ปีที่สดใสในธุรกิจพลอยสี
ผู้ค้าคาดการณ์ว่าธุรกิจพลอยสีจะมีโอกาสเติบโตสูงในช่วงปี 2023 นี้ เนื่องจากมีความต้องการอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทับทิม แซปไฟร์ และมรกต รวมถึงอัญมณีชนิดใหม่ๆ อีกทั้งตลาดสำคัญก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังการเลิกมาตรการล็อคดาวน์
ทับทิม
การค้าพลอยสีในปี 2023 ได้รับแรงขับเคลื่อนจากความต้องการที่แข็งแกร่งหลังจากเขตเศรษฐกิจสำคัญฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะต้องเผชิญความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกก็ตาม จึงนับเป็นการแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและความพร้อมรับสถานการณ์ของภาคธุรกิจนี้
ตามความเห็นจากผู้ประกอบการ อัญมณีสำคัญอย่างทับทิม แซปไฟร์ และมรกตจะรับบทบาทสำคัญในการเติบโตของธุรกิจ แต่คาดกันว่าอัญมณีคุณภาพสูงที่งดงามโดดเด่นไม่แพ้กัน เช่น พาราอิบาทัวร์มาลีน สปิเนล และอะความารีน ก็จะเป็นที่ต้องการสูงเช่นเดียวกัน
อัญมณีสีแดงมีแนวโน้มว่าจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในปี 2023 จากการที่สถาบัน Pantone Color Institute ได้กำหนดให้สีแดงสดเข้มอย่าง Viva Magenta เป็นสีแห่งปี สีที่เปล่งประกายของความกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวานี้น่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้งานออกแบบเครื่องประดับที่เน้นความงามของทับทิมและรูเบลไลต์ ตลอดจนสปิเนลสีแดงและโกเมน อัญมณีอื่นๆ ในสีหมวดนี้ ได้แก่ โรโดโครไซต์และแจสเพอร์สีแดง เป็นต้น
เนื่องจากมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ราคาอัญมณีจึงพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัญมณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่ผู้ซื้อไม่ได้มองว่าเรื่องนี้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ที่จริงแล้วอัญมณีที่มีสีสันงดงามและคุณสมบัติโดดเด่นจะยังคงได้รับความนิยมสูงในตลาด เนื่องจากผู้ซื้อมองว่าอัญมณีเหล่านี้จะรักษามูลค่าได้เป็นอย่างดี
2023 ปีแห่งโอกาสของพลอยสี
ตามความเห็นจาก Clement Sabbagh ประธานของสมาคม International Colored Gemstone Association ปี 2023 น่าจะเป็นปีแห่งปรากฏการณ์สำหรับพลอยสี ความต้องการทับทิม แซปไฟร์ และมรกตเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดสำคัญอย่างสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย
ราคาถือเป็นปัจจัยชี้วัดการเติบโตที่เชื่อถือได้ Sabbagh กล่าวว่าพลอยคุณภาพสูงมีราคาเพิ่มขึ้นด้วยอัตราการเติบโตคิดเป็นตัวเลขสองหลักในช่วงสองปีที่ผ่านมา ในอนาคตข้างหน้า แนวโน้มการเติบโตนี้จะยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอัญมณีระดับคุณภาพสูง
“เราคาดการณ์ถึงแนวโน้มในเชิงบวก โดยอัญมณีบิ๊กทรีอย่างแซปไฟร์ ทับทิม และมรกต จะเป็นผู้นำในการฟื้นตัวของธุรกิจ” Sabbagh ให้ความเห็น “ตลาดมีความระมัดระวังมากขึ้นจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในเศรษฐกิจมหภาคและความกังวลว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2023 แต่เรายังคงเชื่อมั่นในโอกาสของธุรกิจอัญมณี”
นอกเหนือจากอัญมณีสำคัญทั้งสามชนิด อัญมณีอื่นๆ ก็มีแนวโน้มว่าจะยังคงได้รับความนิยมในปี 2023 ไม่ว่าจะเป็นสปิเนล ซาวอไรต์ ทัวร์มาลีนสีเขียว น้ำเงิน และแดง พาราอิบาทัวร์มาลีน และอะความารีน อัญมณีเหล่านี้มีผู้ติดตามให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องในปี 2022 และแนวโน้มนี้น่าจะดำเนินต่อไปในปี 2023 อย่างไรก็ดี อัญมณีบางชนิดก็หายากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นอีก
Sabbagh อธิบายว่าเหมืองบางแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมืองขนาดย่อมที่ดำเนินการกันในท้องถิ่น ต้องเผชิญความท้าทายในการฟื้นฟูกำลังการผลิตหลังเกิดเหตุโรคระบาด แตกต่างจากเหมืองขนาดใหญ่ซึ่งใช้เครื่องจักรอันทันสมัยและมีทรัพยากรมากกว่า ทำให้สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง
“เมื่อการทำเหมืองหยุดชะงักลง ก็ต้องอาศัยการทำงานอย่างหนักเพื่อให้เหมืองกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง คนงานเหมืองต้องจัดการกับการขุด การปั๊มน้ำ และกระบวนการต่างๆ เพื่อให้เหมืองกลับมามีสภาพดังเดิม” เขากล่าว “นอกจากนี้ อัญมณีบางชนิดจะมีช่วงที่สินค้าขาดแคลนเป็นปกติอยู่แล้วเพราะเหมืองขนาดเล็กไม่สามารถผลิตอัญมณีได้ตลอดเวลา”
กลุ่มอัญมณีสำคัญ
Adrian Banks กรรมการผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์และการขายของบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านพลอยสี Gemfields อธิบายว่าปี 2022 เป็นปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับมรกตและทับทิมท่ามกลางความท้าทายที่ดำเนินมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน
“เราพบความเปลี่ยนแปลงในด้านความต้องการของตลาดและราคาประมูลจากลูกค้าของเรา ซึ่งช่วยกรุยทางไปสู่วงจรการค้าอันน่าตื่นเต้นในธุรกิจพลอยสี” Banks ระบุ “ไตรมาสที่สองของปี 2022 ควรได้รับการกล่าวถึงเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความต้องการเกิดขึ้นสูงมากในกลุ่มมรกตและทับทิมทุกระดับคุณภาพ”
มรกตของบริษัท Gemfields
งานประมูลของ Gemfields สำหรับมรกตเชิงพาณิชย์และมรกตระดับคุณภาพสูง รวมถึงทับทิมหลายระดับคุณภาพในช่วงไตรมาสที่สองนั้นล้วนสร้างผลงานที่ทำลายสถิติ
งานประมูลมรกตของ Gemfields ในเดือนพฤศจิกายน 2022 สร้างรายได้ 30.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดขายจาก Kafubu Cluster มรกตเม็ดเดียวที่มีราคาสูงสุดเท่าที่ Gemfields เคยขายมา จึงทำให้ยอดขายในปี 2022 จากเหมืองมรกต Kagem ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 149.4 ล้านเหรียญสหรัฐ
งานประมูลทับทิมในเดือนมิถุนายน 2022 ก็สร้างรายได้เป็นสถิติสูงสุดในบรรดางานประมูลของ Gemfields ที่ 95.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ยอดขายในช่วงวันที่ 21 พฤศจิกายนถึง 8 ธันวาคม 2022 ไปอยู่ที่ 66.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้รายได้จากงานประมูลในปี 2022 ของบริษัท Montepuez Ruby Mining Ltd (MRM) ในเครือ Gemfields ไปอยู่ที่ 166.7 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยรวมแล้ว Gemfields ทำรายได้จากงานประมูลทับทิมและมรกตในปี 2022 คิดเป็นสถิติสูงสุดที่ 316 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 จากปี 2021
โอกาสของทับทิมและมรกต
ตามความเห็นจาก Banks พลอยสีจะยังคงมีศักยภาพสูงในจีนเนื่องจากผู้บริโภคชื่นชอบสีสันและความหมายที่สัมพันธ์กับพลอยสี นอกจากนี้ อัญมณีจากการทำเหมืองอย่างถูกต้องและการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนก็มีโอกาสในการสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดจีนอีกด้วย
Banks อ้างอิงข้อมูลจาก Guide Gem Laboratories ว่า มรกตที่เข้ามาในจีนอย่างน้อยร้อยละ 60 มาจากแซมเบีย ในขณะที่โมซัมบิกเป็นแหล่งที่มาของทับทิมนำเข้าในจีนอย่างน้อยร้อยละ 60 ถึง 70
นอกจากจีน ตลาดอินเดียก็ยังคงยืนหยัดรับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี โดยสินค้าทุกระดับคุณภาพยังเป็นที่ต้องการสูง ในขณะที่ตลาดสหรัฐและยุโรปนั้นก็แสดงสัญญาณที่ดีและคาดการณ์กันว่าจะมีการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป
“ราคาพลอยสีมีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดทศวรรษที่ผ่านมา โดยจีนแผ่นดินใหญ่กลายเป็นตลาดที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นสำหรับ Gemfields และเป็นองค์ประกอบหลักในกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทเรา” Banks กล่าวต่อ
แซปไฟร์
Armil Sanmoon ประธานของ Sapphire Capital Group และ Sapphire Cutters Ltd of Sri Lanka เผยว่าธุรกิจแซปไฟร์ก็ได้รับประโยชน์จากความต้องการที่มั่นคงและราคาที่สูงเช่นกัน
แซปไฟร์
เราพบว่าแนวโน้มอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะระหว่างงานแสดงสินค้าอัญมณีระดับนานาชาติ ซึ่งลูกค้าที่ไม่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์ในช่วงโรคระบาดต้องมาเติมสินค้าคงคลัง บางรายก็มีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงมากๆ” Sammoon ให้ความเห็น เขากล่าวว่าแซปไฟร์ขนาด 2 ถึง 5 กะรัตในทุกเฉดสีขายออกได้เร็วที่สุดและมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยราคาเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 20 ถึง 30 ขึ้นอยู่กับคุณภาพของอัญมณี
ผู้ซื้อยอมรับแซปไฟร์สีอื่นๆ มากยิ่งขึ้น แต่ก่อนผู้บริโภคชาวจีนจะนิยมเฉพาะแซปไฟร์สีรอยัลบลูและคอร์นฟลาวเวอร์บลู แต่ปัจจุบันได้หันมาให้ความสนใจสีอ่อนๆ อย่างสีชมพูหรือสีพีชด้วย ตลาดยุโรปก็เปิดรับแซปไฟร์ที่มีสีสันแปลกใหม่มากยิ่งขึ้น
การเติบโตในปี 2022 ขับเคลื่อนโดยตลาดสหรัฐเป็นหลัก ตามมาด้วยตลาดยุโรป และมีแรงซื้อจากจีนอยู่บ้างแม้มีข้อจำกัดหลายประการ Sammoon ยังคงมองว่าภาคธุรกิจแซปไฟร์มีโอกาสที่ดีในปี 2023 จากความต้องการสูงในตลาด
“ผู้ซื้อมีความรู้มากยิ่งขึ้นและมักมองหาอัญมณีที่มีความพิเศษ เราคาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไปตลอดปี 2023 แม้ว่ายังคงมีอุปสรรคอย่างต่อเนื่องจากภาคเศรษฐกิจ แซปไฟร์จะยังคงเป็นที่เสาะหาในธุรกิจนี้” เขาเสริม
ภาพรวมตลาดพลอยสี
ธุรกิจพลอยสีปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปี 2022 โดยผู้ค้าหลายรายกำหนดให้ยอดขายที่สูงขึ้นในตลาดทับทิม แซปไฟร์ และมรกตเป็นตัวชี้วัดการเติบโตของธุรกิจ ตามข้อมูลจาก A. Wahid Ansari กรรมการบริษัท Ansabro Gem Co Ltd ผู้เชี่ยวชาญด้านมรกตในไทยนั้น มรกต ทับทิม และแซปไฟร์คุณภาพสูงขนาด 1 ถึง 5 กะรัตขายออกได้เร็วที่สุด
มรกต
เขากล่าวว่า ตามแนวโน้มของตลาดทับทิม แซปไฟร์ และมรกตในปัจจุบัน ราคาต่อกะรัตซึ่งขึ้นอยู่กับคุณภาพของอัญมณีเป็นสำคัญนั้นอยู่ที่ 200 ถึง 5,000 เหรียญสหรัฐต่อกะรัต
ตลาดหลักของ Ansabro ได้แก่ จีน ยุโรป และสหรัฐ แต่เอเชียก็ยังคงมีแนวโน้มที่ดี “เมียนมาร์และเวียดนามแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการพัฒนา” เขาเสริม “เราคาดการณ์ว่าปี 2023 จะมีแนวโน้มที่ดี หลังจีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งในช่วงต้นปี 2023”
Kamal Hira จาก SM Gems Ltd ในฮ่องกงระบุว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มความต้องการพลอยสีเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่มีสีสันโดดเด่น บริษัทแห่งนี้พบว่าในระยะหลังมานี้มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มพาราอิบาทัวร์มาลีน อะความารีนซานตามาเรีย อเล็กซานไดรต์ รวมถึงโอปอสีเพลิงจากเม็กซิโก
“อัญมณีเหล่านี้ขายออกได้อย่างรวดเร็ว เราคาดว่าญี่ปุ่นและสหรัฐจะขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจพลอยสีในปี 2023 แต่จีนซึ่งเป็นตลาดอัญมณีที่เข้มแข็งมาแต่เดิมนั้นยังคงต้องเผชิญความท้าทายต่อไป” Hira กล่าว
นอกจากญี่ปุ่นและสหรัฐแล้ว สิงคโปร์และฟิลิปปินส์ก็มีแนวโน้มที่จะช่วยกระตุ้นการค้าอัญมณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพาราอิบาทัวร์มาลีน
อัญมณีมีราคาสูงเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นที่ต้องการสูงขณะที่สินค้ามีจำกัด “อัญมณีสีสันสวยงามนั้นหาได้ยาก ใน 100 เม็ด คุณจะพบอัญมณีที่มีคุณภาพสีในระดับสูงแค่ 10 เม็ด ปริมาณสินค้าไม่เพียงพอต่อการสนองความต้องการ แต่สำหรับอัญมณีคุณภาพสูงนั้นมูลค่ามีแต่จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงคาดว่าแนวโน้มจะเป็นไปในทางที่ดี” Hira เสริม
ในขณะเดียวกัน ธุรกิจโอปอก็มีแนวโน้มที่จะกระเตื้องขึ้นหลังการยกเลิกมาตรการควบคุมโรคระบาดในตลาดสำคัญๆ Jessica Chan ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการที่ Opals Mine Factory Ltd กล่าวว่า ราคาโอปอในแบบพลอยร่วงเพิ่มสูงขึ้นราวร้อยละ 20 ถึงร้อยละ 30 แต่รายการสั่งซื้อก็ยังคงเข้ามาเรื่อยๆ แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ดึงดูดของอัญมณีอันเป็นเอกลักษณ์นี้
แม้ว่าในปี 2022 บริษัทจะมุ่งเน้นไปยังเครื่องประดับทองและเงินแบบสำเร็จรูปซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ผู้ซื้อชาวฮ่องกง แต่ Opals Mine Factory ก็เตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในปี 2023 “ตลาดหลักของเราคือสหรัฐ และเราก็ตื่นเต้นที่จะได้พบลูกค้าของเราอีกครั้งตามงานแสดงสินค้าในปี 2023 เราคาดว่าผลิตภัณฑ์โอปอร่วงจะทำผลงานได้อย่างรวดเร็ว เพราะเราได้รับคำขอจากผู้จัดซื้อมาเป็นจำนวนมาก” เธอระบุ
Chan เสริมว่าโอปอเป็นอัญมณีพิเศษที่ขายทางออนไลน์ได้ยาก เนื่องจากผู้ซื้อจำเป็นต้องตรวจสอบด้วยตนเองจึงจะเล็งเห็นความงามของตัวอัญมณี ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทคือโอปอสีขาวจากออสเตรเลีย
Jeremy Wong จาก Aldoria Ltd ซึ่งเชี่ยวชาญด้านโอปอธรรมชาติจากออสเตรเลียและเทอร์คอยส์ Sleeping Beauty พบว่าโอปอเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่องในตลาดในขณะที่ปริมาณสินค้ามีจำกัดและมีสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่างๆ ด้วย โดยผู้บริโภคสหรัฐและยุโรปต้องการโอปอคุณภาพสูงทุกประเภท
นอกจากนี้ Wong ระบุว่า โอปอสองชั้น (doublets) ก็เป็นที่รู้จักและชื่นชอบเพิ่มมากขึ้น เขาอธิบายว่า “โอปอสองชั้นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้ซื้อหันมาสนใจตัวเลือกที่มีราคาเอื้อมถึงได้ โอปอสองชั้นคือโอปอที่นำมาประกบเข้ากับวัสดุสีเข้มชนิดอื่น/โอปอธรรมชาติสองเม็ดที่มาประกบเข้าด้วยกันและมีความงามใกล้เคียงกับโอปอทั้งเม็ด” โอปอล้วน (solid opal) มีราคาสูงกว่าโอปอสองชั้นราวร้อยละ 80
Gary Ng ผู้จัดการของ Opal Mine Ltd ให้ความเห็นว่าโอปอสีดำและโอปอโบลเดอร์ (boulder opal) จัดเป็นโอปอที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดทุกวันนี้ ความต้องการที่สูงผลักดันให้ราคาโอปอสีดำเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ถึง 30 โดยมีจีนและสหรัฐเป็นลูกค้าอันดับต้นๆ “ผู้ซื้อจีนชื่นชอบโอปอมูลค่าสูงมากกว่า ในขณะที่ผู้บริโภคสหรัฐมักจะหันไปหาโอปอที่มีคุณภาพรองลงมา” Ng ระบุ
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
ความโปร่งใสและแนวทางปฏิบัติที่เป็นธรรมยังคงเป็นกระแสที่ขับเคลื่อนตลาดการค้าพลอยสี Raphael Gübelin ประธานของ House of Gübelin กล่าวว่า “อัญมณีและเครื่องประดับจากการดำเนินงานที่โปร่งใส” น่าจะมีอิทธิพลต่อธุรกิจนี้ในปี 2023
ทับทิมของบริษัท Gemfields
เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงอัญมณีที่ติดตามแหล่งที่มาได้ บริษัทสตาร์ทอัพเน้นความยั่งยืนอย่าง Provenance Proof และ Everledger ได้เปิดตัวตลาดแลกเปลี่ยนทางออนไลน์แห่งแรกที่ใช้ระบบบล็อกเชน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายติดต่อสื่อสารกันได้โดยตรงและซื้อขายอัญมณีที่จัดหามาอย่างถูกต้อง
Provenance Proof ระบุว่า แพลตฟอร์มลักษณะนี้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้นเนื่องจากตลาดต้องการความยั่งยืนและความโปร่งใสในธุรกิจอัญมณี ทั้งนี้ Provenance Proof เป็นโครงการที่ริเริ่มโดย Gübelin Gem Lab แล้วต่อมาจึงได้แยกตัวออกมาเป็นบริษัทอิสระ
Raphael อธิบายว่าตลาดซื้อขายทางออนไลน์ช่วยให้การเข้าถึงและการขายอัญมณีที่ดำเนินการอย่างโปร่งใสทำได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้าอัญมณี ผู้ขายเครื่องประดับ และลูกค้า เขาเสริมว่า Provenance Proof ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการขายและไม่ได้รับกำไรจากการดำเนินการใดๆ
ตลาดซื้อขายออนไลน์เป็นคุณสมบัติล่าสุดของ Provenance Proof Blockchain ซึ่งเป็นระบบบล็อกเชนแห่งแรกที่ทำงานครอบคลุมเต็มรูปแบบและพัฒนาขึ้นสำหรับธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับโดยเฉพาะ ระบบนี้สร้างและดำเนินงานโดย Everledger เพื่อเป็นบัญชีแบบดิจิทัลที่ไม่รวมศูนย์บนพื้นฐานเทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งจะช่วยติดตามอัญมณีจากเหมืองจนไปถึงมือผู้บริโภคปลายทาง
จนถึงปัจจุบันมีการอัปโหลดผลิตภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับเข้าสู่ระบบบล็อกเชนนี้แล้วราวสี่ล้านรายการ และมีผู้ใช้งานจากภาคธุรกิจกว่า 500 ราย โดยเป็นผู้ขายเครื่องประดับและผู้ผลิตกว่า 120 ราย
พัฒนาการที่มีความหวัง
การให้ความรู้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในธุรกิจพลอยสี Raphael กล่าวว่าความรู้และความหลงใหลในอัญมณีจะช่วยยกระดับความต้องการในตลาดให้สูงยิ่งขึ้น เขาเสริมว่า “ความต้องการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับอัญมณีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนอยากรู้เกี่ยวกับอัญมณีให้มากขึ้น ที่ Gübelin Academy วิทยาศาสตร์มาบรรจบกับเรื่องราว และเราจะช่วยนำคุณไปรู้จักกับโลกอันน่าค้นหาของอัญมณีเพื่อรับความรู้พื้นฐานด้านอัญมณีวิทยา ประวัติศาสตร์ และอารมณ์ความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับมรกต ทับทิม และแซปไฟร์”
Sabbagh ระบุว่าอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันถึงความเข้มแข็งของภาคธุรกิจนี้ก็คือการกลับมาของกิจกรรมการพบปะสังสรรค์ในสถานที่จริง ซึ่งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาคอุตสาหกรรมจะได้มารวมตัวกันเพื่อประเมินสถานการณ์ในภาคธุรกิจ แลกเปลี่ยนข้อมูลเบื้องลึกทางการตลาด และพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจสำหรับอนาคตข้างหน้า
ข้อมูลอ้างอิง