จับตาเทรนด์ราคาทองปี64 ฟันธงขาขึ้นแตะ2พันเหรียญ
เกาะติดเทรนด์ราคาทองคำ หลังข่าวดี "วัคซีน" โควิด ผู้ค้าทองรายใหญ่ "ฮั่วเซ่งเฮง-แม่ทองสุก" ประสานเสียงเทรนด์ปีหน้ายังเป็น "ขาขึ้น" ลุ้นไปแตะที่ 2,000 เหรียญ/ ออนซ์อีกครั้ง ขณะที่นักวิเคราะห์มองโอกาสทำกำไรแค่ 10% เพราะปีนี้ราคาขึ้นไปสูงแล้ว เตือน สัญญาณเชิงลบธนาคารกลางหลายประเทศเทขายทองคำในรอบ 10 ปี
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้ปีนี้กลายเป็นปีทองของการลงทุนทองคำ เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ ไหลเข้ามาลงทุนในทองคำ ส่งผลให้ผลตอบแทนของทองคำตั้งแต่ต้นปี 2563 ถึงปัจจุบัน (YTD) ปรับขึ้นค่อนข้างสูง โดยทองคำต่างประเทศ (gold spot) ให้ผลตอบแทน 24.85% ส่วนทองคำในประเทศให้ผลตอบแทน 26.23% อย่างไรก็ดี จากที่เริ่มมีข่าวดีของ "วัคซีน" ป้องกันโควิด-19 พร้อมกับมาตรการทางการเงินของแต่ละประเทศจะมีส่งผลต่อเทรนด์ราคาทองคำปีหน้าอย่างไร
เทรนด์ทองคำปี'64
นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง หนึ่งใน ผู้ค้าทองรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ฮั่วเซ่งเฮงยังมองแนวโน้มราคาทองคำต่างประเทศปีหน้ายังเป็นขาขึ้น แม้ว่าในช่วงปลายปีนี้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำอาจลดความร้อนแรงลง เนื่องจากเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นปี 2564 คาดว่าทองคำจะกลับมาคึกคัก โดยได้ปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐ
ทั้งนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่างประเทศ (gold spot) ช่วงสิ้นปีนี้ที่แนวรับ 1,850 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวต้าน 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งคิดเป็นราคาทองคำในประเทศที่แนวรับ 26,200 บาท/บาททองคำ และแนวต้าน 26,750 บาท/บาททองคำ
ลุ้นแตะ 2,000 ดอลลาร์
"ปีหน้าเรามองว่าราคาทองคำจะสามารถปรับขึ้นทดสอบแนวต้านเดิมที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะสหรัฐยังใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เป็นบวกต่อราคาทองคำ" นายธนรัชต์กล่าว
นอกจากนี้ การที่สหรัฐคงอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำ 0.00-0.25% รวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเศรษฐกิจผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของธนาคารกลางสหรัฐ 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน เป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในทองคำเช่นกัน
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยคาดว่าจะสามารถกระจายได้ทั่วถึงในช่วงครึ่งปีหลัง หากการแพร่ระบาดรอบใหม่ไม่ได้ส่งผลรุนแรงถึงขั้นทำให้แต่ละประเทศต้องประกาศล็อกดาวน์อีกระลอก เชื่อว่าสภาพคล่องที่ไหลเข้าสู่ระบบส่วนหนึ่งจะเข้ามาหาผลตอบแทนจากการลงทุนทองคำ จึงเชื่อว่าราคาทองคำจะยังเป็นขาขึ้น
บาทแข็งฉุดเสน่ห์ทองใน ปท.
นายธนรัชต์กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำในประเทศระยะกลางยังถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งคาดว่าค่าเงินบาทมีความเสี่ยงแข็งค่าขึ้นจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่ยังอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
"ตอนนี้ค่าเงินหลายประเทศทั่วโลกแข็งค่าขึ้นสวนทางดอลลาร์ ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียงประเทศเดียว จึงมีความเสี่ยงที่ค่าเงินบาท จะแข็งค่าเพิ่มขึ้นได้อีก" นายธนรัชต์กล่าว
แม่ทองสุกชี้ปัจจัยบวก
สอดคล้องกับ นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก กล่าวว่า MTS มองว่า ราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น จากที่ราคาทองคำต่างประเทศยังสามารถเคลื่อนไหวในกรอบ 1,800-1,850 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาณการฟี้นตัวยังดีขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดราคาทองคำต่างประเทศปรับขึ้นทดสอบระดับ 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยบวกที่หนุนราคาทองคำ ได้แก่ การดำเนินนโยบายอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเศรษฐกิจ (QE) จำนวนมาก และภาวะเงินเฟ้อที่ตามมาจากการอัดฉีดเงินเข้าระบบ ฯลฯ จากปัจจัยเชิงบวกที่แวดล้อมคาดว่าในช่วงกลางปีหน้า ราคาทองคำโลกมีโอกาสปรับขึ้นถึง 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์
"การเคลื่อนไหวของราคาทองในประเทศไม่หวือหวามากนักเมื่อเทียบกับต่างประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลให้ราคาทองในประเทศเคลื่อนไหวที่บริเวณ 26,000-27,000 บาท/บาททองคำ" นายณัฐพงศ์กล่าว
แบงก์ชาติขายทองในรอบ 10 ปี
ขณะที่ นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในมุมมองของนักวิเคราะห์ยังมองราคาทองคำเป็นขาขึ้นเช่นกัน โดยประเมินแนวต้านทองคำปีหน้าที่ 2,100 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ไม่ได้มองทองคำในเชิงบวกมากนัก เนื่องจากโอกาสปรับขึ้นจากนี้เหลือเพียง 10% เท่านั้น จึงแนะนำลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น หุ้น มากกว่าทองคำ
ขณะเดียวกันเริ่มเห็นสัญญาณเชิงลบจากการที่ธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลกกลับมาขายทองคำในรอบ 10 ปี เช่น อุซเบกิสถาน ตุรกี รัสเซีย ฯลฯ เพื่อนำสภาพคล่องไปใช้เยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้อุปทาน (supply) ของทองคำในระบบเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยเชิงลบต่อราคาทองคำ
"นอกจากธนาคารกลางทั่วโลกจะขายทองคำแล้ว ยังมีทองเก่าที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ รวมถึงซัพพลายของทองคำจากฝั่งเครื่องประดับก็ล้นเช่นกัน จากความต้องการซื้อที่หดตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ เหล่านี้เป็นความเสี่ยงให้ตลาดทองคำเข้าสู่ภาวะโอเวอร์ซัพพลาย"
นายณัฐพลกล่าวอีกว่า สภาพคล่องที่ถูกอัดฉีดเข้าระบบจำเป็นต้องนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมีความเสี่ยงที่ตลาดทองคำจะไม่ได้อานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าว ขณะที่กรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำปี 2564 ประเมินแนวรับสำคัญที่ 1,750 ดอลลาร์/ออนซ์ และ 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ ตามลำดับ หากหลุดแนวรับ 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ เช่น กรณีที่มีข่าวเชิงบวกของวัคซีนโควิด-19 อีกระลอก มองว่าเป็นการจบรอบของราคาทองคำ
"โควิดสมุทรสาคร" ดันทองขยับ
เมื่อสอบถามถึงปัจจัยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร นายณัฐพลกล่าวว่า ราคาทองคำในประเทศเช้าวันที่ 21 ธ.ค. 63 ปรับขึ้นรวดเดียว 300 บาท/บาททองคำ และราคาทองคำช่วงเช้าวันที่ 22 ธ.ค. 63 ขยับขึ้นอีก 150 บาท ส่งผลให้ทองคำแท่งในประเทศ ราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 26,750 บาท ขายออก 26,850 บาท
ข้อมูลอ้างอิง