ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

ตำนานมรกตแห่งจักรพรรดินีมารี ลุยส์: ของขวัญรักจากนโปเลียน

Dec 3, 2025
44 views
0 share

        ชุดเครื่องประดับมรกตอันเลอค่า La parure d'émeraudes de l'Impératrice Marie-Louise ที่จักรพรรดินโปเลียนมอบให้จักรพรรดินีมารี หลุยส์ เนื่องในโอกาสอภิเษกสมรสของทั้งคู่เมื่อวันที่ 2 เมษายน 1810 เป็นผลงานของ “เมซง นิโตต์” (Maison Nitot) ช่างอัญมณีประจำราชสำนักฝรั่งเศสในยุคนั้น ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นแบรนด์ชื่อดัง Chaumet ชุดนี้ถูกส่งมอบให้ในปลายเดือนมีนาคมปีเดียวกัน ประกอบด้วยรัดเกล้า สร้อยคอ (หมายเลข OA 12155) ต่างหู (OA 12156) และปิ่นปักผม ถือเป็นเครื่องประดับส่วนพระองค์ของจักรพรรดินี ไม่ได้ถูกนับรวมในทรัพย์สินของราชวงศ์ฝรั่งเศส

        สร้อยคอมรกตชิ้นนี้โดดเด่นด้วยมรกตจำนวน 32 เม็ด (โดยมรกตเม็ดกลางมีน้ำหนักถึง 13.75 กะรัต) เพชรเจียระไนแบบ brilliant-cut จำนวน 874 เม็ด และแบบ rose-cut อีก 264 เม็ด มรกตแต่ละเม็ดมีความใสสะอาดหายาก จัดวางสลับกันระหว่างมรกตรูปเหลี่ยมและรูปหมอน ประดับล้อมด้วยเพชรระยิบระยับและลายใบปาล์มที่ซับซ้อน แต่ละลายใบปาล์มประดับมรกตกลมขนาดเล็กหนึ่งเม็ด ส่วนปลายของมรกตหลักทุกเม็ดประดับด้วยมรกตทรงหยดน้ำห้อยระย้า ขับแสงเจิดจ้าราวแสงออโรร่า ขณะที่ต่างหูประกอบด้วยมรกต 6 เม็ด ฝังร่วมกับเพชร rose-cut 20 เม็ด และเพชร brilliant-cut 40 เม็ด งดงามอ่อนช้อยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทั้งหมดนี้สะท้อนความละเอียดอ่อนของช่างฝีมือยุคนโปเลียนที่เปี่ยมด้วยศิลปะและความสมมาตรอันงดงาม

 

ภาพจาก https://collections.louvre.fr/

        เมื่อมารี หลุยส์เสด็จออกจากปารีสในวันที่ 29 มีนาคม 1814 เธอได้นำชุดเครื่องประดับส่วนพระองค์ทั้งหมดติดตัวไปด้วย แม้จะต้องคืนมงกุฎเพชรให้แก่ผู้แทนของราชวงศ์บูร์บง แต่เธอยังคงรักษาเครื่องประดับมรกตชุดนี้ไว้ หลังจากสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้มอบเครื่องประดับชุดนี้ให้แก่พระญาติ เลโอโปลด์ที่ 2 แห่งฮับส์บูร์ก 

        แกรนด์ดยุคแห่งทัสคานี โดยทายาทของตระกูลได้เก็บรักษาไว้จนถึงปี 1953 ก่อนจะขายต่อให้กับ Van Cleef & Arpels ต่อมา มรกตจากรัดเกล้าถูกขายแยกออกทีละเม็ด และรัดเกล้าชุดเดิมถูกนักสะสมชาวอเมริกันซื้อไปพร้อมเปลี่ยนมรกตเป็นเทอร์คอยซ์ ก่อนจะบริจาคให้พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียนในปี 1966 ส่วนปิ่นปักผมได้รับการดัดแปลงใหม่ แต่โชคดีที่สร้อยคอและต่างหูยังคงอยู่ในสภาพดั้งเดิม และได้ถูกนำกลับเข้าสู่คอลเลกชันของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในปี 2004 ด้วยการสนับสนุนจากสมาคม “Friends of the Louvre” ที่ต้องการรวบรวมสมบัติของราชวงศ์กลับคืน หลังจากที่รัฐบาลสาธารณรัฐที่สามนำออกประมูลขายในปี 1887 เพื่อกำจัดหลักฐานแห่งอดีตจักรวรรดิออกจากประเทศ โดยซื้อชิ้นงานเหล่านี้ได้ในราคา 3.7 ล้านยูโร

        หากอัญมณีเหล่านี้พูดได้ คงจะเล่าขานเรื่องราวแห่งความรัก อำนาจ และการเดินทางอันยาวนานจากราชสำนักนโปเลียน สู่แกลเลอรีศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จนกระทั่งวันหนึ่งความเงียบภายใต้แสงไฟของพิพิธภัณฑ์ต้องสั่นสะเทือน เมื่อข่าวการโจรกรรมครั้งใหญ่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ถูกเปิดเผยขึ้นในยามเช้า เพียงไม่กี่นาที เครื่องประดับมรกตแห่งจักรพรรดินีก็หายไปจากตู้จัดแสดง ราวกับถูกกลืนหายไปในเงามืดของประวัติศาสตร์อีกครั้ง

        วันนี้ แม้เพียงภาพถ่ายและบันทึกทางประวัติศาสตร์จะเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ แต่ประกายมรกตสีเขียวเข้มของมารี หลุยส์ ก็ยังคงสะท้อนผ่านกาลเวลา ดั่งเสียงกระซิบจากอดีตที่บอกเราว่า ความงามแท้จริงไม่เคยสูญสลาย มันเพียงเปลี่ยนที่พำนัก จากพระราชวังสู่พิพิธภัณฑ์ และบางที อาจกลับคืนสู่ความลึกลับที่ไม่มีวันคลี่คลาย


จัดทำโดย นางสาววาสนา สมเนตร์

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ธันวาคม 2568

-------------------------

ข้อมูลอ้างอิง

https://news.artnet.com/art-world/louvre-stolen-jewels-royal-history-2703228

https://royal-magazin.de/french/marie-louise-niarchos-emeralds-history.htm

https://stalkingthebelleepoque.blogspot.com/2010/08/mastery-of-design-emerald-parure-of.html


เอกสารแนบ


ความคิดเห็น


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

ตำนานมรกตแห่งจักรพรรดินีมารี ลุยส์: ของขวัญรักจากนโปเลียน

Dec 3, 2025
44 views
0 share

        ชุดเครื่องประดับมรกตอันเลอค่า La parure d'émeraudes de l'Impératrice Marie-Louise ที่จักรพรรดินโปเลียนมอบให้จักรพรรดินีมารี หลุยส์ เนื่องในโอกาสอภิเษกสมรสของทั้งคู่เมื่อวันที่ 2 เมษายน 1810 เป็นผลงานของ “เมซง นิโตต์” (Maison Nitot) ช่างอัญมณีประจำราชสำนักฝรั่งเศสในยุคนั้น ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นแบรนด์ชื่อดัง Chaumet ชุดนี้ถูกส่งมอบให้ในปลายเดือนมีนาคมปีเดียวกัน ประกอบด้วยรัดเกล้า สร้อยคอ (หมายเลข OA 12155) ต่างหู (OA 12156) และปิ่นปักผม ถือเป็นเครื่องประดับส่วนพระองค์ของจักรพรรดินี ไม่ได้ถูกนับรวมในทรัพย์สินของราชวงศ์ฝรั่งเศส

        สร้อยคอมรกตชิ้นนี้โดดเด่นด้วยมรกตจำนวน 32 เม็ด (โดยมรกตเม็ดกลางมีน้ำหนักถึง 13.75 กะรัต) เพชรเจียระไนแบบ brilliant-cut จำนวน 874 เม็ด และแบบ rose-cut อีก 264 เม็ด มรกตแต่ละเม็ดมีความใสสะอาดหายาก จัดวางสลับกันระหว่างมรกตรูปเหลี่ยมและรูปหมอน ประดับล้อมด้วยเพชรระยิบระยับและลายใบปาล์มที่ซับซ้อน แต่ละลายใบปาล์มประดับมรกตกลมขนาดเล็กหนึ่งเม็ด ส่วนปลายของมรกตหลักทุกเม็ดประดับด้วยมรกตทรงหยดน้ำห้อยระย้า ขับแสงเจิดจ้าราวแสงออโรร่า ขณะที่ต่างหูประกอบด้วยมรกต 6 เม็ด ฝังร่วมกับเพชร rose-cut 20 เม็ด และเพชร brilliant-cut 40 เม็ด งดงามอ่อนช้อยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทั้งหมดนี้สะท้อนความละเอียดอ่อนของช่างฝีมือยุคนโปเลียนที่เปี่ยมด้วยศิลปะและความสมมาตรอันงดงาม

 

ภาพจาก https://collections.louvre.fr/

        เมื่อมารี หลุยส์เสด็จออกจากปารีสในวันที่ 29 มีนาคม 1814 เธอได้นำชุดเครื่องประดับส่วนพระองค์ทั้งหมดติดตัวไปด้วย แม้จะต้องคืนมงกุฎเพชรให้แก่ผู้แทนของราชวงศ์บูร์บง แต่เธอยังคงรักษาเครื่องประดับมรกตชุดนี้ไว้ หลังจากสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้มอบเครื่องประดับชุดนี้ให้แก่พระญาติ เลโอโปลด์ที่ 2 แห่งฮับส์บูร์ก 

        แกรนด์ดยุคแห่งทัสคานี โดยทายาทของตระกูลได้เก็บรักษาไว้จนถึงปี 1953 ก่อนจะขายต่อให้กับ Van Cleef & Arpels ต่อมา มรกตจากรัดเกล้าถูกขายแยกออกทีละเม็ด และรัดเกล้าชุดเดิมถูกนักสะสมชาวอเมริกันซื้อไปพร้อมเปลี่ยนมรกตเป็นเทอร์คอยซ์ ก่อนจะบริจาคให้พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียนในปี 1966 ส่วนปิ่นปักผมได้รับการดัดแปลงใหม่ แต่โชคดีที่สร้อยคอและต่างหูยังคงอยู่ในสภาพดั้งเดิม และได้ถูกนำกลับเข้าสู่คอลเลกชันของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในปี 2004 ด้วยการสนับสนุนจากสมาคม “Friends of the Louvre” ที่ต้องการรวบรวมสมบัติของราชวงศ์กลับคืน หลังจากที่รัฐบาลสาธารณรัฐที่สามนำออกประมูลขายในปี 1887 เพื่อกำจัดหลักฐานแห่งอดีตจักรวรรดิออกจากประเทศ โดยซื้อชิ้นงานเหล่านี้ได้ในราคา 3.7 ล้านยูโร

        หากอัญมณีเหล่านี้พูดได้ คงจะเล่าขานเรื่องราวแห่งความรัก อำนาจ และการเดินทางอันยาวนานจากราชสำนักนโปเลียน สู่แกลเลอรีศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จนกระทั่งวันหนึ่งความเงียบภายใต้แสงไฟของพิพิธภัณฑ์ต้องสั่นสะเทือน เมื่อข่าวการโจรกรรมครั้งใหญ่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ถูกเปิดเผยขึ้นในยามเช้า เพียงไม่กี่นาที เครื่องประดับมรกตแห่งจักรพรรดินีก็หายไปจากตู้จัดแสดง ราวกับถูกกลืนหายไปในเงามืดของประวัติศาสตร์อีกครั้ง

        วันนี้ แม้เพียงภาพถ่ายและบันทึกทางประวัติศาสตร์จะเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ แต่ประกายมรกตสีเขียวเข้มของมารี หลุยส์ ก็ยังคงสะท้อนผ่านกาลเวลา ดั่งเสียงกระซิบจากอดีตที่บอกเราว่า ความงามแท้จริงไม่เคยสูญสลาย มันเพียงเปลี่ยนที่พำนัก จากพระราชวังสู่พิพิธภัณฑ์ และบางที อาจกลับคืนสู่ความลึกลับที่ไม่มีวันคลี่คลาย


จัดทำโดย นางสาววาสนา สมเนตร์

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ธันวาคม 2568

-------------------------

ข้อมูลอ้างอิง

https://news.artnet.com/art-world/louvre-stolen-jewels-royal-history-2703228

https://royal-magazin.de/french/marie-louise-niarchos-emeralds-history.htm

https://stalkingthebelleepoque.blogspot.com/2010/08/mastery-of-design-emerald-parure-of.html


เอกสารแนบ

เราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้   ตั้งค่า ยอมรับ

×
140 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ชั้น 4 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: 0 2634 4999 ต่อ 444
โทรสาร: 0 2634 4970
external-site