ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

2025: อนาคตที่รออยู่ข้างหน้า

Apr 28, 2025
333 views
3 shares

        ในขณะที่ยังคงมีความท้าทายอยู่ในปี 2025 อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับยังคงมองมีความหวังแม้ยังต้องระมัดระวังเนื่องจากการค่อยๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติ หลังจากช่วงเวลาที่รุ่งเรืองสูงสุดและตกต่ำอย่างรุนแรงระหว่างและหลังการแพร่ระบาดของโควิด ส่วนการค้ามุ่งไปที่ตลาดและกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อรักษาการเติบโตไปพร้อมๆ กับวางรากฐานในการรักษาความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เพื่อความสำเร็จและอนาคตที่แข็งแกร่ง

        ลังจากปีแห่งความผันผวนจากแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ การขาดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และความต้องการของผู้บริโภคที่อยู่ในอัตราต่ำ ผู้เล่นในอุตสาหกรรมพากันจับตามองสถานการณ์ในปี 2025 อย่างระวัดระวังในขณะที่ยังมีความหวังถึงการขยายตัวเพียงเล็กน้อย

        ความท้าทายยังคงอยู่ แต่การค้ามีสัญญาณฟื้นตัวในรูปแบบของตลาดใหม่ที่มีอนาคต เสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและกลยุทธ์ที่หลักแหลม

        การตรวจสอบที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นของรัฐบาลและผู้บริโภค ส่งผลให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับต้องให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความยั่งยืน การตั้งชื่อสินค้าอย่างถูกต้อง และการตลาดอย่างมีความรับผิดชอบ รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ด้วย

อุปทานเพชร

        การค้าเพชรซึ่งเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่งในปี 2024 กำลังมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์โดยสถานการณ์ของตลาดกำลังฟื้นตัว และ Yoram Dvash ประธานของ World Federation of Diamond Bourses (WFDB) คาดว่าตลาดเพชรจะแสดงสัญญาณการฟื้นตัวในไตรมาสที่สองของปี 2025

        อุปทานค่อนข้างมีเสถียรภาพและมีการขาดแคลนสินค้าบางประเภท ต่างจากส่วนเกินที่ทำให้เกิดความกังวลเรื่องราคาและสินค้าคงคลังเมื่อปี 2024 ทั้งนี้ ผู้ผลิตในอินเดียลดการผลิตลงร้อยละ 40-50 ในปีที่ผ่านมา โดยหวังว่าจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ของอุปทานได้

Dvash กล่าวว่า “หนึ่งในปัจจัยหลักที่จะส่งผลกระทบต่อการค้าเพชรในปี 2025 คืออุปทานของเพชรที่ยังไม่เจียระไน หากบริษัทผู้ประกอบการเหมืองและประเทศผู้ผลิตยังคงควบคุมอุปทานและไม่ปล่อยเพชรที่ยังไม่เจียระไนปริมาณมากเข้าสู่ตลาด นี่จะเป็นผลดี” 

 

โอกาสของตลาด

        อย่างไรก็ตาม ความต้องการในตลาดจีนยังมีอิทธิพลอยู่มาก โดย Paul Rowley Executive Vice President ของ De Beers Group กล่าวว่า ความต้องการในจีนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเพชรอยู่ในขณะนี้ ทุกฝ่ายยอมรับว่าการฟื้นตัวในตลาดดังกล่าวจะใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ ส่วนหนึ่งมาจากอัตราการแต่งงานในจีนที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำนับตั้งแต่วิกฤติโรคระบาด ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจเจ้าสาว Rowley กล่าว

        ความพยายามล่าสุดในการจุดประกายความต้องการเพชรธรรมชาติในประเทศจีน คาดว่าจะเริ่มเห็นผลในปีนี้ โดยสมาพันธ์ค้าเพชรโลก (WFDB) และตลาดแลกเปลี่ยนเพชรเซี่ยงไฮ้ (SDE) ได้ร่วมมือกันจัดทำวิดีโอชุดหนึ่งเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาสนใจเพชรธรรมชาติ ตามที่ Dvash กล่าวไว้ SDE ยังได้เริ่มแคมเปญการตลาดสำหรับเพชรธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับความพยายามในการส่งเสริมการขายที่มีอยู่แล้วของ 

        De Beers และสภาเพชรธรรมชาติ (NDC) ที่มุ่งเน้นกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาว

        ความต้องการเพชรที่ตกฮวบในตลาดจีน ทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมหันไปมองหาตลาดผู้บริโภคทางเลือกอื่นๆ แทน

        อินเดียเป็นตัวเลือกที่มีความแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงผลักดันจากชนชั้นกลางที่แสดงความต้องการเพชรมากขึ้น Rowley กล่าวว่าความต้องการเพชรธรรมชาติในอินเดียเพิ่มขึ้นร้อยละ 30-40 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การระบาดของโควิด 19

        “เรามองเห็นศักยภาพในการเติบโตของตลาดดังกล่าวในอนาคตเนื่องจากความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะเป็นผลจากการชะลอตัวในจีน” เขาอธิบาย “มีการย้ายเข้ามาลงทุน และการขยายตัวของชนชั้นกลางที่มองเพชรแตกต่างออกไปจากเดิม นอกเหนือจากเครื่องประดับแบบดั้งเดิมแล้ว ก็ยังมีโอกาสในการขายเพชรสำหรับการออกแบบที่แปลกใหม่และแหวกแนวในอินเดีย”

        นอกจากนี้ Dvash ยังสังเกตเห็นว่าการบริโภคเพชรในอินเดียขยายตัวในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แม้ตามปกติตลาดจะเน้นไปที่เครื่องประดับทอง เนื่องจากภาษีการนำเข้าเพชรเจียระไน อุปทานในตลาดอินเดียจึงมาจากการจัดหาโดยผู้ผลิตท้องถิ่นแทบทั้งหมด เขากล่าวเสริม

        สำหรับ De Beers แล้ว สหรัฐฯ เองก็กำลังฟื้นตัว โดย Rowley คาดว่าการเติมสต็อกสินค้าเพชรธรรมชาติของผู้ค้าปลีกจะอยู่ในระดับที่สูงขึ้นในปีนี้ ตลาดที่แสดงสัญญาณการเติบโตยังมีญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย Rowley ยอมรับว่าตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งไม่สามารถทดแทนความสูญเสียในตลาดจีนได้ และตลาดอินเดียเองก็ทดแทนไม่ได้ เขากล่าว

        Rowley กล่าวต่อไปอีกว่า “เรากำลังมองหาตลาดทางเลือกในการรักษาแรงขับเคลื่อนนี้เอาไว้จนกว่าความต้องการในจีนจะกลับมา ซึ่งเราหวังว่าจะเกิดขึ้นโดยเร็ว” 

การฟื้นตัวอย่างช้าๆ 

        สำหรับ Dvash ความท้าทายที่ใหญ่หลวงที่สุดของอุตสาหกรรมคือ การขาดความตื่นเต้นเกี่ยวกับเพชรธรรมชาติในหมู่ผู้บริโภควัยหนุ่มสาวในภาพรวม

        “ผู้บริโภคเหล่านี้ไม่เคยมีประสบการณ์กับแคมเปญทั่วไปที่ยกให้เพชรธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์ของรักนิรันดร์ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ชัดเจนสำหรับผู้บริโภคในกลุ่มที่มีอายุมากกว่า เราหวังว่าอุตสาหกรรมจะเริ่มแก้ไขเรื่องนี้โดยการร่วมมือกันสนับสนุนแคมเปญทั่วไปที่มีอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป” Dvash อธิบาย

        ในความเห็นของเขา ต้องมีแคมเปญการตลาดที่เข้มข้นอย่างน้อยห้าปี เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทัศนคติของผู้บริโภค การหารือเมื่อไม่นานมานี้ของสมาคมผู้ค้าต่างๆ เกี่ยวกับการมีส่วนสนับสนุนกองทุนของNDC สำหรับการตลาดสินค้าตามหมวดหมู่สินค้าอาจเป็นก้าวหนึ่งในทิศทางนั้น

        เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ดีขึ้นจะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการค้าเพชรเช่นกัน โดย Dvash กล่าวว่า “เราหวังว่ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะยุติสงครามในยูเครนและตะวันออกกลาง ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายลง และเราหวังว่าจะได้เห็นอัตราดอกเบี้ยลดลงต่อไป”

        Rowley มองเห็นการกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างช้าๆ ในการค้าเพชร โดยมีแรงสนับสนุนจากการเติมสต็อกสินค้าที่ดีในอนาคต เขากล่าวว่า “สัญญาณในระยะแรกมีแนวโน้มที่ดี ซึ่งจะนำแรงผลักดันของอุตสาหกรรมเพชรธรรมชาติกลับมา มันจะไม่ใช่การเติบโตแบบก้าวกระโดดหรือการฟื้นตัวขึ้นแบบฉับพลัน แต่จะมีการปรับตัวอย่างช้าๆ ในระดับความต้องการของผู้บริโภคสำหรับเพชร ซึ่งจะนำแรงขับเคลื่อนและเสถียรภาพของธุรกิจเพชรธรรมชาติกลับมา”

 

ความต้องการที่รุ่งโรจน์

        ไข่มุกเป็นที่นิยมในหลายตลาดมากขึ้นและกำลังเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างออกไป

        สมาคมผู้ส่งออกไข่มุกญี่ปุ่น (JPEA) กำลังมองหาการขยายตลาดไข่มุกอาโกย่าของญี่ปุ่นให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นในปีนี้ โดย George Kakuda ประธานของ JPEA กล่าวว่า ความต้องการจากจีนสูงมากมาหลายปีหลังวิกฤติโรคระบาด แต่ตลาดใหม่ก็แสดงศักยภาพที่ดี 

        “ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ผู้ซื้อจากตลาดต่างๆ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และอินเดียแสดงความสนใจมุกอโกย่าของญี่ปุ่นมากขึ้น มีผู้ซื้อที่จริงจังซึ่งยินดีที่จะจ่ายราคาสูงเพื่อสินค้าเหล่านี้” เขากล่าว “พวกเขาพอใจกับความแน่นอนในอุปทานและคุณภาพ ซึ่งเป็นความได้เปรียบหลักในการแข่งขันในตลาดของเรา”

        Jewelmer ผู้เชี่ยวชาญด้านไข่มุกเซาท์ซีสีทอง ก็มีมุมมองในแง่บวกต่อโอกาสในการเติบโตในปีนี้เช่นกัน

        โดย Jacques Christophe Branellec ซีอีโอของบริษัท เปิดเผยว่า ฐานลูกค้าในสหรัฐฯ ของบริษัทกำลังกลับมาเติบโตอย่างมั่นคงอีกครั้ง และไข่มุกเซาท์ซีสีทองก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในระดับโลก การค้าในเอเชียและจีนเป็นไปได้ดีสำหรับบริษัท ขณะเดียวกัน ตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดียและแอฟริกาก็มีศักยภาพที่น่าจับตามอง

        เขาคาดว่า ความสนใจในไข่มุกจะยังคงมีอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยเฉพาะจากเหตุผลในเรื่องความยั่งยืนของ ไข่มุกเซาท์ซี ที่สอดคล้องกับค่านิยมของคนรุ่นใหม่

        “ขณะนี้ผู้บริโภคเหล่านี้มีจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียซึ่งเรามีกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุน้อยมาก” Branellec กล่าว “คนหนุ่มสาวในวัยทำงานกำลังจะได้รับเงินเดือนเดือนแรกหรือการเลื่อนขั้นครั้งแรก ไข่มุกเป็นอัญมณีที่สามารถตอบสนองกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้และความต้องการอัญมณีที่มีเรื่องราวความยั่งยืนและจริยธรรมอย่างแท้จริงของพวกเขา”

        Peter Bracher กรรมการบริหารของบริษัท Paspaley Pearling ก็มีความมั่นใจเช่นกันว่าตลาดจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในปีนี้ เขากล่าวว่า ความไม่แน่นอนโดยทั่วไปที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในปี 2024 เช่น ความขัดแย้งทางการเมืองและความวุ่นวายทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ได้คลี่คลายลง ซึ่งช่วยเปิดทางให้เกิดการเติบโต ท่ามกลางภาวะการขาดแคลนสินค้า

        สำหรับ Paspaley แล้ว การเติบโตรวมไปถึงการขยายตัวระดับนานาชาติของแบรนด์ค้าปลีกเครื่องประดับไข่มุกของบริษัทด้วย ปีที่แล้ว บริษัทกลับเข้ามาสู่การค้าปลีกโลกอีกครั้งโดยการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ผ่านร้านค้าของ Lux Bond & Green stores และผู้ค้าปลีกอื่นๆ

        “ก่อนหน้านี้เราอยู่ในตลาดฮ่องกงแต่มีความท้าทายในการถือสัญญาเช่า เราต้องปิดกิจการในฮ่องกงและเน้นไปที่ออสเตรเลียในช่วง 10 ปีมานี้” Bracher อธิบาย “เราอยู่ในตลาดค้าปลีกของออสเตรเลียมา 30 ปีแล้ว และใช้เวลา 10 ปีที่ผ่านมาในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ตอนนี้เราพร้อมสำหรับการขยายตัวในตลาดโลกแล้ว”

        บริษัทตั้งใจที่จะเน้นตลาดสหรัฐฯ ก่อน โดยจะเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติและการวางตำแหน่งบริษัทในฐานะแบรนด์ไข่มุกเซาท์ซีจากออสเตรเลีย

สมดุลย์ของอัญมณี

        Charles Abouchar ประธานคณะกรรมการอัญมณีสีแห่งสมาพันธ์เครื่องประดับโลก (CIBJO) กล่าวว่า นับเป็นปีที่ค่อนข้างดีขึ้นสำหรับพลอยสี ด้วยความต้องการที่สูงกว่าอุปทานในพลอยบางชนิดและบางระดับคุณภาพ โดยพลอยสีระดับไฮเอนด์เป็นที่ต้องการสูงโดยเฉพาะ และหาได้ยากในการจัดหามา เขากล่าวต่อไปว่า “ในขณะเดียวกัน เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ พลอยสีระดับกลางและต่ำกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน เนื่องจากตลาดยังคงอ่อนแอ” 

        Sasha Golokoz เจ้าของบริษัท Vitalit เห็นพ้องด้วย โดยระบุว่าตลาดสำหรับพลอยสีระดับกลางมีความซบเซา ส่วนพลอยสีคุณภาพดี ราคาสูงจะเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ ขณะที่ผู้ซื้อที่เคยซื้อพลอยสีระดับกลาง กำลังหันไปซื้อวัสดุราคาต่ำลงแทน เธออธิบาย

        นอกจากนี้ การชะลอตัวในกิจกรรมการจับจ่ายของจีนยังบั่นทอนธุรกิจ ส่งผลให้ผู้จัดหาสินค้าต้องมองหาตลาดอื่นที่มีการเติบโตแทน

        ตามที่ Golokoz บริษัท Vitalit กล่าว่า กำลังหันไปใช้วิธีการฝากขายอัญมณีสีร่วมกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศเยอรมนีและอินเดียเพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่ ทางด้าน Suwatchai Chuabanlue กรรมการผู้จัดการบริษัท Ploy Center Co Ltd ผู้เชี่ยวชาญคอรันดัม ซึ่งทำการค้าเป็นหลักกับตลาดสหรัฐฯ และยุโรป เปิดเผยว่า อย่างไรก็ตาม คำสั่งซื้อของลูกค้าขึ้นอยู่กับความต้องการจากลูกค้าชาวจีนเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อยอดขาย ตอนนี้เขากำลังมองหาฐานที่มั่นที่ดีขึ้นในตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งโดยทั่วไปนิยมพลอยขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพต่ำกว่า

        Abouchar กล่าวว่า อีกหนึ่งความท้าทายที่สำคัญในอุตสาหกรรมพลอยสีคือจำนวนการปรับปรุงคุณภาพที่เข้าสู่ตลาด “การปรับปรุงคุณภาพหลายๆ แบบในปัจจุบัน ยังไม่สามารถตรวจพบได้ในตอนนี้ เมื่อไม่สามารถตรวจพบได้ ก็ไม่สามารถบอกไม่ได้ว่าพลอยสีนั้นผ่านการปรับปรุงคุณภาพหรือไม่ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาด” เขาตั้งข้อสังเกต

ระบบคำศัพท์

        นอกเหนือจากพลังของตลาดแล้ว ยังมีความพยายามที่น่าสนใจในการรักษารากฐานความสำเร็จของอุตสาหกรรม นั่นคือความมั่นใจของผู้บริโภค

        ในงานประชุม CIBJO Congress 2024 ที่เซี่ยงไฮ้ของจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 วิทยากรและคณะผู้ร่วมเสวนาได้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผลกระทบของกรอบในการดูแลควบคุมและภูมิรัฐศาสตร์ ตลอดจนความสำคัญของการตั้งชื่อมาตรฐานและการเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน ซึ่งปัญหาทั้งหมดเหล่านี้มีผลกระทบอย่างมากต่อการค้าอัญมณีและเครื่องประดับในอนาคต 

        คณะกรรมการนิยามห่วงโซ่อุปทานของ CIBJO กำลังทำงานเพื่อพัฒนารายการคำศัพท์มาตรฐานที่ใช้ในการอธิบายผลิตภัณฑ์ แหล่งที่มา และกระบวนการในห่วงโซ่อุปทานเครื่องประดับ พร้อมกับคำจำกัดความของแต่ละคำ

        คณะกรรมการกำลังตรวจสอบการใช้คำศัพท์ในข้อเรียกร้องทางธุรกิจเกี่ยวกับการปฏิบัติทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและจริยธรรม เช่น คำที่ใช้ในการอธิบายแหล่งที่มา, แหล่งกำเนิด และประวัติของสินค้า นอกจากนี้ เนื่องจากคาดว่ากฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคใหม่จะถูกนำมาใช้ในปีต่อๆ ไป การมีคำศัพท์ที่ถูกต้องในการทำข้อเรียกร้องทางธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานเครื่องประดับจึงเป็นสิ่งสำคัญ

        Purvi Shah ผู้ประสานงานของคณะกรรมการและหัวหน้าฝ่ายห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืนและมีจริยธรรมของกลุ่มของ De Beers Group กล่าวว่า “ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้นเรื่อยๆ หากข้อเรียกร้องของเราดูไม่น่าเชื่อถือ เราจะสูญเสียความเชื่อมั่นนั้นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เรายังอยู่ในยุคที่มี เรายังอยู่ในยุคของวัฒนธรรมการยกเลิก (Cancel Culture) ซึ่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและใช้เวลานานมากกว่าจะได้รับความเชื่อมั่นนั้นกลับคืนมา”

        คำศัพท์ต่อไปนี้กำลังได้รับการตรวจทานและร่าง และมีการหารือในไตรมาสแรกของปี 2025 คำศัพท์ว่าด้วยคำอ้างทางธุรกิจ ได้แก่ responsible business practices (วิธีปฏิบัติทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ), ethical business practices (วิธีปฏิบัติทางธุรกิจอย่างมีจริยธรรม) และ sustainable business practices (วิธีปฏิบัติทางธุรกิจอย่างยั่งยืน) คำศัพท์ว่าด้วยเรื่องการจัดหา ได้แก่ responsibly sourced (การจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ), ethically sourced (การจัดหาอย่างมีจริยธรรม) และ sustainably sourced (การจัดหาอย่างยั่งยืน) คำศัพท์ว่าด้วยการตรวจสอบติดตาม ได้แก่ chain of accountability (ลำดับแห่งความรับผิดชอบ), chain of custody (ลำดับแห่งการครอบครอง), traceability (การตรวจสอบย้อนกลับ) และ transparency (ความโปร่งใส) คำศัพท์ว่าด้วยแหล่งกำเนิด แหล่งที่ได้มา และภูมิหลังความเป็นมา ได้แก่ newly mined (สกัดใหม่จากเหมือง), artisanally mined (สกัดได้จากเหมืองพื้นบ้าน), recovered through large-scale mining (สกัดได้จากเหมืองขนาดใหญ่), recycled gemstones (อัญมณีรีไซเคิล), grandfathered/legacy material (วัสดุที่ได้รับการยกเว้นเนื่องจากเกิดขึ้นก่อนข้อบังคับ/ได้รับสืบทอด), antique Jewellery (เครื่องประดับที่เป็นของโบราณ) และ vintage Jewellery (เครื่องประดับวินเทจ)

        นอกจากนี้ คณะกรรมการยังไม่สนับสนุนการใช้คำว่า eco-friendly (เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม), environmentally friendly (เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม), biodegradable (ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ), green/’greener’ material (วัสดุรักษ์โลก/ ‘รักษ์โลกยิ่งกว่า’) และ energy-efficient/energy-smart Jewellery (เครื่องประดับประหยัดพลังงาน/อัจฉริยะด้านพลังงาน)


แปลและเรียบเรียงโดย ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

 เมษายน 2568


ข้อมูลอ้างอิง


อ้างอิงเนื้อหาจาก Jewellerynet. 2025: The road ahead. Available at https://news.jewellerynet.com/ en/jnanews/features/26177/123024-2025-The-road-ahead.

เอกสารแนบ


ความคิดเห็น


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

2025: อนาคตที่รออยู่ข้างหน้า

Apr 28, 2025
333 views
3 shares

        ในขณะที่ยังคงมีความท้าทายอยู่ในปี 2025 อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับยังคงมองมีความหวังแม้ยังต้องระมัดระวังเนื่องจากการค่อยๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติ หลังจากช่วงเวลาที่รุ่งเรืองสูงสุดและตกต่ำอย่างรุนแรงระหว่างและหลังการแพร่ระบาดของโควิด ส่วนการค้ามุ่งไปที่ตลาดและกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อรักษาการเติบโตไปพร้อมๆ กับวางรากฐานในการรักษาความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เพื่อความสำเร็จและอนาคตที่แข็งแกร่ง

        ลังจากปีแห่งความผันผวนจากแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ การขาดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และความต้องการของผู้บริโภคที่อยู่ในอัตราต่ำ ผู้เล่นในอุตสาหกรรมพากันจับตามองสถานการณ์ในปี 2025 อย่างระวัดระวังในขณะที่ยังมีความหวังถึงการขยายตัวเพียงเล็กน้อย

        ความท้าทายยังคงอยู่ แต่การค้ามีสัญญาณฟื้นตัวในรูปแบบของตลาดใหม่ที่มีอนาคต เสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและกลยุทธ์ที่หลักแหลม

        การตรวจสอบที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นของรัฐบาลและผู้บริโภค ส่งผลให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับต้องให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความยั่งยืน การตั้งชื่อสินค้าอย่างถูกต้อง และการตลาดอย่างมีความรับผิดชอบ รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ด้วย

อุปทานเพชร

        การค้าเพชรซึ่งเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่งในปี 2024 กำลังมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์โดยสถานการณ์ของตลาดกำลังฟื้นตัว และ Yoram Dvash ประธานของ World Federation of Diamond Bourses (WFDB) คาดว่าตลาดเพชรจะแสดงสัญญาณการฟื้นตัวในไตรมาสที่สองของปี 2025

        อุปทานค่อนข้างมีเสถียรภาพและมีการขาดแคลนสินค้าบางประเภท ต่างจากส่วนเกินที่ทำให้เกิดความกังวลเรื่องราคาและสินค้าคงคลังเมื่อปี 2024 ทั้งนี้ ผู้ผลิตในอินเดียลดการผลิตลงร้อยละ 40-50 ในปีที่ผ่านมา โดยหวังว่าจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ของอุปทานได้

Dvash กล่าวว่า “หนึ่งในปัจจัยหลักที่จะส่งผลกระทบต่อการค้าเพชรในปี 2025 คืออุปทานของเพชรที่ยังไม่เจียระไน หากบริษัทผู้ประกอบการเหมืองและประเทศผู้ผลิตยังคงควบคุมอุปทานและไม่ปล่อยเพชรที่ยังไม่เจียระไนปริมาณมากเข้าสู่ตลาด นี่จะเป็นผลดี” 

 

โอกาสของตลาด

        อย่างไรก็ตาม ความต้องการในตลาดจีนยังมีอิทธิพลอยู่มาก โดย Paul Rowley Executive Vice President ของ De Beers Group กล่าวว่า ความต้องการในจีนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเพชรอยู่ในขณะนี้ ทุกฝ่ายยอมรับว่าการฟื้นตัวในตลาดดังกล่าวจะใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ ส่วนหนึ่งมาจากอัตราการแต่งงานในจีนที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำนับตั้งแต่วิกฤติโรคระบาด ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจเจ้าสาว Rowley กล่าว

        ความพยายามล่าสุดในการจุดประกายความต้องการเพชรธรรมชาติในประเทศจีน คาดว่าจะเริ่มเห็นผลในปีนี้ โดยสมาพันธ์ค้าเพชรโลก (WFDB) และตลาดแลกเปลี่ยนเพชรเซี่ยงไฮ้ (SDE) ได้ร่วมมือกันจัดทำวิดีโอชุดหนึ่งเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาสนใจเพชรธรรมชาติ ตามที่ Dvash กล่าวไว้ SDE ยังได้เริ่มแคมเปญการตลาดสำหรับเพชรธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับความพยายามในการส่งเสริมการขายที่มีอยู่แล้วของ 

        De Beers และสภาเพชรธรรมชาติ (NDC) ที่มุ่งเน้นกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาว

        ความต้องการเพชรที่ตกฮวบในตลาดจีน ทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมหันไปมองหาตลาดผู้บริโภคทางเลือกอื่นๆ แทน

        อินเดียเป็นตัวเลือกที่มีความแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงผลักดันจากชนชั้นกลางที่แสดงความต้องการเพชรมากขึ้น Rowley กล่าวว่าความต้องการเพชรธรรมชาติในอินเดียเพิ่มขึ้นร้อยละ 30-40 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การระบาดของโควิด 19

        “เรามองเห็นศักยภาพในการเติบโตของตลาดดังกล่าวในอนาคตเนื่องจากความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะเป็นผลจากการชะลอตัวในจีน” เขาอธิบาย “มีการย้ายเข้ามาลงทุน และการขยายตัวของชนชั้นกลางที่มองเพชรแตกต่างออกไปจากเดิม นอกเหนือจากเครื่องประดับแบบดั้งเดิมแล้ว ก็ยังมีโอกาสในการขายเพชรสำหรับการออกแบบที่แปลกใหม่และแหวกแนวในอินเดีย”

        นอกจากนี้ Dvash ยังสังเกตเห็นว่าการบริโภคเพชรในอินเดียขยายตัวในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แม้ตามปกติตลาดจะเน้นไปที่เครื่องประดับทอง เนื่องจากภาษีการนำเข้าเพชรเจียระไน อุปทานในตลาดอินเดียจึงมาจากการจัดหาโดยผู้ผลิตท้องถิ่นแทบทั้งหมด เขากล่าวเสริม

        สำหรับ De Beers แล้ว สหรัฐฯ เองก็กำลังฟื้นตัว โดย Rowley คาดว่าการเติมสต็อกสินค้าเพชรธรรมชาติของผู้ค้าปลีกจะอยู่ในระดับที่สูงขึ้นในปีนี้ ตลาดที่แสดงสัญญาณการเติบโตยังมีญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย Rowley ยอมรับว่าตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งไม่สามารถทดแทนความสูญเสียในตลาดจีนได้ และตลาดอินเดียเองก็ทดแทนไม่ได้ เขากล่าว

        Rowley กล่าวต่อไปอีกว่า “เรากำลังมองหาตลาดทางเลือกในการรักษาแรงขับเคลื่อนนี้เอาไว้จนกว่าความต้องการในจีนจะกลับมา ซึ่งเราหวังว่าจะเกิดขึ้นโดยเร็ว” 

การฟื้นตัวอย่างช้าๆ 

        สำหรับ Dvash ความท้าทายที่ใหญ่หลวงที่สุดของอุตสาหกรรมคือ การขาดความตื่นเต้นเกี่ยวกับเพชรธรรมชาติในหมู่ผู้บริโภควัยหนุ่มสาวในภาพรวม

        “ผู้บริโภคเหล่านี้ไม่เคยมีประสบการณ์กับแคมเปญทั่วไปที่ยกให้เพชรธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์ของรักนิรันดร์ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ชัดเจนสำหรับผู้บริโภคในกลุ่มที่มีอายุมากกว่า เราหวังว่าอุตสาหกรรมจะเริ่มแก้ไขเรื่องนี้โดยการร่วมมือกันสนับสนุนแคมเปญทั่วไปที่มีอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป” Dvash อธิบาย

        ในความเห็นของเขา ต้องมีแคมเปญการตลาดที่เข้มข้นอย่างน้อยห้าปี เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทัศนคติของผู้บริโภค การหารือเมื่อไม่นานมานี้ของสมาคมผู้ค้าต่างๆ เกี่ยวกับการมีส่วนสนับสนุนกองทุนของNDC สำหรับการตลาดสินค้าตามหมวดหมู่สินค้าอาจเป็นก้าวหนึ่งในทิศทางนั้น

        เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ดีขึ้นจะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการค้าเพชรเช่นกัน โดย Dvash กล่าวว่า “เราหวังว่ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะยุติสงครามในยูเครนและตะวันออกกลาง ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายลง และเราหวังว่าจะได้เห็นอัตราดอกเบี้ยลดลงต่อไป”

        Rowley มองเห็นการกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างช้าๆ ในการค้าเพชร โดยมีแรงสนับสนุนจากการเติมสต็อกสินค้าที่ดีในอนาคต เขากล่าวว่า “สัญญาณในระยะแรกมีแนวโน้มที่ดี ซึ่งจะนำแรงผลักดันของอุตสาหกรรมเพชรธรรมชาติกลับมา มันจะไม่ใช่การเติบโตแบบก้าวกระโดดหรือการฟื้นตัวขึ้นแบบฉับพลัน แต่จะมีการปรับตัวอย่างช้าๆ ในระดับความต้องการของผู้บริโภคสำหรับเพชร ซึ่งจะนำแรงขับเคลื่อนและเสถียรภาพของธุรกิจเพชรธรรมชาติกลับมา”

 

ความต้องการที่รุ่งโรจน์

        ไข่มุกเป็นที่นิยมในหลายตลาดมากขึ้นและกำลังเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างออกไป

        สมาคมผู้ส่งออกไข่มุกญี่ปุ่น (JPEA) กำลังมองหาการขยายตลาดไข่มุกอาโกย่าของญี่ปุ่นให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นในปีนี้ โดย George Kakuda ประธานของ JPEA กล่าวว่า ความต้องการจากจีนสูงมากมาหลายปีหลังวิกฤติโรคระบาด แต่ตลาดใหม่ก็แสดงศักยภาพที่ดี 

        “ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ผู้ซื้อจากตลาดต่างๆ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และอินเดียแสดงความสนใจมุกอโกย่าของญี่ปุ่นมากขึ้น มีผู้ซื้อที่จริงจังซึ่งยินดีที่จะจ่ายราคาสูงเพื่อสินค้าเหล่านี้” เขากล่าว “พวกเขาพอใจกับความแน่นอนในอุปทานและคุณภาพ ซึ่งเป็นความได้เปรียบหลักในการแข่งขันในตลาดของเรา”

        Jewelmer ผู้เชี่ยวชาญด้านไข่มุกเซาท์ซีสีทอง ก็มีมุมมองในแง่บวกต่อโอกาสในการเติบโตในปีนี้เช่นกัน

        โดย Jacques Christophe Branellec ซีอีโอของบริษัท เปิดเผยว่า ฐานลูกค้าในสหรัฐฯ ของบริษัทกำลังกลับมาเติบโตอย่างมั่นคงอีกครั้ง และไข่มุกเซาท์ซีสีทองก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในระดับโลก การค้าในเอเชียและจีนเป็นไปได้ดีสำหรับบริษัท ขณะเดียวกัน ตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดียและแอฟริกาก็มีศักยภาพที่น่าจับตามอง

        เขาคาดว่า ความสนใจในไข่มุกจะยังคงมีอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยเฉพาะจากเหตุผลในเรื่องความยั่งยืนของ ไข่มุกเซาท์ซี ที่สอดคล้องกับค่านิยมของคนรุ่นใหม่

        “ขณะนี้ผู้บริโภคเหล่านี้มีจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียซึ่งเรามีกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุน้อยมาก” Branellec กล่าว “คนหนุ่มสาวในวัยทำงานกำลังจะได้รับเงินเดือนเดือนแรกหรือการเลื่อนขั้นครั้งแรก ไข่มุกเป็นอัญมณีที่สามารถตอบสนองกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้และความต้องการอัญมณีที่มีเรื่องราวความยั่งยืนและจริยธรรมอย่างแท้จริงของพวกเขา”

        Peter Bracher กรรมการบริหารของบริษัท Paspaley Pearling ก็มีความมั่นใจเช่นกันว่าตลาดจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในปีนี้ เขากล่าวว่า ความไม่แน่นอนโดยทั่วไปที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในปี 2024 เช่น ความขัดแย้งทางการเมืองและความวุ่นวายทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ได้คลี่คลายลง ซึ่งช่วยเปิดทางให้เกิดการเติบโต ท่ามกลางภาวะการขาดแคลนสินค้า

        สำหรับ Paspaley แล้ว การเติบโตรวมไปถึงการขยายตัวระดับนานาชาติของแบรนด์ค้าปลีกเครื่องประดับไข่มุกของบริษัทด้วย ปีที่แล้ว บริษัทกลับเข้ามาสู่การค้าปลีกโลกอีกครั้งโดยการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ผ่านร้านค้าของ Lux Bond & Green stores และผู้ค้าปลีกอื่นๆ

        “ก่อนหน้านี้เราอยู่ในตลาดฮ่องกงแต่มีความท้าทายในการถือสัญญาเช่า เราต้องปิดกิจการในฮ่องกงและเน้นไปที่ออสเตรเลียในช่วง 10 ปีมานี้” Bracher อธิบาย “เราอยู่ในตลาดค้าปลีกของออสเตรเลียมา 30 ปีแล้ว และใช้เวลา 10 ปีที่ผ่านมาในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ตอนนี้เราพร้อมสำหรับการขยายตัวในตลาดโลกแล้ว”

        บริษัทตั้งใจที่จะเน้นตลาดสหรัฐฯ ก่อน โดยจะเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติและการวางตำแหน่งบริษัทในฐานะแบรนด์ไข่มุกเซาท์ซีจากออสเตรเลีย

สมดุลย์ของอัญมณี

        Charles Abouchar ประธานคณะกรรมการอัญมณีสีแห่งสมาพันธ์เครื่องประดับโลก (CIBJO) กล่าวว่า นับเป็นปีที่ค่อนข้างดีขึ้นสำหรับพลอยสี ด้วยความต้องการที่สูงกว่าอุปทานในพลอยบางชนิดและบางระดับคุณภาพ โดยพลอยสีระดับไฮเอนด์เป็นที่ต้องการสูงโดยเฉพาะ และหาได้ยากในการจัดหามา เขากล่าวต่อไปว่า “ในขณะเดียวกัน เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ พลอยสีระดับกลางและต่ำกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน เนื่องจากตลาดยังคงอ่อนแอ” 

        Sasha Golokoz เจ้าของบริษัท Vitalit เห็นพ้องด้วย โดยระบุว่าตลาดสำหรับพลอยสีระดับกลางมีความซบเซา ส่วนพลอยสีคุณภาพดี ราคาสูงจะเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ ขณะที่ผู้ซื้อที่เคยซื้อพลอยสีระดับกลาง กำลังหันไปซื้อวัสดุราคาต่ำลงแทน เธออธิบาย

        นอกจากนี้ การชะลอตัวในกิจกรรมการจับจ่ายของจีนยังบั่นทอนธุรกิจ ส่งผลให้ผู้จัดหาสินค้าต้องมองหาตลาดอื่นที่มีการเติบโตแทน

        ตามที่ Golokoz บริษัท Vitalit กล่าว่า กำลังหันไปใช้วิธีการฝากขายอัญมณีสีร่วมกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศเยอรมนีและอินเดียเพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่ ทางด้าน Suwatchai Chuabanlue กรรมการผู้จัดการบริษัท Ploy Center Co Ltd ผู้เชี่ยวชาญคอรันดัม ซึ่งทำการค้าเป็นหลักกับตลาดสหรัฐฯ และยุโรป เปิดเผยว่า อย่างไรก็ตาม คำสั่งซื้อของลูกค้าขึ้นอยู่กับความต้องการจากลูกค้าชาวจีนเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อยอดขาย ตอนนี้เขากำลังมองหาฐานที่มั่นที่ดีขึ้นในตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งโดยทั่วไปนิยมพลอยขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพต่ำกว่า

        Abouchar กล่าวว่า อีกหนึ่งความท้าทายที่สำคัญในอุตสาหกรรมพลอยสีคือจำนวนการปรับปรุงคุณภาพที่เข้าสู่ตลาด “การปรับปรุงคุณภาพหลายๆ แบบในปัจจุบัน ยังไม่สามารถตรวจพบได้ในตอนนี้ เมื่อไม่สามารถตรวจพบได้ ก็ไม่สามารถบอกไม่ได้ว่าพลอยสีนั้นผ่านการปรับปรุงคุณภาพหรือไม่ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาด” เขาตั้งข้อสังเกต

ระบบคำศัพท์

        นอกเหนือจากพลังของตลาดแล้ว ยังมีความพยายามที่น่าสนใจในการรักษารากฐานความสำเร็จของอุตสาหกรรม นั่นคือความมั่นใจของผู้บริโภค

        ในงานประชุม CIBJO Congress 2024 ที่เซี่ยงไฮ้ของจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 วิทยากรและคณะผู้ร่วมเสวนาได้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผลกระทบของกรอบในการดูแลควบคุมและภูมิรัฐศาสตร์ ตลอดจนความสำคัญของการตั้งชื่อมาตรฐานและการเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน ซึ่งปัญหาทั้งหมดเหล่านี้มีผลกระทบอย่างมากต่อการค้าอัญมณีและเครื่องประดับในอนาคต 

        คณะกรรมการนิยามห่วงโซ่อุปทานของ CIBJO กำลังทำงานเพื่อพัฒนารายการคำศัพท์มาตรฐานที่ใช้ในการอธิบายผลิตภัณฑ์ แหล่งที่มา และกระบวนการในห่วงโซ่อุปทานเครื่องประดับ พร้อมกับคำจำกัดความของแต่ละคำ

        คณะกรรมการกำลังตรวจสอบการใช้คำศัพท์ในข้อเรียกร้องทางธุรกิจเกี่ยวกับการปฏิบัติทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและจริยธรรม เช่น คำที่ใช้ในการอธิบายแหล่งที่มา, แหล่งกำเนิด และประวัติของสินค้า นอกจากนี้ เนื่องจากคาดว่ากฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคใหม่จะถูกนำมาใช้ในปีต่อๆ ไป การมีคำศัพท์ที่ถูกต้องในการทำข้อเรียกร้องทางธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานเครื่องประดับจึงเป็นสิ่งสำคัญ

        Purvi Shah ผู้ประสานงานของคณะกรรมการและหัวหน้าฝ่ายห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืนและมีจริยธรรมของกลุ่มของ De Beers Group กล่าวว่า “ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้นเรื่อยๆ หากข้อเรียกร้องของเราดูไม่น่าเชื่อถือ เราจะสูญเสียความเชื่อมั่นนั้นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เรายังอยู่ในยุคที่มี เรายังอยู่ในยุคของวัฒนธรรมการยกเลิก (Cancel Culture) ซึ่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและใช้เวลานานมากกว่าจะได้รับความเชื่อมั่นนั้นกลับคืนมา”

        คำศัพท์ต่อไปนี้กำลังได้รับการตรวจทานและร่าง และมีการหารือในไตรมาสแรกของปี 2025 คำศัพท์ว่าด้วยคำอ้างทางธุรกิจ ได้แก่ responsible business practices (วิธีปฏิบัติทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ), ethical business practices (วิธีปฏิบัติทางธุรกิจอย่างมีจริยธรรม) และ sustainable business practices (วิธีปฏิบัติทางธุรกิจอย่างยั่งยืน) คำศัพท์ว่าด้วยเรื่องการจัดหา ได้แก่ responsibly sourced (การจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ), ethically sourced (การจัดหาอย่างมีจริยธรรม) และ sustainably sourced (การจัดหาอย่างยั่งยืน) คำศัพท์ว่าด้วยการตรวจสอบติดตาม ได้แก่ chain of accountability (ลำดับแห่งความรับผิดชอบ), chain of custody (ลำดับแห่งการครอบครอง), traceability (การตรวจสอบย้อนกลับ) และ transparency (ความโปร่งใส) คำศัพท์ว่าด้วยแหล่งกำเนิด แหล่งที่ได้มา และภูมิหลังความเป็นมา ได้แก่ newly mined (สกัดใหม่จากเหมือง), artisanally mined (สกัดได้จากเหมืองพื้นบ้าน), recovered through large-scale mining (สกัดได้จากเหมืองขนาดใหญ่), recycled gemstones (อัญมณีรีไซเคิล), grandfathered/legacy material (วัสดุที่ได้รับการยกเว้นเนื่องจากเกิดขึ้นก่อนข้อบังคับ/ได้รับสืบทอด), antique Jewellery (เครื่องประดับที่เป็นของโบราณ) และ vintage Jewellery (เครื่องประดับวินเทจ)

        นอกจากนี้ คณะกรรมการยังไม่สนับสนุนการใช้คำว่า eco-friendly (เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม), environmentally friendly (เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม), biodegradable (ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ), green/’greener’ material (วัสดุรักษ์โลก/ ‘รักษ์โลกยิ่งกว่า’) และ energy-efficient/energy-smart Jewellery (เครื่องประดับประหยัดพลังงาน/อัจฉริยะด้านพลังงาน)


แปลและเรียบเรียงโดย ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

 เมษายน 2568


ข้อมูลอ้างอิง


อ้างอิงเนื้อหาจาก Jewellerynet. 2025: The road ahead. Available at https://news.jewellerynet.com/ en/jnanews/features/26177/123024-2025-The-road-ahead.

เอกสารแนบ

เราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้   ตั้งค่า ยอมรับ

×
140 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ชั้น 4 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: 0 2634 4999 ต่อ 444
โทรสาร: 0 2634 4970
external-site