ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
ความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจเครื่องประดับจีนและอัญมณีหลังผ่านพ้นการระบาดของ COVID-19
May 1, 2020
1023
views
0
share
ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มดำเนินมาตรการปิดเมืองเพื่อต่อสู้กับการระบาดของโคโรนาไวรัส จีนกลับค่อยๆ ฟื้นตัวจากวิกฤติ
ที่มา: https://www.nytimes.com/
Kent Wong กรรมการผู้จัดการของ Chow Tai Fook ผู้ขายเครื่องประดับและอัญมณีรายใหญ่ที่สุดของจีน กล่าวว่าขณะนี้จุดวางจำหน่ายของบริษัทเปิดทำการคิดเป็นร้อยละ 80-90 ของทั้งหมด จากเดิมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ต้องปิดทำการไปร้อยละ 90
แม้ว่ายอดขายยังคงลดต่ำ และผู้ใช้บริการในศูนย์การค้าก็ยังไม่กลับมาเท่าระดับเดิมก่อนเกิดการระบาด แต่ Wong กล่าวว่า เขายินดีที่ผู้บริโภคยังคงให้ความสนใจเครื่องประดับ อัญมณีแม้ว่าคนส่วนใหญ่หันไปนิยมกลุ่มสินค้าราคาต่ำ
“เราคาดการณ์ว่าคงต้องใช้เวลาสองถึงสามเดือนในการฟื้นตัว และคิดว่าอีกสักสามสี่เดือนเราน่าจะกลับสู่ภาวะปกติ ข้อมูลในปัจจุบันดีกว่าที่เราคาดเอาไว้” เขากล่าว
เขากล่าวว่า ผู้บริโภคมีทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไป คนคำนึงถึงสุขภาพกันมากขึ้น หัวข้อที่คนสนใจกันมากในสื่อสังคมออนไลน์คือการออกไปหาของกินนอกบ้าน และสถานที่ท่องเที่ยวก็มีผู้คนล้นหลาม
“ผู้คนดีใจที่ได้ออกจากบ้าน” เขากล่าว “คนส่วนใหญ่ที่มาเดินห้างก็มักไม่ได้ตั้งใจมาซื้อของ พวกเขาดีใจที่ได้ออกมาพบปะพูดคุยและดื่มน้ำชากันมากกว่า”
เทคโนโลยีที่ผู้คนใช้ในช่วงวิกฤติกลายมาเป็นมาตรฐานที่ใช้กันโดยทั่วไป การประชุมทางไกลกลายเป็น “ความปกติแบบใหม่” (New Normal) Wong กล่าว แม้ว่าในจีนมีการใช้แอพพลิเคชันซื้อสินค้ากันอย่างกว้างขวางอยู่ก่อนแล้ว แต่ผู้คนก็เปิดรับแอพพลิเคชันเหล่านี้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แม้กระทั่งคนที่ไม่เคยคิดจะใช้มาก่อนเลยก็ตาม
“คนสูงอายุชอบไปซื้อของที่ตลาด” เขากล่าว “แต่เมื่อพวกเขาได้ลองใช้แอพพลิเคชันในช่วงที่ออกจากบ้านไม่ได้ การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่จึงกลายเป็นเรื่องปกติแม้กระทั่งกับผู้สูงอายุ คนกลุ่มนี้เริ่มเล็งเห็นถึงความสะดวกจากการใช้เทคโนโลยี”
“Kent Wong กรรมการผู้จัดการของ Chow Tai Fook กล่าวว่าผู้บริโภคในช่วงหลังยกเลิกการปิดเมืองมักมองหาสินค้าเครื่องประดับอัญมณีราคาต่ำ”
Wong กล่าวว่า เมื่อปรากฏชัดแล้วว่าไวรัสตัวนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ CTF จึงได้ดำเนินกลยุทธ์หลายด้านพร้อมกัน
บริษัทตัดสินใจไม่ปลดพนักงาน “เราเชื่อมั่นว่าในระยะกลางถึงระยะยาว ธุรกิจนี้จะกลับมา” Wong กล่าว “และเราเชื่อว่าพนักงานเป็นทรัพย์สินที่ดีที่สุดของเรา” (คณะกรรมการและทีมผู้บริหารของบริษัทต้องลดเงินเดือนตัวเองลงร้อยละ 30)
บริษัทให้ความสำคัญกับการสื่อสาร “เราก่อตั้งศูนย์ข้อมูลที่ให้บริการทั่วประเทศภายใต้การดูแลของทีมบริหารความเสี่ยง เพื่อที่เราจะได้ให้ข้อมูลแก่พนักงานแบบวันต่อวัน” เขากล่าว
ทีมผู้บริหารได้ปรึกษาผ่านการพูดคุยทางเว็บแช็ตว่าบริษัทควรวางแผนอย่างไรเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ “เราสนับสนุนให้พนักงานมองไปถึงอนาคต” เขากล่าว “เรารู้ดีว่าทุกคนกำลังลำบากอยู่ แต่เราเชื่อมั่นในอนาคตระยะยาวและเราต้องคำนึงถึงจุดนั้น”
บริษัทเริ่มดำเนินโครงการทำงานจากที่บ้าน พนักงานร้านของ CTF หลายรายสื่อสารกับลูกค้าผ่านการส่งข้อความเป็นหลักอยู่แล้ว บริษัทจึงได้พัฒนาแอพพลิเคชันใหม่เพื่อช่วยให้การติดต่อสื่อสารง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทุ่มงบประมาณในด้านการตลาดดิจิทัลและการจัดกิจกรรมออนไลน์ด้วย ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมที่ผ่านมา CTF จัดงานไลฟ์สตรีมมากกว่า 20 ครั้ง โดยมีเหล่าคนดังและผู้มีอิทธิพลในโลกออนไลน์เข้าร่วมด้วย กิจกรรมดังกล่าวเรียกยอดผู้ชมมากถึง 20 ล้านครั้ง
งานที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคือการขายจี้รุ่น Stay Safe จากคอลเล็กชันยอดนิยม Bao Bao Family Cherry โดยมอบรายได้ให้การกุศล จี้รวม 5,000 ชิ้นขายหมดเกลี้ยงภายในเวลา 30 วินาที
“จี้ Stay Safe ชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชัน Bao Bao Family Cherry จี้ขายหมดภายในเวลา 30 วินาทีหลังเปิดขายบนร้านออนไลน์ของ Chow Tai Fook”
สุดท้าย บริษัทได้ดำเนินโครงการเรียนรู้จากที่บ้านด้วย “เราตั้งหัวข้อต่างๆ ให้คนได้เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน” Wong กล่าว “เราคิดว่าในเวลานี้เราน่าจะได้กลับไปทบทวนและวาดภาพธุรกิจนี้ขึ้นมาใหม่ เราให้พนักงานได้ลองคิดว่าอยากทำอะไรหลังจากการกักตัวสิ้นสุดลง”
ในตอนนี้เมื่อ Chow Tai Fook สาขาอเมริกาเหนือ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในบอสตันและเป็นเจ้าของแบรนด์ Hearts On Fire และ Mémoire จำเป็นต้องเผชิญกับสถานการณ์ปิดเมืองเช่นเดียวกัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Caryl Capeci จึงหวังว่าจะยึดแนวทางของบริษัทแม่เป็นแบบอย่าง
“เมื่อทุกคนทำงานทางไกล เราจึงมีเวลาทำสิ่งที่เราอยากทำมาตลอดโดยไม่ต้องมีภารกิจรายวันมารบกวน เราพูดคุยกันถึงวิธีที่เราจะดำเนินโครงการต่างๆ ที่เราทำอยู่ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อที่ว่าบริษัทจะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิมเมื่อกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง”
เธอกล่าวว่าภาคอุตสาหกรรมควรใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้อย่างชาญฉลาด
นี่เป็นโอกาสที่เราจะได้ปรับเปลี่ยนตัวเอง ภาคอุตสาหกรรมนี้ปรับตัวช้ามาก ผู้ขายเครื่องประดับหลายรายไม่มีแพลตฟอร์มสำหรับแสดงสินค้าทางออนไลน์ในเวลาที่คนไม่สามารถเข้าห้างได้ ร้านค้าที่มีแพลตฟอร์มพร้อมอยู่แล้วจะฟื้นตัวกลับมาได้เร็วกว่า
“วิกฤติครั้งนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจค้าปลีก เรามีเวลาสองเดือนในการปรับปรุงสิ่งต่างๆ เพื่อให้ธุรกิจทันยุคทันสมัย เราทุกคนต้องยกเป้าหมายนี้ให้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก”
“Caryl Capeci ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Chow Tai Fook อเมริกาเหนือกล่าวว่า บริษัทกำลังทบทวนกระบวนการทำงานในช่วงที่มีการปิดเมืองนี้”
เธอยังได้แนะนำให้ผู้ขายทำการ “สำรวจเจาะลึก” ในคลังสินค้าเพื่อให้แน่ใจว่ากิจการมีสินค้าที่เหมาะสม ถ้าหากลูกค้าชาวจีนหันมานิยมสินค้าราคาต่ำหลังกลับมาเปิดเมืองอีกครั้ง ผู้บริโภคชาวสหรัฐก็อาจทำเช่นเดียวกัน
เธอระบุว่า หากมองในแง่ดี ในช่วงหลายปีมานี้คู่แข่งสำคัญของธุรกิจเครื่องประดับอัญมณีคือธุรกิจการท่องเที่ยวแบบหรูหรา และธุรกิจนั้นน่าจะต้องเผชิญความท้าทายยิ่งกว่าธุรกิจเครื่องประดับ
Wong เห็นด้วยว่าอุตสาหกรรมเครื่องประดับและอัญมณีนี้จำเป็นต้องหันมามองภาพใหญ่มากยิ่งขึ้น
“เรากำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากและเราจำเป็นต้องร่วมมือร่วมใจกัน เราต้องคิดหาวิธีที่จะรักษาความเชื่อมั่นของลูกค้า อย่ามัวแต่วิตกกังวลในช่วงวิกฤติ แต่ให้นึกถึงอนาคตข้างหน้า เราควรสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างไร พฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และเราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อประโยชน์ส่วนรวม”
ในฐานะคนที่ผ่านการปิดเมืองและ (หวังว่า) ได้ผ่านพ้นสถานการณ์นั้นมาแล้ว Wong ได้ให้คำแนะนำง่ายๆ แก่เพื่อนร่วมอาชีพที่ยังคงต้องเก็บตัวอยู่ในขณะนี้ว่า “อยู่บ้าน รักษาสุขภาพ และมองในแง่บวกเข้าไว้”
ข้อมูลอ้างอิง
“How China’s Jewelry Business Changed After the COVID-19 Lockdown.” by Rob Bates. JCK. Retrieved April 16, 2020 from https://www.jckonline.com/editorial-article/chinas-jewelry-business-covid-19/.