ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลง กระทบต่อการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ กลับลดลงอีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2568 หลังจากฟื้นตัวเล็กน้อยในเดือนพฤษภาคม สะท้อนถึงความกังวลของประชาชนต่อสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน โดยเฉพาะด้านเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และความไม่มั่นคงของตลาดแรงงาน ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้าและบริการในอนาคต
รายงานจาก The Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) เดือนมิถุนายนลดลงเหลือ 100.4 จากระดับ 101.3 ในเดือนพฤษภาคม ขณะที่ดัชนีย่อยด้านการคาดการณ์อนาคต (Expectations Index) ลดลงเช่นกัน และยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 80 ซึ่งในเชิงสถิติถือเป็นระดับที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ความกังวลด้านเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ โดยผู้บริโภคหลายรายระบุว่า ราคาสินค้าที่สูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง กำลังจำกัดความสามารถในการใช้จ่าย โดยเฉพาะสินค้าราคาแพง เช่น รถยนต์ บ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่บริการบางประเภท เช่น การรับประทานอาหารนอกบ้าน หรือกิจกรรมทางวัฒนธรรม ยังมีแนวโน้มที่ผู้บริโภคจะใช้จ่ายต่อเนื่อง
ข้อมูลยังเผยให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงเกิดในทุกกลุ่มอายุ รายได้ และแนวคิดทางการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม (Republicans) ที่แสดงความวิตกมากกว่าค่าเฉลี่ย อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้บริโภคบางส่วนยังคงมีความคาดหวังบวกต่อแนวโน้มราคาหุ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และมองว่าเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวได้ในระยะยาว
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตาคือ ความตั้งใจซื้อบ้านที่ยังคงลดลงต่อเนื่อง สะท้อนถึงผลกระทบจากราคาบ้านที่สูงและอัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายปี ขณะที่แผนการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่การท่องเที่ยวในประเทศกลับลดลง
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าไม่จำเป็น (non-essential goods) หรือสินค้าฟุ่มเฟือย รวมถึงอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ความเปลี่ยนแปลงในระดับความเชื่อมั่นผู้บริโภคดังกล่าวถือเป็นสัญญาณเตือน โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าหลักของอัญมณีและเครื่องประดับจากประเทศไทย
เมื่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง ผู้บริโภคย่อมชะลอการใช้จ่ายในสินค้าหรูหรา ซึ่งรวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับ อุตสาหกรรมอัญมณีไทยจึงอาจเผชิญกับคำสั่งซื้อนำเข้าที่ชะลอตัวลงจากตลาดสหรัฐฯ ในระยะสั้น ผู้ประกอบการไทยควรจับตาความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเร่งขยายตลาดใหม่ในประเทศที่มีศักยภาพ เช่น ตะวันออกกลาง อินเดีย และจีน เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาเสถียรภาพของรายได้จากการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง
จัดทำโดย นางสาววาสนา สมเนตร์
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
กรกฎาคม 2568