สามกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้ในการตลาดดิจิทัล
“ตลาดดิจิทัลมีผู้ขายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คุณจึงต้องค้นหาวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นกว่าใครๆ”
ทุกคนต่างทราบดีว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้การใช้งานอินเทอร์เน็ตและการตลาดดิจิทัลขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก ธุรกิจต่างๆ พากันเปิดรับการตลาดเชิงเนื้อหา (Content Marketing), SEO, Google Ads, โซเชียลมีเดียและการตลาดทางอีเมลขั้นพื้นฐาน พร้อมกันนั้นก็พยายามปรับปรุงเว็บไซต์และกระตุ้นปริมาณการเข้าชมทางออนไลน์ให้เพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้พื้นที่ดิจิทัลจึงคลาคล่ำไปด้วยแบรนด์ต่างๆ มากมายที่ต่างก็ส่งเสียงแข่งกัน ถ้าอย่างนั้นทำอย่างไรธุรกิจของคุณจึงจะขึ้นมาอยู่ในแนวหน้าและโดดเด่นเหนือแบรนด์อื่นๆ
การตลาดอินฟลูเอนเซอร์
ปีนี้คือปีของการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ซึ่งกิจการทั้งขนาดเล็กและใหญ่ต่างก็หันมาใช้แนวทางนี้ อินฟลูเอนเซอร์ หมายถึงผู้ที่ช่วยให้ผู้บริโภครู้จักผลิตภัณฑ์และบริการของคุณ หรือแนะนำผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มายังธุรกิจของคุณโดยตรง อินฟลูเอนเซอร์มีได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ยอดนิยม นักเขียนเนื้อหาบนโซเชียลมีเดียผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรม นักเขียน และอื่นๆ
ที่มาภาพ: https://www.womensweekly.com.sg/
คุณสมบัติสำคัญประการแรกของอินฟลูเอนเซอร์คือการมีฐานผู้ติดตามเป็นจำนวนมากบนโซเชียลมีเดีย อินฟลูเอนเซอร์ช่วยให้ธุรกิจได้รับประโยชน์จากผู้ติดตามเหล่านี้ด้วยการนำเสนอการใช้งานผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของตน
การตลาดอินฟลูเอนเซอร์เติบโตถึงขีดสุดในช่วงการระบาดและมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษในตลาดระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) ตลอดจนตลาดเฉพาะทางซึ่งความเห็นของอินฟลูเอนเซอร์อาจมีความสำคัญเป็นพิเศษ โดยสรุปแล้ว อินฟลูเอนเซอร์เป็นทางลัดพร้อมใช้งานที่ช่วยนำแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของคุณไปสู่สายตาของกลุ่มเป้าหมาย
การผสานรวมของการตลาดทางอีเมลและ CRM
การตลาดทางอีเมลและการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management: CRM) เป็นแนวทางสองแนวที่จับคู่กันได้ดีเป็นพิเศษ
ธุรกิจต้องหาหนทางที่จะช่วยให้พนักงานขายทำงานสอดคล้องกับแคมเปญการตลาดเพื่อสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันและปรับปรุงยอดขาย แต่น่าเสียดายที่ในหลายกิจการ ฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดกลับทำงานเป็นคู่แข่งกันเพื่อแย่งชิงทรัพยากร การปรับให้พนักงานขายทำงานสอดคล้องกับแคมเปญการตลาดเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อป้องกันความขัดแย้งนี้
มีเครื่องมือดีๆ มากมายที่ช่วยให้การผสานรวมดังกล่าวเกิดขึ้นได้ HubSpot เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยติดตามและรายงานความเคลื่อนไหวผ่านเส้นทางการขายและการตลาด จึงนับเป็นหนึ่งในทรัพยากรอันยอดเยี่ยมเพื่อให้ฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดทำงานร่วมกันในการจัดการความเคลื่อนไหวผ่านเส้นทางดังกล่าว
การวิเคราะห์คอนเวอร์ชัน
ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องศึกษาเจาะลึกเรื่องคอนเวอร์ชัน หรือการเปลี่ยนผู้สนใจให้มาเป็นลูกค้าในช่องทางดิจิทัล ตลอดจนปัจจัยที่ทำให้ผู้คนเดินทางผ่านเส้นทางการขาย จนมาถึงขั้นตอนปิดการขายในที่สุด คุณควรสนใจกลยุทธ์หลักสามข้อเพื่อให้ได้มาซึ่งอัตราคอนเวอร์ชันสูงสุด อันได้แก่ เนื้อหา (Content) หน้าเว็บปลายทาง (Landing Page) และสิ่งกระตุ้นการตัดสินใจ (Call-to-Action: CTA)
• เนื้อหา เนื้อหาควรเป็นมากกว่าบล็อกและโพสต์ทางโซเชียลมีเดียโดยจะต้องสำรวจเรื่องราวของตลาดเป้าหมายอย่างเจาะลึก
ใครรับบทบาทเป็นตัวเอกในเนื้อหาที่คุณเขียนและนำเสนอทางออนไลน์ ในหลายๆ กรณีตัวเอกคือธุรกิจของคุณเอง ตรงจุดนี้เองที่ควรเปลี่ยนแปลง ตัวเอกจะต้องเป็นว่าที่ลูกค้า และแก่นสำคัญของเนื้อหาจะต้องเป็นประโยชน์ที่จะได้รับและปัญหาที่จะถูกแก้ไขเมื่อลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์
• หน้าเว็บปลายทางที่ปรับแต่งให้เหมาะสม กุญแจสำคัญของการสร้างคอนเวอร์ชันอยู่ที่หน้าเว็บปลายทางอันยอดเยี่ยม หน้าเว็บนั้นจะต้องสัมพันธ์กับจุดประสงค์ของผู้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์
อัตราคอนเวอร์ชันจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อคุณปรับแต่งหน้าเว็บปลายทางให้เหมาะกับกลุ่มผู้เข้าชมเป้าหมายของเว็บไซต์ ผู้เข้าชมต้องการค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการ และหน้าเว็บแรกที่ผู้เข้าชมได้มาพบจะต้องตรงกับสิ่งที่พวกเขาต้องการค้นหา มิฉะนั้นผู้เข้าชมก็จะไม่ดำเนินการต่อไปยังขั้นตอนการซื้อ
• สิ่งกระตุ้นการตัดสินใจ ปี 2023 ควรเป็นปีแห่งการใช้ Call-To-Action: CTA ในช่วงกลางของเส้นทางการขาย คุณควรสำรวจข้อมูลการมีส่วนร่วมของผู้ใช้เว็บไซต์ด้วย Google Analytics และสร้างแผนภูมิความถี่เพื่อดูว่าผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับหน้าเว็บของคุณอย่างไร ตรวจสอบการเข้าชมเว็บไซต์และหน้าเว็บปลายทางหลักเพื่อดูว่าหน้าเว็บตรงตามจุดประสงค์ของผู้ใช้และมีความน่าสนใจพอที่จะดึงดูดผู้เข้าชม นอกจากนี้ การพัฒนา CTA ที่มีประสิทธิภาพและดึงดูดความสนใจก็จะช่วยผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลและตัดสินใจได้ว่าต้องการซื้อสินค้าจากคุณหรือไม่
โลกแห่งการตลาดดิจิทัลซึ่งมีการแข่งขันสูงนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียสำหรับทุกกิจการ ข้อเสียคือตลาดนี้มีการแข่งขันสูงและเต็มไปด้วยธุรกิจต่างๆ มากมาย โอกาสที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจจึงถูกกลืนหายไปท่ามกลางกระแสความคึกคักนี้ แต่ข้อดีคือมีโอกาสที่ธุรกิจของคุณจะได้รับการค้นพบท่ามกลางผู้คนมากมายซึ่งเข้ามามองหาโซลูชันที่คุณนำเสนอ ธุรกิจของคุณจึงต้องพัฒนาการตลาดดิจิทัลให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาสดังกล่าว
ข้อมูลอ้างอิง