ความยืดหยุ่นและนวัตกรรมเสริมความแกร่งอุตสาหกรรมเครื่องประดับตุรเคีย
ความสามารถในการปรับตัว ความคล่องตัวทางธุรกิจ และวิสัยทัศน์เป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืนท่ามกลางสภาวะทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เต็มไปด้วยความท้าทายอย่างยิ่ง
ผู้ผลิตเครื่องประดับตุรเคียภาคภูมิใจในความสำเร็จในปี 2566 ซึ่งเป็นปีที่ยากลำบากเป็นพิเศษสำหรับธุรกิจทั่วโลก แต่การส่งออกเครื่องประดับของตุรเคียขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ โดยข้อมูลจาก Türkiye Exporters’ Assembly ระบุว่า มูลค่าการส่งออกขยับขึ้นมาอยู่ที่ 7.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตถึง 30% จาก 2565 ที่ส่งออกได้ 5.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
การส่งออกเครื่องประดับคิดเป็นสัดส่วน 3.2% ของการส่งออกทั้งหมดของประเทศ และขณะที่สินค้าส่งออกของตุรเคียส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากความท้าทายทั้งในและนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากภาวะสงคราม รวมถึงเมือง Kahramanmaraş ซึ่งเป็นฐานการผลิตและการค้าเครื่องประดับของประเทศได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว หากแต่อุตสาหกรรมเครื่องประดับยังคงมีผลประกอบการสูงสุดเป็นอันดับที่สามในปีที่ผ่านมา
Sirzat Akbulak ผู้จัดการของ Turkish Jewellery Exporters’ Association ให้เหตุผลว่า ความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของการส่งออกเครื่องประดับของตุรเคียเกิดจากความยืดหยุ่นอย่างมากของอุตสาหกรรมซึ่งพึ่งพาฝีมือช่างที่มีเอกลักษณ์ของประเทศและความคล่องตัวทางธุรกิจ
ตลาดใหม่ สินค้าฮิต
ตลาดดั้งเดิมของตุรเคียประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฮ่องกง เยอรมนี สหราชอาณาจักร และอิรัก ขณะที่รัสเซียและอิสราเอลต่างเป็นคู่ค้าที่มีคุณค่าสำหรับตุรเคีย หากแต่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม ความเสียหายดังกล่าวได้รับการชดเชยจากการขยายตัวของการส่งออกไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์
สินค้าที่ได้รับความนิยมในปี 2566 ได้แก่ เครื่องประดับทอง ซึ่งตุรเคียมีความเชี่ยวชาญ รวมไปตัวเรือนเครื่องประดับ สินค้าเหล่านี้มีสัดส่วนสูงในการส่งออกเครื่องประดับทั้งหมดในปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันตัวเลขการส่งออกเครื่องประดับเพชรก็สูงขึ้นเล็กน้อย
ทั้งนี้ Turkish Jewellery Exporters’ Association ยังมองเห็นพัฒนาการที่สำคัญในตลาดอื่นๆ โดยแนวโน้มที่สดใสเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดในตะวันออกไกล ซึ่งรวมไปถึงฟิลิปปินส์ และอเมริกาใต้ โดยเฉพาะเม็กซิโกและบราซิล ซึ่งเพิ่งเริ่มเป็นคู่ค้าของผู้ประกอบการเครื่องประดับตุรเคีย
ความยิ่งใหญ่ของทองคำ
ในมุมมองของ Cevat Genc จาก Cehverun นั้น ตลาดส่งออกเครื่องประดับในปี 2566 ดีขึ้นกว่าปีก่อนหน้าเนื่องจากตลาดโลกค่อยๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติ ผู้คนเริ่มกลับมาเดินทาง จับจ่ายใช้สอย และทำธุรกิจนอกประเทศ โดยลูกค้ากลุ่มหลักของบริษัทมาจากฮ่องกง สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และจีน เครื่องประดับทองได้รับความนิยมสูง สินค้าซึ่งเป็นที่ต้องการมากเป็นพิเศษคือ เครื่องประดับทองแบบดั้งเดิมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมโบราณของกรีก ไบเซนไทน์ โรมัน และออตโตมัน ซึ่งโดยทั่วไปเครื่องประดับตุรเคียจะไม่ถอยห่างออกจากรูปแบบเครื่องประดับดั้งเดิมที่ผสมผสานวัฒนธรรม
ภาพตัวอย่างเครื่องประดับทองจากอุตสาหกรรมเครื่องประดับในตุรเคีย
ทำนองเดียวกัน Sejfula Bushi แห่ง ANNDA Jewellery สังเกตเห็นความนิยมอย่างสูงที่มีต่อเครื่องประดับทอง ความต้องการเครื่องประดับ 14k ในกลุ่มลูกค้าของบริษัมมีสูงที่สุดโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อรุ่นใหม่และในตลาดตะวันตก ผู้ซื้อส่วนใหญ่ชื่นชอบเครื่องประดับชิ้นเล็กบอบบาง เช่น สร้อยคอเส้นบาง แหวนที่ใส่ซ้อนกันหลายวงได้ และต่างหูเล็กๆ ที่ดูสง่างาม โดยสินค้านั้นควรมีคุณภาพและราคาไม่สูงจนเกินไป
เพชรสังเคราะห์
หนึ่งในเสาหลักของอุตสาหกรรมเครื่องประดับตุรเคียคือ อุตสาหกรรมการผลิตตัวเรือนเครื่องประดับ และปัจจุบันบริษัทต่างๆ กำลังมองหาโอกาสใหม่จากตลาดเพชรสังเคราะห์ (Lab-Grown Diamond : LGD) ที่กำลังเติบโต
Mustafa Akin จาก Sade Is Kuyumculuk บริษัทผู้ผลิตตัวเรือนเครื่องประดับเห็นว่า อุตสาหกรรมการผลิตตัวเรือนเครื่องประดับกำลังเติบโต ผลประกอบการของบริษัทในปี 2565-2566 เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวเรือนที่บริษัทผลิต 80% เป็นทอง 18k ส่วนที่เหลือเป็นตัวเรือนทอง 14k ตัวเรือนที่เป็นที่ต้องการสูงมีสร้อยคอและสร้อยข้อมือเทนนิส กำไล และสร้อยคอที่มีความโดดเด่นเตะตารวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาการเติบโตของบริษัทส่วนหนึ่งมาจากความต้องการเพชร LGD ในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นและบริษัทยังมองเห็นโอกาสที่สดใสในตลาดนี้
ชุบชีวิตใหม่ให้งานออกแบบ
จากข้อมูลของ Tarz Alyans บริษัทผู้ผลิตแหวนแต่งงานที่ทำจากทองพบว่า ลูกค้าของบริษัทซึ่งมีอยู่ในหลายตลาดไม่ว่าจะเป็นแคนาดา สหราชอาณาจักร ตลอดจนตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย จะเลือกสินค้าน้ำหนัก 10 และ 20 กรัมสำหรับแหวนแต่งงานทองหนึ่งคู่ โดยขึ้นอยู่กับความชื่นชอบเฉพาะ อย่างเช่น อินเดียจะต้องการแหวนที่มีน้ำหนักมากเพราะส่วนใหญ่จะใช้เครื่องประดับทอง 18k ไปจนถึง 22k ขณะที่ตลาดอื่นๆ ปกติต้องการแหวนทอง 9k ถึง 14k นอกจากนี้ บริษัทเห็นว่า บรรยากาศทางธุรกิจในปี 2567 อาจยังคงมีความท้าทาย จึงจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นไปที่การจัดแสดงสินค้าเครื่องประดับของตนตลอดทั้งปีให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อได้รับการมองเห็นอย่างเต็มที่ในตลาดเป้าหมาย
แหวนแต่งงานทองคำฝังเพชร จากแบรนด์ Tarz Alyans
แนวโน้มการเติบโต
Akbulak จาก Turkish Jewellery Exporters’ Association เห็นว่า อุตสาหกรรมเครื่องประดับของ ตุรเคียมีแนวโน้มจะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทางเศรษฐกิจและการเมืองในปี 2567 เช่น การเลือกตั้งทั่วโลก ความท้าทายจากภาวะเงินเฟ้อ และสถานการณ์สงครามที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ แต่ประเด็นที่พอจะมีแนวโน้มดีขึ้นนั้น คาดว่าในปีนี้รัฐบาลตุรเคียจะผ่อนคลายความเข้มงวดเรื่องนโยบายทางการเงินเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อและกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยอัตราเงินเฟ้อแตะ 64.8% ในปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ทั้งนี้ หากสภาพการณ์ต่างๆ คลี่คลายได้ เชื่อว่ามูลค่าการส่งออกเครื่องประดับอาจมีโอกาสที่จะสูงกว่า 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกันการปรับตัวในทางบวกของนานาประเทศอาจผลักดันให้ตัวเลขส่งออกเครื่องประดับของตุรเคียแตะ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับ Bushi จาก ANNDA Jewellery หวังว่า เทรนด์ความชื่นชอบเครื่องประดับทอง 14k จะยังคงอยู่ต่อไปในปี 2567 พร้อมๆ กับความสนใจที่เพิ่มขึ้นในเครื่องประดับเฉพาะบุคคล ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์และมีความหมาย โดยบริษัทมุ่งนำเสนอสินค้าใหม่ที่สอดคล้องกับเทรนด์เหล่านี้ รวมทั้งศึกษาการใช้วัสดุทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามความนิยมของผู้บริโภคในความยั่งยืน นอกจากนี้ ยังคาดว่าการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการค้าปลีกออนไลน์จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญให้กับการขยายตัวตลอดจนการเจาะตลาดที่ยังทำได้ไม่เต็มที่ ความท้าทายน่าจะรวมไปถึงการจัดการความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทานและการปรับตัวให้เข้ากับภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจที่กำลังแปรเปลี่ยนไปด้วย
แปลและเรียบเรียงโดย ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
มิถุนายน 2567
ข้อมูลอ้างอิง