Road (Rose) Map ในการตลาดเครื่องประดับ
การวางแผนก่อนการเดินทางเป็นเรื่องที่ดีเสมอ เพราะจะช่วยให้มีเป้าหมายการเดินทางที่ชัดเจน และอาจทำให้ไม่สูญเสียเวลาหรือทรัพยากรบางอย่างโดยใช่เหตุในระหว่างการเดินทางนั้น บางคนอาจมองว่าการท่องเที่ยวอาจไม่จำเป็นต้องวางแผนมากเกินไปนัก เพราะจะทำให้หมดสนุก หรือหมดความตื่นเต้นในระหว่างทางไปได้ แต่ในแง่ของการทำธุรกิจนั้น การวางแผนเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะคงไม่มีธุรกิจใดที่ต้องการให้เกิดความตื่นเต้นหรือลุ้นระทึกระหว่างทางเป็นแน่ ดังนั้นก่อนจะวางแผนใดๆ ลองมาดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้น หรืออาจจะเกิดขึ้นในตลาดเครื่องประดับกันก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง
- จากรายงาน Gitnux ระบุว่า ในปี 2568 มูลค่าตลาดเครื่องประดับจะสูงถึง 480.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นว่าเป็นตลาดที่มีการเติบโตและมีศักยภาพ
- เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีขนาดตลาดเครื่องประดับใหญ่ที่สุด คิดเป็นประมาณร้อยละ 60 ซึ่งถือเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ควรพิจารณาถึง
- สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีขนาดตลาดเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดเพียงประเทศเดียว โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงร้อยละ 20 แสดงว่าสหรัฐอเมริกานอกจากเป็นตลาดขนาดใหญ่แล้ว ยังเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีที่เสมือนห้องสมุดในการทำธุรกิจได้ด้วย
- การเติบโตในทุกปีของการขายเครื่องประดับออนไลน์อยู่ที่ประมาณร้อยละ 19 โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นในทุกปี ตัวเลขนี้ไม่เพียงแต่บอกว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคกำลังฟื้นตัว ยังจะสะท้อนถึงแนวโน้มการซื้อเครื่องประดับออนไลน์มากยิ่งขึ้นด้วย
- ยอดขายเครื่องประดับเพชรประมาณร้อยละ 98 มาจาก 29 ตลาดหลักของโลก
- อัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของตลาดเครื่องประดับคุณภาพสูงหรือ Fine Jewelry อยู่ที่ร้อยละ 6 จนถึงปี 2567
- มูลค่าตลาดเครื่องประดับของประเทศอินเดียในปี 2568 จะสูงถึง 10,042 พันล้านรูปี หรือ 121.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจถือได้ว่าอินเดียจะเป็นตลาดสำคัญของอัญมณีและเครื่องประดับในอนาคต
- ในปี 2568 มูลค่าตลาดเครื่องประดับที่ทำขึ้นจากวัตถุดิบราคาย่อมเยาและมีความสวยงามหรือ Costume Jewelry เพื่อใช้ทดแทนเครื่องประดับและอัญมณีที่มีราคาแพง จะมีมูลค่าประมาณ 39.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตในอนาคตของเครื่องประดับประเภทนี้ได้อย่างชัดเจน
- ในปี 2568 มูลค่าตลาดเครื่องประดับกลุ่ม Smart Jewelry ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างความสวยงามกับฟังก์ชั่นการใช้งานด้านต่างๆ จะมีมูลค่าถึง 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของตลาดเครื่องประดับไข่มุกอยู่ที่ร้อยละ 13 จนถึงปี 2568
- ภายในปี 2568 ส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องประดับชายจะเพิ่มจากร้อยละ 16 เป็นร้อยละ 19
- อัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของตลาดเครื่องประดับหรูหราอยู่ที่ร้อยละ 4.4 จนถึงปี 2569
ข้อมูลสถานการณ์ตลาดเครื่องประดับข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่นำมาแสดงให้เห็นว่าการรับรู้และรับทราบข้อมูลจะช่วยให้ธุรกิจสามารถพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้นและทิศทางในอนาคต เพื่อนำไปใช้วางแผนการดำเนินธุรกิจและกลยุทธ์ที่จะทำให้ถึงเป้าหมายของธุรกิจได้ เมื่อทราบข้อมูลสถานการณ์แล้ว ลำดับถัดไปก็ควรพิจารณาถึงปัจจัยสำคัญที่สามารถส่งผลต่อการเติบโตของตลาดเครื่องประดับ อันได้แก่
- การเติบโตของเศรษฐกิจ
- การตลาดและโฆษณา
- การขายออนไลน์
- โอกาสในการลงทุน
- แนวโน้มแฟชั่น
- ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
- การปรับแต่ง/ออกแบบเครื่องประดับส่วนบุคคล
เห็นได้ว่าข้อมูลสถานการณ์ตลาดเครื่องประดับเชื่อมโยงกับปัจจัยที่มีผลต่อการเติบโตของตลาดอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น สองส่วนนี้จึงเปรียบเสมือนเข็มทิศของการเดินทางในโลกของธุรกิจได้เลย และนอกจากสองส่วนนี้แล้วยังมีแนวโน้มทางการตลาดอื่นที่อาจนำมาพิจารณาเพิ่มเติมด้วย เช่น การหาแหล่งวัตถุดิบที่ยั่งยืน เป็นต้น รวมไปถึงการพิจารณาถึงข้อจำกัดที่มีก็เป็นส่วนสำคัญที่ควรคำนึงถึงเช่นเดียวกัน ไม่ว่าเรื่องของราคาวัตถุดิบที่ผันแปร สินค้าปลอม แนวโน้มของผู้บริโภคที่อาจเปลี่ยนแปลง การแข่งขันจากสินค้าทดแทน/ทางเลือกอื่น ข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่ในเรื่องการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะก็เป็นข้อจำกัดหนึ่งที่อาจส่งผลกระทบได้
เมื่อทราบเป้าหมายและทิศทางในการเดินทางที่ชัดเจนแล้ว ส่วนต่อมาคือ วิธีการที่จะทำให้เดินทางไปยังจุดหมายนั้นได้สำเร็จ การวางแผนไม่ใช่เพียงแต่วางแผนไว้และดำเนินการตามแผนเพียงเท่านั้น การปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำระหว่างการเดินทางด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งการทำตลาดถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพาธุรกิจให้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งเป้าไว้ได้
หากพูดถึงการทำตลาดว่ามีอะไรบ้าง จะต้องมีคำตอบออกมาอย่างมากมายเป็นแน่ แต่การทำตลาดแบบไหนถือเป็นแนวโน้มสำคัญของการตลาดเครื่องประดับในปัจจุบันจริงๆ นั้น พบว่า จากรายงานวิจัย Unlocking Management Research A Road Map to Future Business ที่ได้มีการทบทวนงานวิจัยและบทความวารสารต่างๆ หนังสือทางการตลาด ข้อมูลการพยากรณ์แนวโน้ม รวมไปถึงความคิดเห็นส่วนบุคคลจากการสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดเครื่องประดับทั้งในภาควิชาการและภาคธุรกิจ โดยมีข้อค้นพบสำคัญคือ
- โซเชียลมีเดีย เทคโนโลยี และข้อมูล มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดเครื่องประดับเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนยุคมิลเลนเนียลที่ติดตามเรื่องราวหรือข้อมูลข่าวสารผ่าน Instagram Facebook WhatsApp Twitter หรือ X รวมไปถึง YouTube และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์อื่นๆ ดังนั้นการตลาดดิจิทัลจึงเป็นช่องทางหลักในการทำตลาดได้เป็นอย่างดี
- วิธีการค้นหาหรือเลือกซื้อเครื่องประดับในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก ความเชื่อมั่นในตัวบุคคลที่มีอิทธิพลหรือแรงบันดาลใจมีผลต่อการเลือกซื้อเครื่องประดับมากกว่าผู้เชี่ยวชาญ หรือแม้แต่บุคคลที่มีอิทธิพลในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือครอบครัว อาจกล่าวได้ว่า บุคคลในโซเซียลมีเดียมีพลังเหนือกว่าสื่อทางการตลาดรูปแบบอื่นๆ
- แนวโน้มการตลาดที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ Crowd-Sourcing ที่เป็นแนวคิดในการจัดการแข่งขันเพื่อนำเสนอแนวคิดเรื่องต่างๆ ซึ่งผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล แต่สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาจะเป็นของผู้จัดงาน ถือเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย และทำให้ได้มาซึ่งแนวคิดหรือการพัฒนาที่เกิดประโยชน์อย่างมากต่อผู้บริโภคและในภาคอุตสาหกรรมด้วย
- การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (Augmented Reality & Virtual Reality) เป็นแนวคิดที่มีการใช้อย่างกว้างขวางในตลาดเครื่องประดับทั่วโลก อีกทั้งยังมีข้อมูลที่บ่งชัดว่า Virtual Influencers มียอดการมีส่วนร่วมมากว่าของ Real-life Influencers บางคนด้วยซ้ำ และธุรกิจก็มีแนวโน้มที่จะใช้ Virtual Influencers เพิ่มขึ้นอีก
- Internet of Things (IoT) เข้ามาเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมและมีมุมมองที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการได้มากขึ้น เช่น การวิเคราะห์แบบ Real-time ผ่านเทคโนโลยีของร้านเครื่องประดับจะทำให้สามารถส่งข้อเสนอที่ดีที่สุดของเครื่องประดับแต่ละชุดถึงผู้บริโภคได้อย่างทันที ซึ่งเป็นการกระตุ้นยอดขายในอีกทางหนึ่ง
- Neuromarketing คือเทคนิคการตลาดหนึ่งที่นำศาสตร์ทางประสาทวิทยา หรือ Neuroscience มาประกอบการวิเคราะห์พฤติกรรมการตัดสินใจของผู้บริโภค โดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องการทำงานของสมอง จิตใต้สำนึก กระบวนการทางความคิด อารมณ์ และการตัดสินใจ รวมไปถึงปฏิกิริยาที่ส่งผลต่อการกระตุ้นความสนใจ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคได้มากขึ้น ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของตลาด Neuromarketing Technology จะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566
- OmniChannel เป็นอีกหนึ่งแนวคิดทางการตลาดที่รวมทุกช่องทางการสื่อสาร ทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ หรืออื่นๆ เข้าด้วยกันผ่านการใช้เทคโนโลยี เพื่อให้เข้าใจผู้บริโภค อำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้าหรือบริการ จนไปถึงการกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ปัจจุบัน แนวโน้ม จนมาถึงแนวโน้มทางการตลาดเครื่องประดับ เป็นข้อมูลส่วนสำคัญอย่างหนึ่งที่ธุรกิจต้องศึกษาและทำความเข้าใจเป็นอย่างดีก่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาด เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินทางไปยังเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ โดยไม่พบกับเหตุการณ์ตื่นเต้นหรือลุ้นระทึกระหว่างทางจนเกินไปนัก เชื่อเถอะว่าถึงจะมีการเปลี่ยนแผนระหว่างทางเกิดขึ้น ก็ยังดีกว่าเดินทางไปแบบไม่มีการวางแผนและไร้จุดหมายอย่างแน่นอน
ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ข้อมูลอ้างอิง
2. Custom Market Insights. 2023. Global Jewelry Market 2023–2032. [Online]. Available at: https://www.custommarketinsights.com/report/jewelry-market/.
3. SSRN. 2021. Jewellery Market: Latest Marketing Trends. [Online]. Available at: https://papers.ssrn.com/sol3/papers.cfm?abstract_id=3926282.
4. Our Green Fish. 2022. เข้าใจความคิดและใกล้ชิดลูกค้าให้มากขึ้นด้วย NEUROMARKETING. [Online]. Available at: https://blog.ourgreenfish.com/neuromarketing.