ตาม