Big Data ทางเลือกสร้างโอกาสของผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับ
การหาช่องทางเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค การตอบสนองความต้องการของลูกค้า มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปในลักษณะต่างๆ ตามแต่ละช่วงเวลา ซึ่งล้วนแต่มีจุดประสงค์เพื่อก่อให้เกิดการซื้อสินค้าสร้างรายได้และกำไรให้ภาคธุรกิจเติบโตต่อไปได้ แต่ทว่าในช่วงที่ผ่านมากระแสเทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้แปรเปลี่ยนไปจากเดิม ก่อให้เกิดโจทย์ใหม่แก่ผู้ขายในการสร้างความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล
ปัจจุบันกระแสเทคโนโลยีที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การทำการตลาดแบบเดิมๆ ไม่ตอบโจทย์และไม่ก่อให้เกิดความน่าสนใจเช่นเดิม รายได้ของผู้ขายสินค้าและบริการในธุรกิจต่างๆ รวมทั้งอัญมณีและเครื่องประดับไม่เติบโตเช่นในอดีต ผู้ค้าต่างหาวิธีการใหม่ๆ เข้ามาดึงดูดลูกค้า แต่ปัญหาที่มักเกิดขึ้นคือ ผู้ขายไม่รู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร ราคาขายสินค้าที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไหร่เพื่อให้ลูกค้ายินดีจ่ายและไม่สร้างภาระแก่พวกเขาจนเกินกำลังซื้อ ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าบางกลุ่มออกจากตลาดของสินค้าหรือบริการที่ขายอยู่
ในช่วงที่ผ่านมามีการนำเทคโนโลยีเข้ามาวิเคราะห์ผู้บริโภคกันมากขึ้น อย่างเช่น Big Data ที่เป็นอีกทางออกหนึ่งให้ผู้ค้านำมาใช้เพื่อง่ายและสะดวกต่อการหาคำตอบให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคนี้ หากกล่าวโดยย่อนั้น Big Data เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำข้อมูลจากทุกแหล่งที่มีไปวิเคราะห์และวางแผนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ เพื่อให้สามารถเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคได้มากที่สุด ทั้งนี้ การทำงานของ Big Data ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่สามารถรองรับข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ ซับซ้อน และหลากหลายได้ ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งนำมาใช้เพื่อวางแผนทางการตลาด
ในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับนั้น มีตัวอย่างของแบรนด์ค้าปลีกระดับโลกอย่าง Signet ที่มีร้านสาขาราว 2,800 สาขา ภายใต้ชื่อแบรนด์อย่างเช่น JamesAllen.com, Jared, Kay Jewelers, Rocksbox หรือ Zales เป็นต้น ทั้งยังมีเครือข่ายในห่วงโซ่อุปทานครอบคลุมทั้งทวีปแอฟริกาและอินเดีย มีการนำข้อมูลขนาดใหญ่ในหลายแง่มุมมาช่วยในการเข้าถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ต่อการแข่งขันในตลาดและสร้างการเติบโตให้แบรนด์ได้
ภาพร้านค้าแบรนด์ในเครือของ Signet จาก https://usa.watchpro.com/
ด้วยข้อมูลที่มีทำให้ร้านค้าปลีกสามารถรับรู้เทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้น อย่างเช่นความเฟื่องฟูของตลาดเครื่องประดับแต่งงาน หรือแนวโน้มการเติบโตของเครื่องประดับเพชรสังเคราะห์ นอกจากนี้ การใช้ Big Data ยังนำมาใช้เพื่อช่วยสร้างความแตกต่าง ลดการทับซ้อนระหว่างแต่ละแบรนด์ และรับทราบว่ากลุ่มลูกค้าในแต่ละแบรนด์เป็นกลุ่มใดบ้าง ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและประหยัดค่าใช้จ่าย โดยในรอบหลายปีที่ Signet นำระบบนี้มาใช้ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ถึงกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำเป็นหัวใจสำคัญ ที่ทำให้ผู้ขายสามารถวางกลยุทธ์ในการจำหน่ายสินค้าที่ลูกค้าต้องการได้อย่างตรงเป้า ทั้งยังสามารถตั้งราคาให้อยู่ในช่วงที่ลูกค้ามีกำลังซื้อไม่ก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่าย ปรับเปลี่ยนเทรนด์เพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ และอื่นๆ ซึ่งการใช้ Big Data ถือเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ดังกล่าวทั้งยังนำมาปรับใช้ได้ในหลายแง่มุม ช่วยประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลา เพราะเราคงไม่อาจทำการตลาดแบบไร้ทิศทางที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในยุคที่ทุกสิ่งต้องแม่นยำและรวดเร็วเช่นนี้ได้
ผู้เขียน: นายพุทธิพร วิชัยดิษฐ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ข้อมูลอ้างอิง
2) Signet Jewelers. 2022. Our Company Overview. [Online]. Available at: https://www.signetjewelers.com/our-company. (Retrieved August 2,2022).