บาร์บารา ฮัตตัน เศรษฐีนีผู้อาภัพ
เมื่อเดือนเมษายน 1994 Sotheby’s บริษัทจัดการประมูลชื่อดังสัญชาติอังกฤษ ได้จัดการประมูลเครื่องประดับและอัญมณี ณ สำนักงานสาขาฮ่องกง โดยหนึ่งในไฮไลท์ของการประมูลในครั้งนั้นอยู่ที่สร้อยคอหยกซึ่งประกอบด้วยลูกปัดหยกเจไดต์ (Jadeite Jade) เนื้อสะอาดใสสีเขียวสดจำนวน 27 เม็ด แต่ละเม็ดมีขนาดใหญ่โดยมีความยาวของเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ระหว่าง 15.40-19.20 มิลลิเมตร ซึ่ง Sotheby’s ได้ตั้งราคาประเมินไว้ที่ 12.80 ล้านเหรียญสหรัฐ และผู้ชนะการประมูลสร้อยเส้นนี้คือ Cartier บริษัทผู้ผลิตเครื่องประดับและอัญมณีชั้นนำของโลก ด้วยราคาประมูลที่สูงถึง 27.44 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นราคาที่สูงที่สุดในการประมูลหยกเจไดต์ของ Cartier
สร้อยคอหยกเจไดต์ (Jadeite Jade) ของบาร์บารา ฮัตตัน
ซึ่งถูกประมูลโดย Cartier ในราคา 27.44 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภาพจาก: Sotheby’s
สำหรับประวัติความเป็นมาของสร้อยเส้นนี้ยังคงคลุมเครือ หากแต่หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญด้านหยกได้พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนจากร่องรอยการขัดถูบนลูกปัดหยกแต่ละเม็ด ต่างลงความเห็นว่าเกิดจากฝีมือช่างเจียระไนหยกในสมัยราชวงศ์ชิง (ราวศตวรรษที่ 18) และเมื่อพิจารณาจากขนาดและคุณภาพอันโดดเด่น จึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่สร้อยเส้นนี้เป็นของที่ถูกใช้ในราชสำนักมาก่อน
และผู้ที่เป็นเจ้าของสร้อยคอหยกล้ำค่าเส้นนี้คือ บาร์บารา ฮัตตัน (Barbara Hutton) โดยบิดาของเธอได้มอบสร้อยเส้นนี้เป็นของขวัญในโอกาสที่เธอเข้าพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายอเล็กซิส มดิวานี (Prince Alexis Mdivani) แห่งรัสเซีย เมื่อปี 1933
ประวัติของบาร์บารา ฮัตตัน
เศรษฐีนีและสาวสังคมชั้นสูงนามว่า บาร์บารา ฮัตตัน (Barbara Hutton) คือทายาทมรดกหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ หนึ่งเดียวของผู้ก่อตั้งห้างสรรพสินค้า Woolworth ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง (ปัจจุบันปิดตัวลงแล้ว) จึงไม่แปลกที่เธอจะมีชีวิตที่หรูหราและใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อตลอดช่วงชีวิตของเธอ
เธอสามารถใช้จ่ายเงินได้ไม่อั้นชนิดที่ไม่ต้องกลัวว่าเงินจะหมด เพื่อให้ได้มาซึ่งทุกสิ่งที่เธอต้องการ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเพชร อัญมณี ปราสาท เรือยอร์ช รถยนต์หรู การท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ นานนับเดือน หรือแม้กระทั่งการจัดงานปาร์ตี้สุดอลังการ ว่ากันว่างานปาร์ตี้แต่ละครั้งของเธอหมดเงินไปเป็นล้านเลยทีเดียว!
บาร์บารา ฮัตตัน
ภาพโดย: Sotheby’s
ด้วยรสนิยมสุดหรูหราและความหลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งอัญมณีและเครื่องประดับที่มีมาตั้งแต่วัยเยาว์ ส่งผลให้เธอกลายเป็นนักสะสมอัญมณีและเครื่องประดับคนสำคัญคนหนึ่งของโลก ซึ่งนอกจากสร้อยคอหยกเส้นดังกล่าว เธอยังครอบครองเครื่องเพชรชิ้นสำคัญของโลกไว้หลายต่อหลายชิ้น อาทิ ไข่มุกของพระนางมารี อังตัวเน็ต และมรกตซึ่งเคยเป็นสมบัติของแกรนด์ดัชเชส วลาดิเมียร์ แห่งรัสเซีย เป็นต้น
แต่ทว่า แม้เธอจะร่ำรวยด้วยทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาล แต่กลับขัดสนความรัก เธอสูญเสียแม่ตั้งแต่อายุได้เพียง 5 ปี ส่วนพ่อก็ไม่เคยแยแสเธอเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายคุณตาผู้ซึ่งรักและโอบอุ้มเธอก็มาเสียชีวิตลงในเวลาเพียงหนึ่งปีให้หลัง
เมื่อเธอเข้าสู่รุ่นสาวความร่ำรวยเหนือมนุษย์ดึงดูดนักขุดทอง เสือผู้หญิง และผู้คนที่ต้องการเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากเงินเธอ เธอผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 7 ครั้ง แต่ละครั้งจบลงด้วยความล้มเหลวในชีวิตคู่ แถมยังต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อแลกกับความสุขในช่วงเวลาอันสั้น
ชีวิตอันเลิศหรูของบาร์บารา ฮัตตัน ปิดฉากลงเมื่อเดือนพฤษภาคม 1979 ขณะมีอายุได้ 66 ปี เธอเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวจากอาการหัวใจวาย ด้วยเงินเหลือติดบัญชีเพียง 3,500 เหรียญสหรัฐ แต่ภายหลังจึงได้พบว่าเธอยังเก็บสมบัติชิ้นอื่นไว้อีกจำนวนมาก เช่น เครื่องประดับ และคฤหาสน์ ร่างของเธอถูกนำกลับมายังนิวยอร์ก และฝังไว้ ณ สุสานแห่งตระกูล Woolworth
อาจกล่าวได้ว่าตลอดชีวิต เธอละลายเงินเพื่อซื้อทุกอย่างที่ต้องการเพื่อชดเชยความอ้างว้างโดดเดี่ยวในหัวใจ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เงินของ บาร์บารา ฮัตตัน ซื้อไม่ได้ นั่นก็คือ ‘ความรัก’
ข้อมูลอ้างอิง
2. The Jewellery Editor. (May 6, 2014). Barbara Hutton jadeite necklace takes pride of place in the esteemed Cartier Collection. Retrieved May 9, 2019 from http://www.thejewelleryeditor.com/
jewellery/article/barbara-hutton-jadeite-necklace-bought-by-cartier-for-cartier-collection
3. Jewels du Jour. (February 20, 2014). Barbara Hutton’s legendary jadeite necklace highlights Sotheby’s Hong Kong magnificent jewels & jadeite spring sale. Retrieved May 9, 2019 from http://www.jewelsdujour.com/2014/02/barbara-huttons-legendary-jadeite-necklace-highlights-sothebys-hong-kong-magnificent-jewels-jadeite-spring-sale
4. เรือนไทย. (3 กันยายน 2555). บาร์บารา ฮัตตัน เศรษฐินีอาภัพ. สืบค้นเมื่อ 9 พฤษภาคม 2562 จาก http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5344.0