ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

แวดวงเครื่องประดับในปี 2023 กระแสมาแรงและแนวทางการตลาด

Mar 10, 2023
4312 views
2 shares

            ในปีนี้เศรษฐกิจเกือบทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญหนทางอันขรุขระลาดชัน โดยธุรกิจค้าปลีกน่าจะเป็นภาคธุรกิจส่วนแรกๆ ที่จะได้รับผลกระทบ ภาวะเงินเฟ้อผลักดันราคาให้เพิ่มสูงขึ้นทั้งในกลุ่มสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันและสินค้าหรูหรา ในขณะเดียวกันการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานก็ส่งผลเสียต่อการดำเนินงาน ผู้ค้าปลีกบางรายจึงต้องเพิ่มราคาให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก

            คำตอบของสถานการณ์นี้จึงอยู่ที่การใช้ประโยชน์ให้เต็มที่จากพลังและศักยภาพของกระแสมาแรงในปี 2023 เพื่อมอบประสบการณ์อันแปลกใหม่น่าตื่นเต้นให้แก่ผู้บริโภคซึ่งจะช่วยนำผู้ซื้อกลับมาเข้าร้าน ต่อไปนี้เป็นเทรนด์กระแสมาแรงในอนาคตที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อเข้าถึงและนำเสนอประสบการณ์ที่ตรงใจให้แก่ผู้บริโภคยุคใหม่ในปี 2023

การชอปปิงผ่านไลฟ์สตรีม

            ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Chanel, Marc Jacobs หรือ Brandon Maxwell แบรนด์สินค้าหรูทั่วโลกต่างพากันพัฒนาประสบการณ์การชอปปิงผ่านไลฟ์สตรีมและก้าวขึ้นเป็นผู้นำการปฏิวัติวงการอีคอมเมิร์ซ ที่จริงแล้ว Coresight Research คาดการณ์ว่าการชอปปิงแบบไลฟ์จะทำยอดขายถึง 35,000 ล้านเหรียญภายในปี 2024 หรือร้อยละ 3.3 ของมูลค่าอีคอมเมิร์ซทั่วทั้งสหรัฐ

            การขายแบบไลฟ์สดหมายถึงการที่ผู้ขายนำเสนอสินค้าของตนผ่านไลฟ์สตรีม (ซึ่งมักจะถ่ายทอดผ่านโซเชียลมีเดีย) เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสตั้งคำถาม รวมถึงสั่งซื้อ/สั่งจองสินค้าผ่านการสตรีมแบบเรียลไทม์ การขายแบบไลฟ์สดเป็นการผสมผสานความบันเทิงเข้ากับการซื้อสินค้าแบบทันที ช่วยให้ธุรกิจมีช่องทางใหม่ในการสร้างมูลค่าโดยมีขอบเขตครอบคลุมกว้างขวาง อีกทั้งช่วยเสริมความน่าสนใจของแบรนด์ และสร้างความแตกต่างเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อรุ่นใหม่

            การชอปปิงผ่านไลฟ์สตรีมมีแนวทางปฏิบัติแนะนำ 3 ประการดังนี้

                • เลือกแพลตฟอร์มการขายทางโซเชียลให้เหมาะสม Instagram, TikTok และ Snap ใช้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ ในขณะที่ LinkedIn นั้นเหมาะสำหรับการสร้างเครือข่ายในแวดวงวิชาชีพ Facebook และ Twitter สำคัญสำหรับพนักงานขายเนื่องจากเน้นไปที่การพูดคุยแลกเปลี่ยน ในขณะที่คอมเมนต์ใน Reddit และ YouTube มักจะดึงดูดผู้สนใจที่มีความรู้เจาะลึกในประเด็นนั้นๆ หรือผู้ที่ต้องการค้นคว้าหาข้อมูล

                • สามารถใช้กลยุทธ์การจำกัดเวลา เช่น คูปองแบบใช้ครั้งเดียว เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องรีบซื้อและช่วยเร่งการเกิดคอนเวอร์ชันได้

                • เลือกคนจัดไลฟ์สดให้เหมาะสม ผู้บริโภคร้อยละ 61 เชื่อมั่นในคำแนะนำจากอินฟลูเอนเซอร์ ดังนั้น อินฟลูเอนเซอร์จึงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่น แต่คุณต้องแน่ใจด้วยว่ากลุ่มผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์รายนั้นๆ สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณ คุณยังอาจใช้ประโยชน์จากพนักงานของบริษัท พนักงานขาย หรือแม้กระทั่งลูกค้าขาประจำ โดยทั้งหมดนี้ต้องเป็นคนที่รู้จักสินค้าของคุณอย่างทะลุปรุโปร่ง

            ข่าวหนึ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ TikTok กำลังจะร่วมมือกับ TalkShopLive เพื่อนำการไลฟ์สดขายของมายังสหรัฐอเมริกา จากการศึกษาโดย Student Beans เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริโภค Gen Z ครึ่งหนึ่งตัดสินใจซื้อสินค้าหลังจากได้พบสินค้านั้นทาง TikTok โดยร้อยละ 80 ของผู้บริโภครุ่นเยาว์กลุ่มนี้ใช้แอป TikTok กับทุกแง่มุมในชีวิต เราเชื่อว่าเมื่อ TikTok เปิดตัวการไลฟ์สดขายของแล้ว ไลฟ์สตรีมมิงทาง TikTok จะกลายเป็นกระแสที่มาแรงที่สุด

เครื่องประดับตามกระแสที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่

            นับเป็นเวลานานที่ “กระแส” และ “การเข้าถึงได้ง่าย” เป็นเหมือนคำต้องห้ามในแวดวงเครื่องประดับหรูหรา ขณะที่แนวคิดเรื่องความเป็นอมตะเหมือนในสโลแกน “เพชรคงคุณค่าชั่วนิรันดร์” ของ De Beers เป็นแก่นสำคัญในธุรกิจนี้ แต่ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว แวดวงเครื่องประดับเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เมื่อแบรนด์เครื่องประดับรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จในการตอบสนองความต้องการด้วยชิ้นงานตามกระแสใหม่ๆ ที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น นักออกแบบสื่อสารกับกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ได้มากยิ่งขึ้นด้วยสไตล์ที่เน้นความล้ำยุคแทนที่จะเป็นความเป็นอมตะนิรันดร์กาล

            ตัวอย่างเช่น Dior ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2022 เป็นสร้อยคอไข่มุกสำหรับผู้ชายประดับรูปต้นกระบองเพชรฝังเพชรและดอกไม้ที่ทำจากวัสดุลงยา ผลงานชิ้นนี้ล้ำหน้าเกินงานคลาสสิกแบบไม่ต้องสงสัย


สร้อยคอไข่มุกแบรนด์ Dior

            เพชรสังเคราะห์ที่ผลิตในห้องปฏิบัติการ (Lab-Grown Diamonds) เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ผู้ขายจะตามทันกระแสของปี 2023 ด้วยการนำเสนอคอลเลกชันที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางและเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ เนื่องจากเพชรกลุ่มนี้สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีและสามารถผ่านการคัดเกรดได้ด้วยเทคโนโลยีของ Sarine เพชรกลุ่มนี้จึงเป็นตัวเลือกที่โปร่งใสชัดเจนมากกว่าสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจในความถูกต้อง 

บทบาทด้านความยั่งยืนและการจัดการความหลากหลาย

            ปี 2022 เป็นปีแห่งความยั่งยืนในอุตสาหกรรมเพชร หัวข้อเรื่องความยั่งยืนและการติดตามแหล่งที่มาของเพชรปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่งอย่างไม่อาจปฏิเสธได้และไม่ใช่แค่กระแสหรือคำฮิตติดปากอีกต่อไป ความยั่งยืนกลายเป็นคุณค่าหลักสำหรับแบรนด์ชั้นนำทุกๆ แบรนด์ หากต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจค้าปลีกในปี 2023 กิจการจะต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานความเป็นจริงที่ว่าการตัดสินใจของผู้ซื้อขึ้นอยู่กับประเด็นเรื่องจริยธรรม สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนมากขึ้นเรื่อยๆ ประเด็นเหล่านี้สะท้อนให้เห็นจากการที่แบรนด์เครื่องประดับชั้นนำกำหนดตำแหน่งใหม่ในคณะผู้บริหารระดับสูงให้มาดูแลด้านความยั่งยืนในทุกๆ ส่วนของกิจการ ตัวอย่างเช่น Katerina Reilly ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนสากลของ Tiffany และ Maïlys Mantel ผู้จัดการโครงการด้านความยั่งยืนของ Cartier

            ขณะที่ผู้บริโภคที่มีจิตสำนึกยังคงมีอิทธิพลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง ความหลากหลายก็ถือเป็นประเด็นด้านความยั่งยืนที่เริ่มมีบทบาทและความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยคนรุ่นมิลเลนเนียลร้อยละ 70 ระบุว่าตนเองมีแนวโน้มที่จะเลือกสินค้าจากแบรนด์หนึ่งๆ โดยพิจารณาจากการเปิดรับความแตกต่างและความหลากหลายในการโฆษณา

            เมื่อไม่นานมานี้ De Beers ได้แต่งตั้งให้นักแสดงเชื้อสายเคนยาและเม็กซิโกผู้ชนะรางวัลออสการ์ Lupita Nyong’o เป็นแอมบาสซาเดอร์ระดับสากลคนแรก Nyong อยู่ในรายชื่อผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุด 50 คนแรกของแอฟริกาตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes และการร่วมงานกันครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมผู้หญิง เด็กหญิง และความหลากหลาย ตามคำกล่าวจาก Bruce Cleaver ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ De Beers Group


Lupita Nyong’o 

แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ De Beers 


            เคล็ดลับ 3 ประการในการส่งเสริมความหลากหลายให้แบรนด์มีดังนี้

                • เริ่มต้นจากภายในองค์กรและจ้างสมาชิกทีมที่มีความหลากหลาย งานวิจัยชี้ว่าทีมที่มีสมาชิกเชื้อชาติเดียวกันกับลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเข้าใจลูกค้าได้มากกว่าทีมอื่นถึง 152%

                • นำเสนอความหลากหลายของมนุษย์ผ่านเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย แคมเปญ และโฆษณาของคุณ โดยให้สอดคล้องกับองค์ประกอบความหลากหลายในตลาดที่คุณดำเนินกิจการอยู่

                • คำนึงถึงวันหยุดเทศกาลสำคัญของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและโพสต์ถึงวันหยุดเหล่านี้ทางโซเชียลมีเดีย

เทคโนโลยีเว็บรุ่นใหม่

            ปัจจุบัน Web3 และ Metaverse ถือเป็นเทคโนโลยีมาแรงใหม่ล่าสุด Web3 เป็นตัวแทนของ World Wide Web ยุคใหม่ และโดยพื้นฐานแล้วเป็นแนวคิดว่าด้วยอินเทอร์เน็ตที่ไม่รวมศูนย์ ซึ่งอำนาจในการควบคุมไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้นำ องค์กร หรือคณะบุคคลเพียงไม่กี่ราย โครงสร้างพื้นฐานหลักของ Web3 ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ให้ความปลอดภัย ความโปร่งใส ความสามารถในการติดตามที่มา และการไม่สามารถดัดแปลงแก้ไขข้อมูลให้แก่ผู้ใช้อย่างไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งหมายความว่า Web3 จะพลิกโฉมวิธีการจัดเก็บ แชร์ และเป็นเจ้าของข้อมูลทางออนไลน์ อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนวิธีการที่เราซื้อ เป็นเจ้าของ และกำหนดมูลค่าของเครื่องประดับด้วย

            แม้ในช่วงปีที่ผ่านมาผู้สนใจ Web3 หลายรายต้องพบกับความเป็นจริงอันโหดร้ายเมื่อตลาดคริปโตร่วงลงอย่างหนัก และคอลเลกชัน NFT จำนวนมากก็มีมูลค่าดิ่งลงตามไปด้วย Ethereum ซึ่งเป็นหน่วยเงินคริปโตที่ใช้กันโดยทั่วไปในการซื้อและสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลมีมูลค่าลดลงร้อยละ 78.7 นับจากจุดที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตามข้อมูลจาก Messari ถึงกระนั้นผู้เชี่ยวชาญหลายราย รวมถึงบริษัท McKinsey ระบุว่า แม้จะถูกรุมกระหน่ำจากภาวะตลาดตกต่ำและการล้มละลายในระยะหลังมานี้ สินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานของระบบก็ยังคงมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจในทุกภาคอุตสาหกรรม

            Metaverse คืออินเทอร์เน็ตรุ่นใหม่ในเวอร์ชันสามมิติที่นำเสนอประสบการณ์เสมือนจริงซึ่งโดยส่วนใหญ่ถ่ายทอดผ่านเทคโนโลยี AR และ VR ด้วยเหตุนี้ มันจึงสามารถเปลี่ยนเครื่องประดับจากวัตถุที่ไร้ชีวิตชีวาให้กลายเป็นประสบการณ์เชิงอินเตอร์แอคทีฟได้ นอกจากนี้ Metaverse ยังได้เสนอพื้นที่อันไร้ขอบเขตสำหรับแบรนด์เครื่องประดับพร้อมด้วยโอกาสอันไร้ขีดจำกัดในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า มอบความบันเทิง ส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ และส่งมอบประสบการณ์อันน่าทึ่งในระหว่างการขาย McKinsey ประเมินว่า Metaverse มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าถึง 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030 จึงนับเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่กิจการต่างๆ ไม่อาจมองข้ามได้

            แบรนด์แฟชั่นและสินค้าหรูกำลังเร่งเครื่องเต็มที่เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมให้ทันความเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล โดย Prada กำลังขยายขอบเขตการนำเสนอผ่านทาง Web3 ขณะที่ Gucci ก็กำลังสร้าง The Gucci Vault Discord พื้นที่ทางดิจิทัลซึ่งมีความมหัศจรรย์มากมายในรูปแบบ Web3 ภายใน Metaverse



            เป้าหมายของแบรนด์เหล่านี้ก็คือการก้าวล้ำไปไกลกว่ากระแสชั่วครั้งชั่วคราวและเปิดรับโลกอนาคต ดังนั้น คุณจึงควรทำเช่นเดียวกัน แต่เราจะหาหนทางอย่างไรในโลกเสมือนซึ่งเพิ่งเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ในการสัมมนาทางเว็บเมื่อไม่นานมานี้ที่มีชื่อว่า “Web3 มีความหมายอย่างไรต่อเครื่องประดับ” Jodie Marie Smith ที่ปรึกษาด้านแบรนด์เครื่องประดับเสนอว่าควรเริ่มจากการศึกษาข้อมูล “มีพ็อดแคสต์และบทความที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับประเด็นนี้ และคุณอาจติดต่อสื่อสารแบบตัวต่อตัวกับเหล่าผู้สร้าง ผู้เชี่ยวชาญ และผู้คนที่พูดคุยในประเด็นนี้ เพราะ ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างก็กระตือรือร้นอยากพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่แล้ว”

เครื่องประดับที่ไม่แบ่งแยกทางเพศ

            การยอมรับความแตกต่างทางเพศยังคงเป็นประเด็นฮิตทั่วโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่แวดวงเครื่องประดับเข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอความหลากหลายและทำลายกรอบความคิดแบบเหมารวม แบรนด์เครื่องประดับระดับสูงหลายแบรนด์ใช้การลบเลือนเส้นแบ่งระหว่างชายและหญิง รวมถึงเลิกทำตามขนบเรื่องเพศ Tiffany & Co เข้าสู่ตลาดเครื่องประดับที่ไม่แบ่งแยกทางเพศมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว และดำเนินการต่อเนื่องด้วยการเปิดตัว Tiffany Lock เมื่อไม่นานมานี้ เครื่องประดับที่โดดเด่นและงดงามชิ้นนี้ดูดีทั้งสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย


Tiffany Lock แบรนด์ Tiffany & Co

            ขณะที่ในช่วงสองสามปีก่อนหน้า เครื่องประดับที่ลื่นไหลทางเพศยังคงเป็นแนวคิดแปลกใหม่ที่ไม่กี่แบรนด์นำมาใช้ แต่เมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2023 ก็จะพบว่าแบรนด์ชื่อดังมากมายต่างดำเนินรอยตามแนวทางนี้ ไม่ว่าจะเป็น Tom Wood, Ana Luisa, Emanuele Bicocchi หรือ Alighieri ด้วยเหตุนี้จึงคาดการณ์กันว่ากระแสนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2023 และในอนาคตหลังจากนี้

Luxury 4.0 มาถึงแล้ว

            นับหลายทศวรรษที่ประสบการณ์การชอปปิงสินค้าหรูหราอาจสรุปรวมได้ด้วยลักษณะไม่กี่ประการ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขายผู้เคร่งขรึม ร้านสะอาดเอี่ยม และบรรยากาศที่ออกจะลึกลับ ในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้ การขายสินค้าหรูหราได้เปลี่ยนแปลงไปและนำไปสู่ประสบการณ์การชอปปิงที่สอดคล้องกับรสนิยมของคนรุ่นใหม่มากขึ้น ประสบการณ์นี้เองที่เรียกกันว่า Luxury 4.0

            แม้ว่าเราอาจเคยสัมผัสเศษเสี้ยวบางส่วนของ Luxury 4.0 ผ่านประสบการณ์การชอปปิงแบบ phygital ที่พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งก็คือการผสมผสานระหว่างการซื้อสินค้าในร้านค้าตามแบบดั้งเดิมกับการซื้อผ่านช่องทางดิจิทัล แต่เรากำลังจะได้สัมผัส Luxury 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ ถ้าอย่างนั้นลองมาดูกันว่าสิ่งนี้หมายความถึงอะไรบ้าง

            Luxury 4.0 เป็นประสบการณ์การชอปปิงที่เน้นความถูกต้องแม่นยำและเหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นจริงขึ้นมาได้จากการที่แบรนด์สามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้ามากยิ่งขึ้นผ่านการวิเคราะห์ขั้นสูงและบิ๊กดาต้า ไม่เพียงแต่การใช้ข้อมูลนี้จะช่วยให้แบรนด์นำเสนอประสบการณ์การชอปปิงที่ดียิ่งขึ้นและปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างธุรกิจการผลิตที่โปร่งใสและลื่นไหลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

            ประสบการณ์การชอปปิงที่ปรับแต่งได้และเหมาะกับแต่ละบุคคลส่งผลให้ผลิตภัณฑ์หรูหรากลายเป็นสิ่งหายากและเฉพาะตัวสำหรับผู้ซื้อมากยิ่งขึ้น เพราะผู้ซื้อสามารถเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง กิจการสินค้าหรูหลายแห่งกำลังเปลี่ยนไปเป็นแพลตฟอร์มปรับแต่งสินค้าซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเปลี่ยนคุณลักษณะต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ได้ แบรนด์ยอดนิยมบางแบรนด์ที่หันมาใช้แนวทางนี้ ได้แก่ Louis Vuitton ซึ่งนำเสนอการปรับแต่งกระเป๋าตามความต้องการของลูกค้า Dior ซึ่งนำเสนอบริการเช่นเดียวกันสำหรับรองเท้า และ Gucci ซึ่งมีโครงการ DIY


            แม้ว่ากระแสนี้ยังเพิ่งเริ่มต้นและมีให้บริการเฉพาะบางแบรนด์เท่านั้น แต่เราก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะนำพาเราไปถึงจุดไหนเมื่อถึงสิ้นปี 2023 เราคาดการณ์ว่าแนวทางนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างในโลกแฟชั่นเท่านั้น แต่จะช่วยยกระดับการถ่ายทอดตัวตนภายในให้ไปสู่จุดที่ไม่เคยไปถึงมาก่อนด้วย

ข้อมูลอ้างอิง


Sarine. 2023. The Jewelry Industry in 2023: Top Trends and Best Practices. [Online]. Available at https://blog.sarine.com/the-jewelry-industry-in-2023-top-trends-and-best-practices.

เอกสารแนบ


ความคิดเห็น


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

แวดวงเครื่องประดับในปี 2023 กระแสมาแรงและแนวทางการตลาด

Mar 10, 2023
4312 views
2 shares

            ในปีนี้เศรษฐกิจเกือบทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญหนทางอันขรุขระลาดชัน โดยธุรกิจค้าปลีกน่าจะเป็นภาคธุรกิจส่วนแรกๆ ที่จะได้รับผลกระทบ ภาวะเงินเฟ้อผลักดันราคาให้เพิ่มสูงขึ้นทั้งในกลุ่มสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันและสินค้าหรูหรา ในขณะเดียวกันการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานก็ส่งผลเสียต่อการดำเนินงาน ผู้ค้าปลีกบางรายจึงต้องเพิ่มราคาให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก

            คำตอบของสถานการณ์นี้จึงอยู่ที่การใช้ประโยชน์ให้เต็มที่จากพลังและศักยภาพของกระแสมาแรงในปี 2023 เพื่อมอบประสบการณ์อันแปลกใหม่น่าตื่นเต้นให้แก่ผู้บริโภคซึ่งจะช่วยนำผู้ซื้อกลับมาเข้าร้าน ต่อไปนี้เป็นเทรนด์กระแสมาแรงในอนาคตที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อเข้าถึงและนำเสนอประสบการณ์ที่ตรงใจให้แก่ผู้บริโภคยุคใหม่ในปี 2023

การชอปปิงผ่านไลฟ์สตรีม

            ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Chanel, Marc Jacobs หรือ Brandon Maxwell แบรนด์สินค้าหรูทั่วโลกต่างพากันพัฒนาประสบการณ์การชอปปิงผ่านไลฟ์สตรีมและก้าวขึ้นเป็นผู้นำการปฏิวัติวงการอีคอมเมิร์ซ ที่จริงแล้ว Coresight Research คาดการณ์ว่าการชอปปิงแบบไลฟ์จะทำยอดขายถึง 35,000 ล้านเหรียญภายในปี 2024 หรือร้อยละ 3.3 ของมูลค่าอีคอมเมิร์ซทั่วทั้งสหรัฐ

            การขายแบบไลฟ์สดหมายถึงการที่ผู้ขายนำเสนอสินค้าของตนผ่านไลฟ์สตรีม (ซึ่งมักจะถ่ายทอดผ่านโซเชียลมีเดีย) เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสตั้งคำถาม รวมถึงสั่งซื้อ/สั่งจองสินค้าผ่านการสตรีมแบบเรียลไทม์ การขายแบบไลฟ์สดเป็นการผสมผสานความบันเทิงเข้ากับการซื้อสินค้าแบบทันที ช่วยให้ธุรกิจมีช่องทางใหม่ในการสร้างมูลค่าโดยมีขอบเขตครอบคลุมกว้างขวาง อีกทั้งช่วยเสริมความน่าสนใจของแบรนด์ และสร้างความแตกต่างเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อรุ่นใหม่

            การชอปปิงผ่านไลฟ์สตรีมมีแนวทางปฏิบัติแนะนำ 3 ประการดังนี้

                • เลือกแพลตฟอร์มการขายทางโซเชียลให้เหมาะสม Instagram, TikTok และ Snap ใช้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ ในขณะที่ LinkedIn นั้นเหมาะสำหรับการสร้างเครือข่ายในแวดวงวิชาชีพ Facebook และ Twitter สำคัญสำหรับพนักงานขายเนื่องจากเน้นไปที่การพูดคุยแลกเปลี่ยน ในขณะที่คอมเมนต์ใน Reddit และ YouTube มักจะดึงดูดผู้สนใจที่มีความรู้เจาะลึกในประเด็นนั้นๆ หรือผู้ที่ต้องการค้นคว้าหาข้อมูล

                • สามารถใช้กลยุทธ์การจำกัดเวลา เช่น คูปองแบบใช้ครั้งเดียว เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องรีบซื้อและช่วยเร่งการเกิดคอนเวอร์ชันได้

                • เลือกคนจัดไลฟ์สดให้เหมาะสม ผู้บริโภคร้อยละ 61 เชื่อมั่นในคำแนะนำจากอินฟลูเอนเซอร์ ดังนั้น อินฟลูเอนเซอร์จึงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่น แต่คุณต้องแน่ใจด้วยว่ากลุ่มผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์รายนั้นๆ สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณ คุณยังอาจใช้ประโยชน์จากพนักงานของบริษัท พนักงานขาย หรือแม้กระทั่งลูกค้าขาประจำ โดยทั้งหมดนี้ต้องเป็นคนที่รู้จักสินค้าของคุณอย่างทะลุปรุโปร่ง

            ข่าวหนึ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ TikTok กำลังจะร่วมมือกับ TalkShopLive เพื่อนำการไลฟ์สดขายของมายังสหรัฐอเมริกา จากการศึกษาโดย Student Beans เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริโภค Gen Z ครึ่งหนึ่งตัดสินใจซื้อสินค้าหลังจากได้พบสินค้านั้นทาง TikTok โดยร้อยละ 80 ของผู้บริโภครุ่นเยาว์กลุ่มนี้ใช้แอป TikTok กับทุกแง่มุมในชีวิต เราเชื่อว่าเมื่อ TikTok เปิดตัวการไลฟ์สดขายของแล้ว ไลฟ์สตรีมมิงทาง TikTok จะกลายเป็นกระแสที่มาแรงที่สุด

เครื่องประดับตามกระแสที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่

            นับเป็นเวลานานที่ “กระแส” และ “การเข้าถึงได้ง่าย” เป็นเหมือนคำต้องห้ามในแวดวงเครื่องประดับหรูหรา ขณะที่แนวคิดเรื่องความเป็นอมตะเหมือนในสโลแกน “เพชรคงคุณค่าชั่วนิรันดร์” ของ De Beers เป็นแก่นสำคัญในธุรกิจนี้ แต่ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว แวดวงเครื่องประดับเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เมื่อแบรนด์เครื่องประดับรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จในการตอบสนองความต้องการด้วยชิ้นงานตามกระแสใหม่ๆ ที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น นักออกแบบสื่อสารกับกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ได้มากยิ่งขึ้นด้วยสไตล์ที่เน้นความล้ำยุคแทนที่จะเป็นความเป็นอมตะนิรันดร์กาล

            ตัวอย่างเช่น Dior ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2022 เป็นสร้อยคอไข่มุกสำหรับผู้ชายประดับรูปต้นกระบองเพชรฝังเพชรและดอกไม้ที่ทำจากวัสดุลงยา ผลงานชิ้นนี้ล้ำหน้าเกินงานคลาสสิกแบบไม่ต้องสงสัย


สร้อยคอไข่มุกแบรนด์ Dior

            เพชรสังเคราะห์ที่ผลิตในห้องปฏิบัติการ (Lab-Grown Diamonds) เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ผู้ขายจะตามทันกระแสของปี 2023 ด้วยการนำเสนอคอลเลกชันที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางและเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ เนื่องจากเพชรกลุ่มนี้สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีและสามารถผ่านการคัดเกรดได้ด้วยเทคโนโลยีของ Sarine เพชรกลุ่มนี้จึงเป็นตัวเลือกที่โปร่งใสชัดเจนมากกว่าสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจในความถูกต้อง 

บทบาทด้านความยั่งยืนและการจัดการความหลากหลาย

            ปี 2022 เป็นปีแห่งความยั่งยืนในอุตสาหกรรมเพชร หัวข้อเรื่องความยั่งยืนและการติดตามแหล่งที่มาของเพชรปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่งอย่างไม่อาจปฏิเสธได้และไม่ใช่แค่กระแสหรือคำฮิตติดปากอีกต่อไป ความยั่งยืนกลายเป็นคุณค่าหลักสำหรับแบรนด์ชั้นนำทุกๆ แบรนด์ หากต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจค้าปลีกในปี 2023 กิจการจะต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานความเป็นจริงที่ว่าการตัดสินใจของผู้ซื้อขึ้นอยู่กับประเด็นเรื่องจริยธรรม สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนมากขึ้นเรื่อยๆ ประเด็นเหล่านี้สะท้อนให้เห็นจากการที่แบรนด์เครื่องประดับชั้นนำกำหนดตำแหน่งใหม่ในคณะผู้บริหารระดับสูงให้มาดูแลด้านความยั่งยืนในทุกๆ ส่วนของกิจการ ตัวอย่างเช่น Katerina Reilly ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนสากลของ Tiffany และ Maïlys Mantel ผู้จัดการโครงการด้านความยั่งยืนของ Cartier

            ขณะที่ผู้บริโภคที่มีจิตสำนึกยังคงมีอิทธิพลต่อธุรกิจค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง ความหลากหลายก็ถือเป็นประเด็นด้านความยั่งยืนที่เริ่มมีบทบาทและความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยคนรุ่นมิลเลนเนียลร้อยละ 70 ระบุว่าตนเองมีแนวโน้มที่จะเลือกสินค้าจากแบรนด์หนึ่งๆ โดยพิจารณาจากการเปิดรับความแตกต่างและความหลากหลายในการโฆษณา

            เมื่อไม่นานมานี้ De Beers ได้แต่งตั้งให้นักแสดงเชื้อสายเคนยาและเม็กซิโกผู้ชนะรางวัลออสการ์ Lupita Nyong’o เป็นแอมบาสซาเดอร์ระดับสากลคนแรก Nyong อยู่ในรายชื่อผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุด 50 คนแรกของแอฟริกาตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes และการร่วมงานกันครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมผู้หญิง เด็กหญิง และความหลากหลาย ตามคำกล่าวจาก Bruce Cleaver ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ De Beers Group


Lupita Nyong’o 

แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ De Beers 


            เคล็ดลับ 3 ประการในการส่งเสริมความหลากหลายให้แบรนด์มีดังนี้

                • เริ่มต้นจากภายในองค์กรและจ้างสมาชิกทีมที่มีความหลากหลาย งานวิจัยชี้ว่าทีมที่มีสมาชิกเชื้อชาติเดียวกันกับลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเข้าใจลูกค้าได้มากกว่าทีมอื่นถึง 152%

                • นำเสนอความหลากหลายของมนุษย์ผ่านเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย แคมเปญ และโฆษณาของคุณ โดยให้สอดคล้องกับองค์ประกอบความหลากหลายในตลาดที่คุณดำเนินกิจการอยู่

                • คำนึงถึงวันหยุดเทศกาลสำคัญของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและโพสต์ถึงวันหยุดเหล่านี้ทางโซเชียลมีเดีย

เทคโนโลยีเว็บรุ่นใหม่

            ปัจจุบัน Web3 และ Metaverse ถือเป็นเทคโนโลยีมาแรงใหม่ล่าสุด Web3 เป็นตัวแทนของ World Wide Web ยุคใหม่ และโดยพื้นฐานแล้วเป็นแนวคิดว่าด้วยอินเทอร์เน็ตที่ไม่รวมศูนย์ ซึ่งอำนาจในการควบคุมไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้นำ องค์กร หรือคณะบุคคลเพียงไม่กี่ราย โครงสร้างพื้นฐานหลักของ Web3 ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ให้ความปลอดภัย ความโปร่งใส ความสามารถในการติดตามที่มา และการไม่สามารถดัดแปลงแก้ไขข้อมูลให้แก่ผู้ใช้อย่างไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งหมายความว่า Web3 จะพลิกโฉมวิธีการจัดเก็บ แชร์ และเป็นเจ้าของข้อมูลทางออนไลน์ อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนวิธีการที่เราซื้อ เป็นเจ้าของ และกำหนดมูลค่าของเครื่องประดับด้วย

            แม้ในช่วงปีที่ผ่านมาผู้สนใจ Web3 หลายรายต้องพบกับความเป็นจริงอันโหดร้ายเมื่อตลาดคริปโตร่วงลงอย่างหนัก และคอลเลกชัน NFT จำนวนมากก็มีมูลค่าดิ่งลงตามไปด้วย Ethereum ซึ่งเป็นหน่วยเงินคริปโตที่ใช้กันโดยทั่วไปในการซื้อและสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลมีมูลค่าลดลงร้อยละ 78.7 นับจากจุดที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตามข้อมูลจาก Messari ถึงกระนั้นผู้เชี่ยวชาญหลายราย รวมถึงบริษัท McKinsey ระบุว่า แม้จะถูกรุมกระหน่ำจากภาวะตลาดตกต่ำและการล้มละลายในระยะหลังมานี้ สินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานของระบบก็ยังคงมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจในทุกภาคอุตสาหกรรม

            Metaverse คืออินเทอร์เน็ตรุ่นใหม่ในเวอร์ชันสามมิติที่นำเสนอประสบการณ์เสมือนจริงซึ่งโดยส่วนใหญ่ถ่ายทอดผ่านเทคโนโลยี AR และ VR ด้วยเหตุนี้ มันจึงสามารถเปลี่ยนเครื่องประดับจากวัตถุที่ไร้ชีวิตชีวาให้กลายเป็นประสบการณ์เชิงอินเตอร์แอคทีฟได้ นอกจากนี้ Metaverse ยังได้เสนอพื้นที่อันไร้ขอบเขตสำหรับแบรนด์เครื่องประดับพร้อมด้วยโอกาสอันไร้ขีดจำกัดในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า มอบความบันเทิง ส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ และส่งมอบประสบการณ์อันน่าทึ่งในระหว่างการขาย McKinsey ประเมินว่า Metaverse มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าถึง 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030 จึงนับเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่กิจการต่างๆ ไม่อาจมองข้ามได้

            แบรนด์แฟชั่นและสินค้าหรูกำลังเร่งเครื่องเต็มที่เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมให้ทันความเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล โดย Prada กำลังขยายขอบเขตการนำเสนอผ่านทาง Web3 ขณะที่ Gucci ก็กำลังสร้าง The Gucci Vault Discord พื้นที่ทางดิจิทัลซึ่งมีความมหัศจรรย์มากมายในรูปแบบ Web3 ภายใน Metaverse



            เป้าหมายของแบรนด์เหล่านี้ก็คือการก้าวล้ำไปไกลกว่ากระแสชั่วครั้งชั่วคราวและเปิดรับโลกอนาคต ดังนั้น คุณจึงควรทำเช่นเดียวกัน แต่เราจะหาหนทางอย่างไรในโลกเสมือนซึ่งเพิ่งเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ในการสัมมนาทางเว็บเมื่อไม่นานมานี้ที่มีชื่อว่า “Web3 มีความหมายอย่างไรต่อเครื่องประดับ” Jodie Marie Smith ที่ปรึกษาด้านแบรนด์เครื่องประดับเสนอว่าควรเริ่มจากการศึกษาข้อมูล “มีพ็อดแคสต์และบทความที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับประเด็นนี้ และคุณอาจติดต่อสื่อสารแบบตัวต่อตัวกับเหล่าผู้สร้าง ผู้เชี่ยวชาญ และผู้คนที่พูดคุยในประเด็นนี้ เพราะ ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างก็กระตือรือร้นอยากพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่แล้ว”

เครื่องประดับที่ไม่แบ่งแยกทางเพศ

            การยอมรับความแตกต่างทางเพศยังคงเป็นประเด็นฮิตทั่วโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่แวดวงเครื่องประดับเข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอความหลากหลายและทำลายกรอบความคิดแบบเหมารวม แบรนด์เครื่องประดับระดับสูงหลายแบรนด์ใช้การลบเลือนเส้นแบ่งระหว่างชายและหญิง รวมถึงเลิกทำตามขนบเรื่องเพศ Tiffany & Co เข้าสู่ตลาดเครื่องประดับที่ไม่แบ่งแยกทางเพศมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว และดำเนินการต่อเนื่องด้วยการเปิดตัว Tiffany Lock เมื่อไม่นานมานี้ เครื่องประดับที่โดดเด่นและงดงามชิ้นนี้ดูดีทั้งสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย


Tiffany Lock แบรนด์ Tiffany & Co

            ขณะที่ในช่วงสองสามปีก่อนหน้า เครื่องประดับที่ลื่นไหลทางเพศยังคงเป็นแนวคิดแปลกใหม่ที่ไม่กี่แบรนด์นำมาใช้ แต่เมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2023 ก็จะพบว่าแบรนด์ชื่อดังมากมายต่างดำเนินรอยตามแนวทางนี้ ไม่ว่าจะเป็น Tom Wood, Ana Luisa, Emanuele Bicocchi หรือ Alighieri ด้วยเหตุนี้จึงคาดการณ์กันว่ากระแสนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2023 และในอนาคตหลังจากนี้

Luxury 4.0 มาถึงแล้ว

            นับหลายทศวรรษที่ประสบการณ์การชอปปิงสินค้าหรูหราอาจสรุปรวมได้ด้วยลักษณะไม่กี่ประการ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขายผู้เคร่งขรึม ร้านสะอาดเอี่ยม และบรรยากาศที่ออกจะลึกลับ ในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้ การขายสินค้าหรูหราได้เปลี่ยนแปลงไปและนำไปสู่ประสบการณ์การชอปปิงที่สอดคล้องกับรสนิยมของคนรุ่นใหม่มากขึ้น ประสบการณ์นี้เองที่เรียกกันว่า Luxury 4.0

            แม้ว่าเราอาจเคยสัมผัสเศษเสี้ยวบางส่วนของ Luxury 4.0 ผ่านประสบการณ์การชอปปิงแบบ phygital ที่พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งก็คือการผสมผสานระหว่างการซื้อสินค้าในร้านค้าตามแบบดั้งเดิมกับการซื้อผ่านช่องทางดิจิทัล แต่เรากำลังจะได้สัมผัส Luxury 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ ถ้าอย่างนั้นลองมาดูกันว่าสิ่งนี้หมายความถึงอะไรบ้าง

            Luxury 4.0 เป็นประสบการณ์การชอปปิงที่เน้นความถูกต้องแม่นยำและเหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นจริงขึ้นมาได้จากการที่แบรนด์สามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้ามากยิ่งขึ้นผ่านการวิเคราะห์ขั้นสูงและบิ๊กดาต้า ไม่เพียงแต่การใช้ข้อมูลนี้จะช่วยให้แบรนด์นำเสนอประสบการณ์การชอปปิงที่ดียิ่งขึ้นและปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างธุรกิจการผลิตที่โปร่งใสและลื่นไหลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

            ประสบการณ์การชอปปิงที่ปรับแต่งได้และเหมาะกับแต่ละบุคคลส่งผลให้ผลิตภัณฑ์หรูหรากลายเป็นสิ่งหายากและเฉพาะตัวสำหรับผู้ซื้อมากยิ่งขึ้น เพราะผู้ซื้อสามารถเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง กิจการสินค้าหรูหลายแห่งกำลังเปลี่ยนไปเป็นแพลตฟอร์มปรับแต่งสินค้าซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเปลี่ยนคุณลักษณะต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ได้ แบรนด์ยอดนิยมบางแบรนด์ที่หันมาใช้แนวทางนี้ ได้แก่ Louis Vuitton ซึ่งนำเสนอการปรับแต่งกระเป๋าตามความต้องการของลูกค้า Dior ซึ่งนำเสนอบริการเช่นเดียวกันสำหรับรองเท้า และ Gucci ซึ่งมีโครงการ DIY


            แม้ว่ากระแสนี้ยังเพิ่งเริ่มต้นและมีให้บริการเฉพาะบางแบรนด์เท่านั้น แต่เราก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะนำพาเราไปถึงจุดไหนเมื่อถึงสิ้นปี 2023 เราคาดการณ์ว่าแนวทางนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างในโลกแฟชั่นเท่านั้น แต่จะช่วยยกระดับการถ่ายทอดตัวตนภายในให้ไปสู่จุดที่ไม่เคยไปถึงมาก่อนด้วย

ข้อมูลอ้างอิง


Sarine. 2023. The Jewelry Industry in 2023: Top Trends and Best Practices. [Online]. Available at https://blog.sarine.com/the-jewelry-industry-in-2023-top-trends-and-best-practices.

เอกสารแนบ

เราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้   ตั้งค่า ยอมรับ

×
140 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ชั้น 4 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: 0 2634 4999 ต่อ 444
โทรสาร: 0 2634 4970
external-site