ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

แนวโน้มเครื่องประดับ ปี 2025

Mar 3, 2025
1074 views
0 share

        อุตสาหกรรมเครื่องประดับกำลังมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเมื่อโลกก้าวเข้าสู่ปี 2025 ในขณะที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ความนิยมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และความยั่งยืนทวีความสำคัญมากขึ้นทุกขณะ อุตสาหกรรมเองก็พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดนิ่ง เรามาดูแนวโน้มสำหรับปี 2025 และความก้าวหน้าของตลาดเครื่องประดับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากัน

การยอมรับความยั่งยืนและการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม

ไม่กี่ปีมานี้ ตลาดได้หันไปให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมภายในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ ผู้บริโภคเองก็ใส่ใจในเรื่องการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและวัสดุจากแหล่งที่ถูกต้องตามหลักจริยธรรมมากขึ้น ส่งผลให้แบรนด์ต่างๆ ต้องปรับตัวตามกระแสดังกล่าว เพชรสังเคราะห์เป็นที่นิยมในตลาดมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยตลาดของเครื่องประดับเพชรสังเคราะห์มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2025 โดยในปี 2021 ยอดขายเครื่องประดับเพชรสังเคราะห์ทั่วโลกมีมูลค่าราว 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และประมาณการว่าการผลิตจะโตขึ้นถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2025 ตามการรายงานของ Growdiamond Corp

        Dishi Somani ผู้ก่อตั้ง Dishi S Designer Jewellery เน้นย้ำถึงแนวโน้มนี้และกล่าวว่า “ทุกวันนี้ แวดวงเครื่องประดับกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะได้ก้าวเข้าสู่ทางแยกของนวัตกรรม ความยั่งยืน และการแสดงออกถึงตัวตน เทรนด์สำคัญที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือ ความตระหนักรู้ทางนิเวศวิทยาในการออกแบบ แนวความคิดต่างๆ เช่น เพชรสังเคราะห์ และการนำวัสดุที่นำกลับมาหลอมใหม่หรือรีไซเคิลมาใช้กับอัญมณีต่างๆ ที่เคยถูกมองว่าเป็นเครื่องประดับแบบเฉพาะกลุ่ม ขณะนี้ได้กลายมาเป็นแนวคิดในกระแสหลักไปอย่างกว้างขวางแล้ว”

เครื่องประดับเฉพาะบุคคลและการแสดงออกถึงตัวตน

เครื่องประดับเป็นสื่อกลางในการแสดงออกถึงตัวตนมาโดยตลอด และแนวความคิดนี้จะยิ่งโดดเด่นมากขึ้นในปี 2025 ผู้บริโภคต่างมองหาเครื่องประดับที่สะท้อนถึงความเป็นตัวตนของตนเอง นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของความต้องการเครื่องประดับแบบเฉพาะตัวและสั่งทำพิเศษ รวมไปถึงการแกะสลักตามคำสั่ง อัญมณีประจำวัน/เดือนเกิด และการออกแบบที่ไม่เหมือนใครซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละบุคคล

Chaitanya V Cotha Executive Director ของ C. Krishniah Chetty Group กล่าวว่า “เครื่องประดับในปี 2025 มีแนวโน้มที่จะยอมรับความเป็นตัวตนของแต่ละบุคคล สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย และมีความยั่งยืน นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวอินเดียให้ความสำคัญกับการออกแบบเฉพาะบุคคลและเป็นกลางทางเพศ ผู้บริโภคดั้งเดิมมีส่วนขับเคลื่อนความต้องการเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์พิเศษและเครื่องประดับที่สร้างสรรค์ตามความต้องการ”

การบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับการออกแบบและการค้าปลีก

การบูรณาการเทคโนโลยีเป็นการปฏิวัติทั้งการออกแบบและการค้าปลีกของอุตสาหกรรมเครื่องประดับ เทคนิคต่างๆ เช่น 3D printing ช่วยให้การสร้างสรรค์งานออกแบบมีความละเอียดอ่อนในแบบที่งานฝีมือแบบดั้งเดิมไม่สามารถทำได้มาก่อน นวัตกรรมนี้ช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และการปรับแต่งเครื่องประดับได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การเติบโตของอีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยีการทดลองเสมือนจริงได้พลิกโฉมประสบการณ์ค้าปลีก ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงและมีส่วนร่วมได้มากขึ้น แบรนด์ต่างๆ ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงแบบเติมแต่ง (AR) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเห็นภาพว่าเครื่องประดับแต่ละชิ้นจะเป็นเช่นไรเมื่อสวมใส่ รวมทั้งยังช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ที่ดีในการชอปปิงออนไลน์อีกด้วย

 

การเติบโตของตลาดและผลกระทบทางเศรษฐกิจ

ตลาดเครื่องประดับโลกมีการเติบโตอย่างเด่นชัดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ในปี 2014 ตลาดมีมูลค่าราว 157 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อถึงปี 2023 ตลาดขยายตัวกว่าสองเท่ามาอยู่ที่ 340.69 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายงานอีกชิ้นหนึ่งระบุว่า การเติบโตมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไป โดยตลาดจะมีมูลค่ากว่า 480 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2030 

ในสหรัฐอเมริกา ตลาดเครื่องประดับขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญเช่นกันรายงานของ Statista ระบุว่า ในปี 2018 ตลาดเครื่องประดับเพชรมีมูลค่าราว 13.08 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 21.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2025 

 

เทรนด์การออกแบบ: เครื่องประดับชิ้นใหญ่และรูปทรงเรขาคณิต

        เทรนด์การออกแบบมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2025 คาดว่าเครื่องประดับรูปทรงเรขาคณิตชิ้นใหญ่จะกลับมา การออกแบบโลหะผสม และชิ้นงานที่ได้แรงบันดาลใจจากวินเทจ อัญมณีสีสันสดใสและงานลงยาที่หรูหรา คาดว่าจะเข้ามาช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับคอลเลกชันเครื่องประดับ เทรนด์เหล่านี้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องประดับที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร และแสดงออกถึงตัวตน

Dishi Somani ตั้งข้อสังเกตว่า “เมื่อพูดถึงเทรนด์ เครื่องประดับรูปทรงเรขาคณิต ขนาดใหญ่ ที่มีโลหะเข้ามาผสมผสาน และมีกลิ่นไอแบบวินเทจกำลังกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง อัญมณีสีสันฉูดฉาดมีชีวิตชีวาและงานลงยาสีสดจะช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับชิ้นงาน”

 

การเติบโตของการออกแบบที่ใช้งานได้หลากหลายและมีลักษณะความเป็นกลางทางเพศสภาพ

เมื่อบรรทัดฐานทางสังคมพัฒนาขึ้น ความต้องการออกแบบเครื่องประดับที่หลากหลายและเป็นกลางทางเพศก็เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคต้องการเครื่องประดับที่อยู่เหนือการแบ่งแยกเพศแบบดั้งเดิม โดยมุ่งเน้นไปที่สไตล์และการแสดงออกส่วนบุคคลแทน การเปลี่ยนแปลงนี้นำไปสู่การสร้างสรรค์งานออกแบบที่ครอบคลุมและปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งสามารถดึงดูดใจผู้บริโภคได้ในวงกว้างกว่า 

ผลกระทบของโซเชียลมีเดียและผู้มีอิทธิพล

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและผู้มีอิทธิพลยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างเทรนด์เครื่องประดับ โดยมีแพลตฟอร์มต่างๆ อย่าง Instagram และ Pinterest ทำหน้าที่เป็นโชว์รูมเสมือนจริง ซึ่งพาผู้บริโภคไปค้นพบงานออกแบบและแบรนด์ใหม่ๆ ส่วนผู้มีอิทธิพลและเหล่าเซเลบริตี้ ทำหน้าที่นำเสนอเครื่องประดับ ก่อให้เกิดกระแสความนิยมและส่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า การแสดงสินค้าแบบดิจิทัลนี้ได้กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแบรนด์ที่มีเป้าหมายในการเข้าถึงผู้ชมที่มีความตั้งใจที่จะซื้อสินค้าในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

การจัดหาอย่างมีจริยธรรมและความโปร่งใส

ผู้บริโภคเรียกร้องเรื่องความโปร่งใสในเรื่องการจัดหาวัสดุที่ใช้ในเครื่องประดับมากขึ้น การจัดหาวัสดุอย่างมีจริยธรรม รวมถึงเพชรที่ได้มาจากกระบวนการผลิตที่ปราศจากข้อขัดแย้ง (conflict-free) และโลหะที่มาจากการทำเหมืองอย่างมีความรับผิดชอบ ได้กลายเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ซื้อจำนวนไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ แบรนด์ต่างๆ ที่ให้ความสำคัญและสื่อสารถึงความมุ่งมั่นในเรื่องการจัดหาวัสดุจากแหล่งที่มีจริยธรรม จึงมีแนวโน้มที่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความภักดีในหมู่ผู้บริโภคได้

อิทธิพลของมรดกทางวัฒนธรรมและงานช่างฝีมือ

ความนิยมเครื่องประดับที่สะท้อนมรดกทางวัฒนธรรมและแสดงถึงฝีมือช่างอันเก่าแก่ได้ฟื้นกลับมาอีกครั้ง ผู้บริโภคมองเห็นคุณค่าเครื่องประดับที่บอกเล่าเรื่องราวและเชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับความเป็นมาอันยาวนานของวัฒนธรรม เทรนด์นี้ทำให้ความสนใจในเทคนิคการช่างและการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลวดลายและรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์กลับคืนมา

การลงทุนกับเครื่องประดับคุณภาพสูงที่ไร้กาลเวลา

ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน กำลังทำให้ผู้บริโภคหันไปลงทุนในเครื่องประดับคุณภาพสูงที่มีคุณค่าเหนือกาลเวลา แทนที่จะติดตามกระแสแฟชั่นที่รวดเร็ว กลับเลือกที่จะซื้อสินค้าคงทนซึ่งมีมูลค่าในระยะยาว ทั้งในแง่ความงดงามและการเงิน กระแสความเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้แบรนด์ต่างๆ เน้นไปที่สินค้าที่มีคุณภาพและรูปแบบคลาสสิกในข้อเสนอของตน

อุตสาหกรรมเครื่องประดับพร้อมแล้วสำหรับยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงในปี 2025 ซึ่งขับเคลื่อนโดยความยั่งยืน นวัตกรรม และการแสดงตัวตน เทรนด์ต่างๆ เช่น เพชรสังเคราะห์ วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการออกแบบเฉพาะบุคคลกำลังมาแรง ทำให้เครื่องประดับยิ่งมีความหมายและแสดงให้เห็นถึงตัวตนของแต่ละบุคคล ยิ่งไปกว่านั้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น 3D printing ก็กำลังช่วยขยายขอบเขตการออกแบบ ในขณะที่เครื่องประดับแบบเป็นกลางทางเพศ และเครื่องประดับที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย กำลังพลิกโฉมแนวความคิดในเรื่องเครื่องประดับแบบดั้งเดิม

 

เมื่อความนิยมของผู้บริโภคไม่เหมือนเดิม แบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการจัดหาวัสดุอย่างมีจริยธรรม มรดกทางวัฒนธรรม และฝีมือช่างที่มีความแปลกใหม่มีโอกาสที่จะเติบโต การผสมผสานเครื่องประดับชิ้นใหญ่เข้ากับคุณภาพที่ไร้กาลเวลา และความรับผิดชอบทางสังคมเป็นปัจจัยที่รับรองได้ว่าเครื่องประดับในปี 2025 จะไม่ใช่แค่สิ่งที่บ่งบอกถึงสไตล์แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงการใช้ชีวิตอย่างมีจิตสำนึก ปีนี้จะเป็นปีที่มีความลงตัวของสิ่งของดั้งเดิมและความทันสมัย โดยการนำเสนอสินค้าที่มีทั้งความงดงามและมีประโยชน์มากมาย สอดคล้องกับแนวทางการใช้ชีวิตที่หลากหลายของผู้คนทั่วโลก

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้คลั่งไคล้เครื่องประดับ นักสะสม หรือผู้ที่ชื่นชอบคุณค่าทางจิตใจของเครื่องประดับ ปี 2025 จะเป็นปีของเครื่องประดับที่โดดเด่นในเรื่องเอกลักษณ์และความยั่งยืน ทำให้ปีนี้เป็นปีที่น่าตื่นเต้นของวงการเครื่องประดับโลก


แปลและเรียบเรียงโดยศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

มีนาคม 2568