ทองคำทะลุ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ: เมื่อความไม่แน่นอนของโลกกลายเป็นแรงขับราคาทองคำ
ราคาทองคำได้ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เป็นครั้งแรก นับเป็นสัญญาณสะท้อนความกังวลของนักลงทุนทั่วโลกต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะสถานการณ์ “Government Shutdown” ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้สร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการลงทุนและกระตุ้นให้เกิดการโยกย้ายเงินทุนเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นมา รัฐบาลสหรัฐฯ เผชิญภาวะชัตดาวน์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครตลงมติไม่ผ่านร่างกฎหมายของพรรครีพับลิกันที่จะให้เงินทุนสนับสนุนรัฐบาลต่อไป จากความขัดแย้งดังกล่าวทำให้เกิดภาวะชะงักงันทางการบริหาร ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รัฐกว่า 750,000 คนถูกสั่งพักงาน และบางหน่วยงานมีความเสี่ยงที่จะปิดถาวร สถานการณ์ดังกล่าวไม่เพียงสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่ยังกระตุ้นความกังวลของนักลงทุนทั่วโลกเกี่ยวกับเสถียรภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
แรงกดดันจากวิกฤตทางการเมืองในสหรัฐฯ ผนวกกับปัจจัยจากภายนอก เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังดำเนินต่อเนื่องในยูเครนและกาซา ตลอดจนการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางหลายประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นแรงผลักดันสำคัญที่หนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง การที่นักลงทุนและรัฐบาลต่างชาติเลือกถือครองทองคำมากขึ้น สะท้อนถึงบทบาทของทองคำในฐานะแหล่งพักพิงที่ปลอดภัยในการลงทุนยามที่เศรษฐกิจผันผวน และตอกย้ำสถานะของทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่มั่นคงที่สุดในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนรอบด้าน
ภาพกราฟราคาทองคำ จาก https://www.cbsnews.com/
ความต้องการทองคำทั่วโลก
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนประจำทวีปอเมริกาและหัวหน้าฝ่ายหุ้นระดับโลกของ UBS Global Wealth Management คาดว่า ราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก โดยชี้ไปที่ความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่ เช่น ตลาดแรงงานสหรัฐที่ชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น รวมถึงแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยมองเป้าหมายที่ราคาจะสูงขึ้นไปถึง 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ Goldman Sachs คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจแตะระดับ 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในเดือนธันวาคม ปี 2569 อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังคงกระตุ้นให้นักลงทุนทั่วไปไม่ทุ่มเงินทั้งหมดไปกับการลงทุนเพียงอย่างเดียว แม้ว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่นักลงทุนจำเป็นต้องตระหนักว่ามันมีความผันผวน จึงควรกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนให้มีความหลากหลาย
ภาพประกอบจาก https://www.pbs.org/
สถานการณ์ล่าสุดนั้น สหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะชัตดาวน์ต่อไป หลังการลงมติจัดสรรงบประมาณชั่วคราวครั้งที่ 6 ยังคงล้มเหลว ขณะที่ประชาชนก็เริ่มได้รับผลกระทบจากการชัตดาวน์มากขึ้น และกำลังส่งแรงกดดันต่อไปยังทั้งสองพรรคการเมืองให้รีบหาทางออกโดยเร็ว
สำหรับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยนั้น การปรับตัวของราคาทองคำครั้งนี้มีนัยสำคัญโดยตรง ผู้ประกอบการจำนวนมากกำลังเผชิญกับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตเครื่องประดับทองซึ่งต้องใช้โลหะมีค่าปริมาณมากในกระบวนการผลิต การเพิ่มขึ้นของราคาทองคำส่งผลให้ราคาสินค้าขายปลีกต้องขยับตาม ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงในระยะสั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรมองเห็นทั้งความท้าทายและโอกาสที่มาพร้อมกัน การบริหารต้นทุนวัตถุดิบ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทองคำน้อยลงแต่ยังคงคุณภาพและความหรูหรา เช่น การผสมโลหะอื่นหรือใช้เทคนิคการขึ้นรูปที่ประณีต ร่วมกับการยกระดับแบรนด์ไทยให้มีเรื่องราว (storytelling) และมูลค่าเชิงวัฒนธรรม ก็สามารถเปลี่ยนแรงกดดันจากราคาทองให้กลายเป็นโอกาสในการสร้างจุดขายใหม่ เช่น การนำเสนอเครื่องประดับทองในแนว “ethical gold” หรือทองคำที่มาจากแหล่งผลิตที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งกำลังเป็นกระแสสำคัญในตลาดโลก
จัดทำโดย นายพุทธิพร วิชัยดิษฐ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ตุลาคม 2568
------------------------------------------
ข้อมูลอ้างอิง
1) CBS News. October 8, 2025. Here's what gold crossing $4,000 is telling us about the U.S. economy. [Online]. Available at: https://www.cbsnews.com/news/why-is-the-price-of-gold-rising-4000-ounce-economy
2) Global News. October 7, 2025. Gold prices have cracked $4K for the 1st time. Why it may not be good news. [Online]. Available at: https://globalnews.ca/news/11468318/gold-price-record-united-states-government-shutdown/