ปรับดีไซน์ เพื่อความอยู่รอดของเครื่องประดับไทยในยุคภาษีผันผวน
ในปี 2025 อุตสาหกรรมเครื่องประดับโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านราคาที่ผันผวนอย่างรุนแรง จากทั้งต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะทองคำ และนโยบายภาษีนำเข้าของตลาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่แน่นอน ความไม่เสถียรเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการกำหนดราคาสินค้าและแผนจัดหาวัตถุดิบของแบรนด์ต่างๆ
ภายในงานแสดงสินค้าเครื่องประดับระดับโลกอย่าง Couture และ JCK Las Vegas บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยคำถามมากกว่าคำตอบ นักออกแบบแสดงความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในเรื่องราคาขาย การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การออกแบบ รวมถึงความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจโดยรวม จากการที่ต้นทุนพุ่งขึ้นแบบไร้สัญญาณเตือนล่วงหน้า
เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว นักออกแบบหลายรายจึงเริ่มปรับกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน โดยหันมาเลือกใช้วัสดุทางเลือก เช่น เชือกเทียน หรือใช้อัญมณีที่มีราคาย่อมเยามากขึ้น เช่น พลอยตาเสือ (Tiger’s Eye) แทนอัญมณีหายากและราคาสูงในคอลเลกชันใหม่ๆ การเลือกเช่นนี้ไม่เพียงช่วยควบคุมต้นทุน แต่ยังสะท้อนถึงความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวอย่างชาญฉลาดของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
กำไล/สร้อยข้อมือทำจากทองคำ 14K ประดับด้วยพลอยตาเสือและเพชรของ Zoë Chicco
ภาพจาก https://nationaljeweler.com/
สถานการณ์ไทย: ความท้าทายในตลาดอัญมณีและเครื่องประดับ
ไทยถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอัญมณีสำคัญของโลก โดยเฉพาะเพชร และพลอยสี แต่ภายใต้บริบทภาษีนำเข้าและภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ อัตราภาษีสำหรับไทยที่สูงถึง 19% นับว่าอยู่ในระดับที่น่ากังวลสำหรับผู้ส่งออกไทยที่อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการกำหนดราคาแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ที่ยังเป็นตลาดใหญ่ของสินค้าหรูจากไทย
นอกจากนี้ ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเครื่องประดับทองคำ หรือชิ้นงานที่มีส่วนประกอบของโลหะทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก
แนวทางการปรับกลยุทธ์สำหรับผู้ประกอบการไทย
ปรับใช้วัสดุทางเลือก
เช่นเดียวกับ Zoë Chicco นักออกแบบเครื่องประดับที่เลือกใช้พลอยตาเสือในเครื่องประดับมากขึ้นผู้ประกอบการไทยจึงอาจพิจารณาใช้พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ซึ่งมีราคาไม่แพง เพื่อควบคุมต้นทุนให้แข่งขันได้
เสริมความแข็งแรงของตลาดในประเทศและอาเซียน
ยุคนี้ผู้บริโภคในประเทศและต่างประเทศมักมองหาคุณภาพ ความคุ้มค่า และความหมายของแบรนด์
การสร้างแบรนด์ไทยที่เข้าถึงใจผู้บริโภคในตลาดศักยภาพ เช่น เอเชีย หรือยุโรป จะเป็นการลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ที่มีความเสี่ยงด้านภาษี
กลยุทธ์ด้านราคาที่รัดกุมและเป็นธรรม
การตั้งราคาต้องพิจารณาความรู้สึกรับได้ของลูกค้า ต้องทรงคุณค่า แต่ไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ “โก่งราคา” ในภาวะต้นทุนสูง
สร้างความเชื่อมั่น
ผู้ประกอบการไทยควรสื่อสารกับลูกค้าอย่างเปิดเผยถึงแรงกดดันด้านต้นทุนและทำให้ลูกค้าเข้าใจว่าบริษัทไทยพร้อมยืนหยัดในคุณภาพและราคาที่เหมาะสม
ในโลกที่ต้นทุนวัสดุและภาษีนำเข้าสูงและไม่แน่นอน ผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับไทยจำเป็นต้องมีความคล่องตัวสูง คิดกลยุทธ์ด้านวัตถุดิบ การกำหนดราคา และช่องทางการตลาดที่ปรับตัวได้รวดเร็ว การรักษาความเชื่อใจจากลูกค้าอย่างจริงใจและสร้างแบรนด์ที่มีคุณค่าในระดับภูมิภาค จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถฝ่าคลื่นความผันผวนนี้ได้อย่างมั่นคง
จัดทำโดย นางสาววาสนา สมเนตร์
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
สิงหาคม 2568
ข้อมูลอ้างอิง