'ท็อป 5 โภคภัณฑ์จีน' หนุนเศรษฐกิจปี 64 ฟื้น

Dec 30, 2020
665 views
0 share
แหล่งที่มา: กรุงเทพธุรกิจ
หมวดหมู่: การตลาด

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่นำโดยเศรษฐกิจจีนจะได้แรงหนุนจากความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ 5 ประเภทที่เพิ่มขึ้นในปี 2564 หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 สร้าง ความปั่นป่วนอย่างมากแก่ตลาดต่างๆ ในปี 2563 เริ่มจากทองแดง ในปีนี้ อุตสาหกรรม แร่เหล็กและเหล็กขยายตัวอย่างมาก อานิสงส์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมก่อสร้างในจีน แต่สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทโลหะเหล่านี้ มีแนวโน้มว่าจะเป็นที่ต้องการ เพิ่มขึ้นจนแซงหน้าโลหะประเภทอื่นๆ ในปีหน้า  ขณะที่การแจกจ่ายวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ทองแดง น่าจะเป็นโลหะที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดเพราะความต้องการที่เพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟ้า เช่นเดียวกับอลูมิเนียมที่จะอยู่ในภาวะขาขึ้น เช่นกัน

"ปีหน้าเรามองว่าตลาดโลหะประเภทต่างๆ จะมีความหวังมากกว่าปีนี้ โดยมีพื้นฐาน มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความต้องการทองแดงและเหล็กจะเป็นที่พึ่งพาสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนผ่านโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน" ต่ง หัว ผู้อำนวยการ Chaos Research Institute หน่วยงานในเครือ Shanghai Chaos Investment บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ประเภทโภคภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของจีน กล่าว

สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อ วันจันทร์ (28 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังมีข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

สัญญาทองแดงตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบ เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.85 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 3.5710 ดอลลาร์/ปอนด์ สัญญาทองแดงได้รับปัจจัยหนุนจากการ อ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.01% อยู่ที่ 90.3400

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะทำให้สัญญาทองแดงซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น

ต่อมาคือถั่วเหลือง ที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ด้านการเกษตรอันดับหนึ่งของจีนในปี2564 โดยคาดการณ์ว่าความต้องการถั่วเหลือง จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะความต้องการอาหารสัตว์ โดยเฉพาะอาหารสุกร ที่เมื่อปี 2561 และ2562 สุกรในจีนตายเพราะถูกโจมตีด้วยไข้หวัดหมูแอฟริกันจำนวนมาก

"ตอนนี้ธุรกิจฟาร์มหมูของจีนเติบโตอย่างต่อเนื่องและเริ่มฟื้นตัว ราคาหมูเป็นยังคงสูง ซึ่งหมายความว่ายังคงมีการเพาะหมู รุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น การนำเข้าถั่วเหลืองจึงพลอยสูงตามไปด้วยในปีหน้า และในปีนี้ ยอดนำเข้าถั่วเหลืองในจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปแล้ว" ดาริน เฟรนด์ริช นักวิเคราะห์อาวุโสจากสโตนเอ็กซ์ ให้ความเห็น โภคภัณฑ์ตัวต่อมาคือแร่เหล็ก จัดอยู่ ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทำรายได้โดดเด่นกว่า โภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ในปีนี้ โดยเฉพาะในจีน  ความต้องการเหล็กเพิ่มขึ้นจากเดิมสองเท่า แต่ราคาอาจจะไม่ปรับตัวขึ้นมากนักแต่ ความกังวลเรื่องการขาดแคลนเหล็กในบราซิล บวกกับอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมก่อสร้างของจีนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง บ่งชี้ว่า ตลาดเหล็กยังอยู่ในช่วงขาขึ้น

"ความต้องการใช้เหล็กที่ยังคงสูงอยู่ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีนยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งบ่งชี้ว่าภาวะขาขึ้น ของแร่เหล็กยังไม่จบลง" โฮวี ลี นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารโอซีบีซี ให้ความเห็น

ลี คาดการณ์ว่า "ราคาแร่เหล็กจะทะยาน สูงสุดในช่วงไตรมาสสองของปี2564 เพราะความต้องการจากโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจีน แต่ปริมาณแร่เหล็ก ในบราซิลที่จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ และ ความต้องการที่ลดลงจากจีนอาจจะกดดันราคา แร่เหล็กในช่วงปลายปี 2564" โภคภัณฑ์ตัวต่อไปคือ น้ำมันดิบ โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนเม.ย.เนื่องจากความต้องการลดลงอย่างมากในช่วงที่มีการประกาศมาตรการ ล็อกดาวน์เพราะการระบาดของโรคโควิด-19 แต่หลังจากนั้นก็เริ่มฟื้นตัวตามลำดับ แม้ว่าจะ ไม่กลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม ท่ามกลางความหวังว่า วัคซีนต้านโควิดจะช่วยพลิกฟื้นการบริโภคให้กลับคืนมาที่ระดับเดิม "ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ราคา น้ำมันดิบไม่สามารถกลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 รัฐบาลหลายประเทศพยายามเพิ่มมาตรการคุมเข้ม ด้านต่างๆ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 ขณะเดียวกันก็เร่งนำวัคซีนต้านโควิดที่ใช้กับคนจำนวนมากออกมาใช้ให้ได้เร็วที่สุด"รายงานวิจัยจากเอเอ็นซี ระบุ โภคภัณฑ์ตัวสุดท้ายคือ ทองคำ ที่นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่ายังคงมีแนวโน้ม อยู่ในช่วงขาขึ้นในปีหน้า

"สินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช่กลุ่มพลังงานอาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างฉับพลัน เนื่องจากการบีบรัดตัวของสมดุลในตลาด ก่อนหน้าการคาดหมายของอุปสงค์ ที่เพิ่มขึ้นจากจีนและความเสี่ยงที่มาจากสภาพภูมิอากาศ" โกลด์แมน แซคส์ ระบุ ราคาทองฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นทะลุระดับ 1,890 ดอลลาร์ในวันจันทร์(28 ธ.ค.) หลังจาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ราคาทองยังได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับ ผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบ เดือนก.พ. ดีดตัวขึ้น 10.40 ดอลลาร์ หรือ 0.5% สู่ระดับ 1,893.60 ดอลลาร์/ออนซ์

ธุรกิจฟาร์มหมูของจีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นการนำเข้าถั่วเหลือง จึงพลอยสูงตามไปด้วยในปีหน้า


ข้อมูลอ้างอิง


หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ. ฉบับวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563.

เอกสารแนบ


ความคิดเห็น


'ท็อป 5 โภคภัณฑ์จีน' หนุนเศรษฐกิจปี 64 ฟื้น

Dec 30, 2020
665 views
0 share
แหล่งที่มา: กรุงเทพธุรกิจ
หมวดหมู่: การตลาด

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่นำโดยเศรษฐกิจจีนจะได้แรงหนุนจากความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ 5 ประเภทที่เพิ่มขึ้นในปี 2564 หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 สร้าง ความปั่นป่วนอย่างมากแก่ตลาดต่างๆ ในปี 2563 เริ่มจากทองแดง ในปีนี้ อุตสาหกรรม แร่เหล็กและเหล็กขยายตัวอย่างมาก อานิสงส์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมก่อสร้างในจีน แต่สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทโลหะเหล่านี้ มีแนวโน้มว่าจะเป็นที่ต้องการ เพิ่มขึ้นจนแซงหน้าโลหะประเภทอื่นๆ ในปีหน้า  ขณะที่การแจกจ่ายวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ทองแดง น่าจะเป็นโลหะที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดเพราะความต้องการที่เพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟ้า เช่นเดียวกับอลูมิเนียมที่จะอยู่ในภาวะขาขึ้น เช่นกัน

"ปีหน้าเรามองว่าตลาดโลหะประเภทต่างๆ จะมีความหวังมากกว่าปีนี้ โดยมีพื้นฐาน มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความต้องการทองแดงและเหล็กจะเป็นที่พึ่งพาสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนผ่านโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน" ต่ง หัว ผู้อำนวยการ Chaos Research Institute หน่วยงานในเครือ Shanghai Chaos Investment บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ประเภทโภคภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของจีน กล่าว

สัญญาทองแดงตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อ วันจันทร์ (28 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังมีข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

สัญญาทองแดงตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบ เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.85 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 3.5710 ดอลลาร์/ปอนด์ สัญญาทองแดงได้รับปัจจัยหนุนจากการ อ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.01% อยู่ที่ 90.3400

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะทำให้สัญญาทองแดงซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น

ต่อมาคือถั่วเหลือง ที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ด้านการเกษตรอันดับหนึ่งของจีนในปี2564 โดยคาดการณ์ว่าความต้องการถั่วเหลือง จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะความต้องการอาหารสัตว์ โดยเฉพาะอาหารสุกร ที่เมื่อปี 2561 และ2562 สุกรในจีนตายเพราะถูกโจมตีด้วยไข้หวัดหมูแอฟริกันจำนวนมาก

"ตอนนี้ธุรกิจฟาร์มหมูของจีนเติบโตอย่างต่อเนื่องและเริ่มฟื้นตัว ราคาหมูเป็นยังคงสูง ซึ่งหมายความว่ายังคงมีการเพาะหมู รุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น การนำเข้าถั่วเหลืองจึงพลอยสูงตามไปด้วยในปีหน้า และในปีนี้ ยอดนำเข้าถั่วเหลืองในจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปแล้ว" ดาริน เฟรนด์ริช นักวิเคราะห์อาวุโสจากสโตนเอ็กซ์ ให้ความเห็น โภคภัณฑ์ตัวต่อมาคือแร่เหล็ก จัดอยู่ ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทำรายได้โดดเด่นกว่า โภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ในปีนี้ โดยเฉพาะในจีน  ความต้องการเหล็กเพิ่มขึ้นจากเดิมสองเท่า แต่ราคาอาจจะไม่ปรับตัวขึ้นมากนักแต่ ความกังวลเรื่องการขาดแคลนเหล็กในบราซิล บวกกับอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมก่อสร้างของจีนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง บ่งชี้ว่า ตลาดเหล็กยังอยู่ในช่วงขาขึ้น

"ความต้องการใช้เหล็กที่ยังคงสูงอยู่ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีนยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งบ่งชี้ว่าภาวะขาขึ้น ของแร่เหล็กยังไม่จบลง" โฮวี ลี นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารโอซีบีซี ให้ความเห็น

ลี คาดการณ์ว่า "ราคาแร่เหล็กจะทะยาน สูงสุดในช่วงไตรมาสสองของปี2564 เพราะความต้องการจากโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจีน แต่ปริมาณแร่เหล็ก ในบราซิลที่จะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ และ ความต้องการที่ลดลงจากจีนอาจจะกดดันราคา แร่เหล็กในช่วงปลายปี 2564" โภคภัณฑ์ตัวต่อไปคือ น้ำมันดิบ โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนเม.ย.เนื่องจากความต้องการลดลงอย่างมากในช่วงที่มีการประกาศมาตรการ ล็อกดาวน์เพราะการระบาดของโรคโควิด-19 แต่หลังจากนั้นก็เริ่มฟื้นตัวตามลำดับ แม้ว่าจะ ไม่กลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ตาม ท่ามกลางความหวังว่า วัคซีนต้านโควิดจะช่วยพลิกฟื้นการบริโภคให้กลับคืนมาที่ระดับเดิม "ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ราคา น้ำมันดิบไม่สามารถกลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 รัฐบาลหลายประเทศพยายามเพิ่มมาตรการคุมเข้ม ด้านต่างๆ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 ขณะเดียวกันก็เร่งนำวัคซีนต้านโควิดที่ใช้กับคนจำนวนมากออกมาใช้ให้ได้เร็วที่สุด"รายงานวิจัยจากเอเอ็นซี ระบุ โภคภัณฑ์ตัวสุดท้ายคือ ทองคำ ที่นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่ายังคงมีแนวโน้ม อยู่ในช่วงขาขึ้นในปีหน้า

"สินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช่กลุ่มพลังงานอาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างฉับพลัน เนื่องจากการบีบรัดตัวของสมดุลในตลาด ก่อนหน้าการคาดหมายของอุปสงค์ ที่เพิ่มขึ้นจากจีนและความเสี่ยงที่มาจากสภาพภูมิอากาศ" โกลด์แมน แซคส์ ระบุ ราคาทองฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นทะลุระดับ 1,890 ดอลลาร์ในวันจันทร์(28 ธ.ค.) หลังจาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ราคาทองยังได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับ ผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบ เดือนก.พ. ดีดตัวขึ้น 10.40 ดอลลาร์ หรือ 0.5% สู่ระดับ 1,893.60 ดอลลาร์/ออนซ์

ธุรกิจฟาร์มหมูของจีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นการนำเข้าถั่วเหลือง จึงพลอยสูงตามไปด้วยในปีหน้า


ข้อมูลอ้างอิง


หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ. ฉบับวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563.

เอกสารแนบ


ความคิดเห็น


เราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้   ตั้งค่า ยอมรับ

×
140 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ชั้น 4 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: 0 2634 4999 ต่อ 444
โทรสาร: 0 2634 4970