จับตาเทรนด์ราคาทองปี64 ฟันธงขาขึ้นแตะ2พันเหรียญ

Dec 24, 2020
727 views
0 share
แหล่งที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
หมวดหมู่: การตลาด

เกาะติดเทรนด์ราคาทองคำ หลังข่าวดี "วัคซีน" โควิด ผู้ค้าทองรายใหญ่ "ฮั่วเซ่งเฮง-แม่ทองสุก" ประสานเสียงเทรนด์ปีหน้ายังเป็น "ขาขึ้น" ลุ้นไปแตะที่ 2,000 เหรียญ/ ออนซ์อีกครั้ง ขณะที่นักวิเคราะห์มองโอกาสทำกำไรแค่ 10% เพราะปีนี้ราคาขึ้นไปสูงแล้ว เตือน สัญญาณเชิงลบธนาคารกลางหลายประเทศเทขายทองคำในรอบ 10 ปี

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้ปีนี้กลายเป็นปีทองของการลงทุนทองคำ เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ ไหลเข้ามาลงทุนในทองคำ ส่งผลให้ผลตอบแทนของทองคำตั้งแต่ต้นปี 2563 ถึงปัจจุบัน (YTD) ปรับขึ้นค่อนข้างสูง โดยทองคำต่างประเทศ (gold spot) ให้ผลตอบแทน 24.85% ส่วนทองคำในประเทศให้ผลตอบแทน 26.23% อย่างไรก็ดี จากที่เริ่มมีข่าวดีของ "วัคซีน" ป้องกันโควิด-19 พร้อมกับมาตรการทางการเงินของแต่ละประเทศจะมีส่งผลต่อเทรนด์ราคาทองคำปีหน้าอย่างไร

เทรนด์ทองคำปี'64

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง หนึ่งใน ผู้ค้าทองรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ฮั่วเซ่งเฮงยังมองแนวโน้มราคาทองคำต่างประเทศปีหน้ายังเป็นขาขึ้น แม้ว่าในช่วงปลายปีนี้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำอาจลดความร้อนแรงลง เนื่องจากเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นปี 2564 คาดว่าทองคำจะกลับมาคึกคัก โดยได้ปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐ

ทั้งนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่างประเทศ (gold spot) ช่วงสิ้นปีนี้ที่แนวรับ 1,850 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวต้าน 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งคิดเป็นราคาทองคำในประเทศที่แนวรับ 26,200 บาท/บาททองคำ และแนวต้าน 26,750 บาท/บาททองคำ

ลุ้นแตะ 2,000 ดอลลาร์

"ปีหน้าเรามองว่าราคาทองคำจะสามารถปรับขึ้นทดสอบแนวต้านเดิมที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะสหรัฐยังใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เป็นบวกต่อราคาทองคำ" นายธนรัชต์กล่าว

นอกจากนี้ การที่สหรัฐคงอัตรา

ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำ 0.00-0.25% รวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเศรษฐกิจผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของธนาคารกลางสหรัฐ 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน เป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในทองคำเช่นกัน

ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยคาดว่าจะสามารถกระจายได้ทั่วถึงในช่วงครึ่งปีหลัง หากการแพร่ระบาดรอบใหม่ไม่ได้ส่งผลรุนแรงถึงขั้นทำให้แต่ละประเทศต้องประกาศล็อกดาวน์อีกระลอก เชื่อว่าสภาพคล่องที่ไหลเข้าสู่ระบบส่วนหนึ่งจะเข้ามาหาผลตอบแทนจากการลงทุนทองคำ จึงเชื่อว่าราคาทองคำจะยังเป็นขาขึ้น

บาทแข็งฉุดเสน่ห์ทองใน ปท.

นายธนรัชต์กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำในประเทศระยะกลางยังถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งคาดว่าค่าเงินบาทมีความเสี่ยงแข็งค่าขึ้นจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่ยังอ่อนค่าลงต่อเนื่อง

"ตอนนี้ค่าเงินหลายประเทศทั่วโลกแข็งค่าขึ้นสวนทางดอลลาร์ ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียงประเทศเดียว จึงมีความเสี่ยงที่ค่าเงินบาท จะแข็งค่าเพิ่มขึ้นได้อีก" นายธนรัชต์กล่าว

แม่ทองสุกชี้ปัจจัยบวก

สอดคล้องกับ นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก กล่าวว่า MTS มองว่า ราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น จากที่ราคาทองคำต่างประเทศยังสามารถเคลื่อนไหวในกรอบ 1,800-1,850 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาณการฟี้นตัวยังดีขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดราคาทองคำต่างประเทศปรับขึ้นทดสอบระดับ 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์

ปัจจัยบวกที่หนุนราคาทองคำ ได้แก่ การดำเนินนโยบายอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเศรษฐกิจ (QE) จำนวนมาก และภาวะเงินเฟ้อที่ตามมาจากการอัดฉีดเงินเข้าระบบ ฯลฯ จากปัจจัยเชิงบวกที่แวดล้อมคาดว่าในช่วงกลางปีหน้า ราคาทองคำโลกมีโอกาสปรับขึ้นถึง 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์

"การเคลื่อนไหวของราคาทองในประเทศไม่หวือหวามากนักเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลให้ราคาทองในประเทศเคลื่อนไหวที่บริเวณ 26,000-27,000 บาท/บาททองคำ" นายณัฐพงศ์กล่าว

แบงก์ชาติขายทองในรอบ 10 ปี

ขณะที่ นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในมุมมองของนักวิเคราะห์ยังมองราคาทองคำเป็นขาขึ้นเช่นกัน โดยประเมินแนวต้านทองคำปีหน้าที่ 2,100 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ไม่ได้มองทองคำในเชิงบวกมากนัก เนื่องจากโอกาสปรับขึ้นจากนี้เหลือเพียง 10% เท่านั้น จึงแนะนำลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น หุ้น มากกว่าทองคำ

ขณะเดียวกันเริ่มเห็นสัญญาณเชิงลบจากการที่ธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลกกลับมาขายทองคำในรอบ 10 ปี เช่น อุซเบกิสถาน ตุรกี รัสเซีย ฯลฯ เพื่อนำสภาพคล่องไปใช้เยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้อุปทาน (supply) ของทองคำในระบบเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยเชิงลบต่อราคาทองคำ

"นอกจากธนาคารกลางทั่วโลกจะขายทองคำแล้ว ยังมีทองเก่าที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ รวมถึงซัพพลายของทองคำจากฝั่งเครื่องประดับก็ล้นเช่นกัน จากความต้องการซื้อที่หดตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ เหล่านี้เป็นความเสี่ยงให้ตลาดทองคำเข้าสู่ภาวะโอเวอร์ซัพพลาย"

นายณัฐพลกล่าวอีกว่า สภาพคล่องที่ถูกอัดฉีดเข้าระบบจำเป็นต้องนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมีความเสี่ยงที่ตลาดทองคำจะไม่ได้อานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าว ขณะที่กรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำปี 2564 ประเมินแนวรับสำคัญที่ 1,750 ดอลลาร์/ออนซ์ และ 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ ตามลำดับ หากหลุดแนวรับ 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ เช่น กรณีที่มีข่าวเชิงบวกของวัคซีนโควิด-19 อีกระลอก มองว่าเป็นการจบรอบของราคาทองคำ

"โควิดสมุทรสาคร" ดันทองขยับ

เมื่อสอบถามถึงปัจจัยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร นายณัฐพลกล่าวว่า ราคาทองคำในประเทศเช้าวันที่ 21 ธ.ค. 63 ปรับขึ้นรวดเดียว 300 บาท/บาททองคำ และราคาทองคำช่วงเช้าวันที่ 22 ธ.ค. 63 ขยับขึ้นอีก 150 บาท ส่งผลให้ทองคำแท่งในประเทศ ราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 26,750 บาท ขายออก 26,850 บาท


ข้อมูลอ้างอิง


หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ. ฉบับวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2563.

เอกสารแนบ


ความคิดเห็น


จับตาเทรนด์ราคาทองปี64 ฟันธงขาขึ้นแตะ2พันเหรียญ

Dec 24, 2020
727 views
0 share
แหล่งที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
หมวดหมู่: การตลาด

เกาะติดเทรนด์ราคาทองคำ หลังข่าวดี "วัคซีน" โควิด ผู้ค้าทองรายใหญ่ "ฮั่วเซ่งเฮง-แม่ทองสุก" ประสานเสียงเทรนด์ปีหน้ายังเป็น "ขาขึ้น" ลุ้นไปแตะที่ 2,000 เหรียญ/ ออนซ์อีกครั้ง ขณะที่นักวิเคราะห์มองโอกาสทำกำไรแค่ 10% เพราะปีนี้ราคาขึ้นไปสูงแล้ว เตือน สัญญาณเชิงลบธนาคารกลางหลายประเทศเทขายทองคำในรอบ 10 ปี

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้ปีนี้กลายเป็นปีทองของการลงทุนทองคำ เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ ไหลเข้ามาลงทุนในทองคำ ส่งผลให้ผลตอบแทนของทองคำตั้งแต่ต้นปี 2563 ถึงปัจจุบัน (YTD) ปรับขึ้นค่อนข้างสูง โดยทองคำต่างประเทศ (gold spot) ให้ผลตอบแทน 24.85% ส่วนทองคำในประเทศให้ผลตอบแทน 26.23% อย่างไรก็ดี จากที่เริ่มมีข่าวดีของ "วัคซีน" ป้องกันโควิด-19 พร้อมกับมาตรการทางการเงินของแต่ละประเทศจะมีส่งผลต่อเทรนด์ราคาทองคำปีหน้าอย่างไร

เทรนด์ทองคำปี'64

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง หนึ่งใน ผู้ค้าทองรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ฮั่วเซ่งเฮงยังมองแนวโน้มราคาทองคำต่างประเทศปีหน้ายังเป็นขาขึ้น แม้ว่าในช่วงปลายปีนี้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำอาจลดความร้อนแรงลง เนื่องจากเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นปี 2564 คาดว่าทองคำจะกลับมาคึกคัก โดยได้ปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐ

ทั้งนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่างประเทศ (gold spot) ช่วงสิ้นปีนี้ที่แนวรับ 1,850 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวต้าน 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งคิดเป็นราคาทองคำในประเทศที่แนวรับ 26,200 บาท/บาททองคำ และแนวต้าน 26,750 บาท/บาททองคำ

ลุ้นแตะ 2,000 ดอลลาร์

"ปีหน้าเรามองว่าราคาทองคำจะสามารถปรับขึ้นทดสอบแนวต้านเดิมที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะสหรัฐยังใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เป็นบวกต่อราคาทองคำ" นายธนรัชต์กล่าว

นอกจากนี้ การที่สหรัฐคงอัตรา

ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำ 0.00-0.25% รวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเศรษฐกิจผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของธนาคารกลางสหรัฐ 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน เป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในทองคำเช่นกัน

ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยคาดว่าจะสามารถกระจายได้ทั่วถึงในช่วงครึ่งปีหลัง หากการแพร่ระบาดรอบใหม่ไม่ได้ส่งผลรุนแรงถึงขั้นทำให้แต่ละประเทศต้องประกาศล็อกดาวน์อีกระลอก เชื่อว่าสภาพคล่องที่ไหลเข้าสู่ระบบส่วนหนึ่งจะเข้ามาหาผลตอบแทนจากการลงทุนทองคำ จึงเชื่อว่าราคาทองคำจะยังเป็นขาขึ้น

บาทแข็งฉุดเสน่ห์ทองใน ปท.

นายธนรัชต์กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำในประเทศระยะกลางยังถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งคาดว่าค่าเงินบาทมีความเสี่ยงแข็งค่าขึ้นจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่ยังอ่อนค่าลงต่อเนื่อง

"ตอนนี้ค่าเงินหลายประเทศทั่วโลกแข็งค่าขึ้นสวนทางดอลลาร์ ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียงประเทศเดียว จึงมีความเสี่ยงที่ค่าเงินบาท จะแข็งค่าเพิ่มขึ้นได้อีก" นายธนรัชต์กล่าว

แม่ทองสุกชี้ปัจจัยบวก

สอดคล้องกับ นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก กล่าวว่า MTS มองว่า ราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น จากที่ราคาทองคำต่างประเทศยังสามารถเคลื่อนไหวในกรอบ 1,800-1,850 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาณการฟี้นตัวยังดีขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดราคาทองคำต่างประเทศปรับขึ้นทดสอบระดับ 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์

ปัจจัยบวกที่หนุนราคาทองคำ ได้แก่ การดำเนินนโยบายอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเศรษฐกิจ (QE) จำนวนมาก และภาวะเงินเฟ้อที่ตามมาจากการอัดฉีดเงินเข้าระบบ ฯลฯ จากปัจจัยเชิงบวกที่แวดล้อมคาดว่าในช่วงกลางปีหน้า ราคาทองคำโลกมีโอกาสปรับขึ้นถึง 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์

"การเคลื่อนไหวของราคาทองในประเทศไม่หวือหวามากนักเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลให้ราคาทองในประเทศเคลื่อนไหวที่บริเวณ 26,000-27,000 บาท/บาททองคำ" นายณัฐพงศ์กล่าว

แบงก์ชาติขายทองในรอบ 10 ปี

ขณะที่ นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในมุมมองของนักวิเคราะห์ยังมองราคาทองคำเป็นขาขึ้นเช่นกัน โดยประเมินแนวต้านทองคำปีหน้าที่ 2,100 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ไม่ได้มองทองคำในเชิงบวกมากนัก เนื่องจากโอกาสปรับขึ้นจากนี้เหลือเพียง 10% เท่านั้น จึงแนะนำลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น หุ้น มากกว่าทองคำ

ขณะเดียวกันเริ่มเห็นสัญญาณเชิงลบจากการที่ธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลกกลับมาขายทองคำในรอบ 10 ปี เช่น อุซเบกิสถาน ตุรกี รัสเซีย ฯลฯ เพื่อนำสภาพคล่องไปใช้เยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้อุปทาน (supply) ของทองคำในระบบเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยเชิงลบต่อราคาทองคำ

"นอกจากธนาคารกลางทั่วโลกจะขายทองคำแล้ว ยังมีทองเก่าที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ รวมถึงซัพพลายของทองคำจากฝั่งเครื่องประดับก็ล้นเช่นกัน จากความต้องการซื้อที่หดตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ เหล่านี้เป็นความเสี่ยงให้ตลาดทองคำเข้าสู่ภาวะโอเวอร์ซัพพลาย"

นายณัฐพลกล่าวอีกว่า สภาพคล่องที่ถูกอัดฉีดเข้าระบบจำเป็นต้องนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมีความเสี่ยงที่ตลาดทองคำจะไม่ได้อานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าว ขณะที่กรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำปี 2564 ประเมินแนวรับสำคัญที่ 1,750 ดอลลาร์/ออนซ์ และ 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ ตามลำดับ หากหลุดแนวรับ 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ เช่น กรณีที่มีข่าวเชิงบวกของวัคซีนโควิด-19 อีกระลอก มองว่าเป็นการจบรอบของราคาทองคำ

"โควิดสมุทรสาคร" ดันทองขยับ

เมื่อสอบถามถึงปัจจัยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร นายณัฐพลกล่าวว่า ราคาทองคำในประเทศเช้าวันที่ 21 ธ.ค. 63 ปรับขึ้นรวดเดียว 300 บาท/บาททองคำ และราคาทองคำช่วงเช้าวันที่ 22 ธ.ค. 63 ขยับขึ้นอีก 150 บาท ส่งผลให้ทองคำแท่งในประเทศ ราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 26,750 บาท ขายออก 26,850 บาท


ข้อมูลอ้างอิง


หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ. ฉบับวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2563.

เอกสารแนบ


ความคิดเห็น


เราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้   ตั้งค่า ยอมรับ

×
140 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ชั้น 4 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: 0 2634 4999 ต่อ 444
โทรสาร: 0 2634 4970