แนวทางฟื้นฟูตลาดอัญมณีและเครื่องประดับญี่ปุ่น

Dec 20, 2024
307 views
0 share

        ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตลาดผู้บริโภคอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ทว่าในช่วงที่ผ่านมาด้วยอัตราการเกิดที่ลดลงมาโดยตลอด กระทั่งช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด ยิ่งทำให้อัตราการเกิดลดลงต่อเนื่องกระทั่งปี 2566 ที่ผ่านมา อัตราการเกิดของชาวญี่ปุ่นต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน ส่งผลให้การบริโภคสินค้าต่างๆ รวมทั้งสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเติบโตลดลงด้วยเช่นกัน 

        จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ทั้งการเป็นสังคมผู้สูงอายุและอัตราการเกิดที่ลดลง จึงทำให้สมาคมเครื่องประดับญี่ปุ่น (JJA) หันมาเดินหน้าเจาะตลาดผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ พร้อมนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้กระตุ้นความต้องการเครื่องประดับแบรนด์ "เมด อิน เจแปน" เพื่อฟื้นฟูตลาดให้กลับคืนมา

        นายเคย์ตะ นางาโฮริ ประธานสมาคมฯ เปิดเผยว่า พฤติกรรมการซื้อเครื่องประดับของชาวญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากเดิมที่นิยมซื้อเป็นของขวัญ ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาซื้อตามแฟชั่นและสวมใส่เอง  โดยเฉพาะต่างหูแบบ Ear Cuffs ที่กำลังได้รับความนิยมสูง มีหลายบริษัทออกแบบดีไซน์เฉพาะตัวโดยใช้ไข่มุก เพชร และพลอยสี 

 

ภาพต่างหูแบบ Ear Cuffs แบรนด์ Mikimoto จาก https://www.buyma.com/

            สมาคมเครื่องประดับญี่ปุ่นจึงได้ริเริ่มเปิดพาวิลเลียนเครื่องประดับเพชรสำหรับคู่บ่าวสาวในงาน Japan Jewellery Fair (JJF) เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นความต้องการเครื่องประดับแต่งงานในกลุ่มคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังเดินหน้าแคมเปญ "Pearls for 20" อย่างต่อเนื่อง  โดยเชื่อมโยงกับพิธีบรรลุนิติภาวะของชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเพณีฉลองการก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ โดยรณรงค์ให้พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นมอบเครื่องประดับไข่มุกเป็นของขวัญให้บุตรสาวในวันครบรอบ 20 ปี เพื่อให้เครื่องประดับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน

            ขณะที่ในระดับนานาชาตินั้น JJA มุ่งมั่นในการส่งเสริมจุดแข็งให้เครื่องประดับ Made in Japan ก้าวสู่เวทีโลก 

ในด้านการส่งออก ข้อมูลล่าสุดจาก JJA ระบุว่า การส่งออกเครื่องประดับของญี่ปุ่นในปี 2566 เพิ่มขึ้น 64.4% เป็น 271,700 ล้านเยน (ประมาณ 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2560 ที่มูลค่าการส่งออกสูงกว่า 200,000 ล้านเยน (ประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยหมวดสินค้าส่งออกสำคัญที่เติบโตได้ดี ได้แก่ เพชร พลอยสี โลหะมีค่า และไข่มุก เพิ่มขึ้น 48.3%, 170%, 60.1% และ 95.2% ตามลำดับ ทั้งนี้ การส่งออกที่เพิ่มขึ้นได้รับแรงหนุนจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง และการกลับมาจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ฮ่องกงหลังจากการแพร่ระบาด

การอ่อนค่าของเงินเยนนั้น ยังช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลมาเที่ยวญี่ปุ่น ทำให้ยอดค้าปลีกอัญมณีและเครื่องประดับเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 

          ทั้งนี้ เครื่องประดับญี่ปุ่นได้รับการยอมรับจากผู้ซื้อทั่วโลกในด้านฝีมือการผลิตและคุณภาพที่ยอดเยี่ยม และยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเมื่อนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมการพิมพ์ 3 มิติ หรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ช่วยปรับปรุงกระบวนการผลิต รวมทั้งเทคนิคการแกะสลักและกระบวนการออกแบบ โดยเอไอจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้พัฒนาได้ไกลยิ่งขึ้น 



จัดทำโดย นายพุทธิพร วิชัยดิษฐ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) 

ธันวาคม 2567