“The Blue Crown มงฟ้า” ที่เป็นมากกว่าความงาม
เรื่องราวของมงกุฎมิสเวิลด์ไม่ได้เริ่มต้นด้วยเพชรพลอยระยิบระยับ หากแต่เริ่มต้นจากแนวคิดที่ว่า "ความงามที่แท้จริงคือความงามที่มาจากภายใน" แนวคิดนี้เกิดขึ้นในปี 1951 เมื่อ Eric Morley ผู้ก่อตั้งเวที Miss World ตัดสินใจจัดการประกวดความงามเพื่อยกระดับคุณค่าของผู้หญิง และให้พวกเธอได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมต่อมา ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป วิสัยทัศน์ของ Eric Morley ผู้ก่อตั้งได้ขยายใหญ่ขึ้น แนวคิด "Beauty with a Purpose" ได้กลายเป็นหัวใจหลักของการประกวด ผู้ชนะมิสเวิลด์จะไม่เพียงแค่เป็นนางงาม แต่จะต้องเป็นทูตสันติภาพผู้ใช้ชื่อเสียงและตำแหน่งในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทั่วโลก ดังนั้น มงกุฎจึงถูกยกระดับให้มีความหมายและคุณค่าที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
มงกุฎมิสเวิลด์ในช่วงรุ่นแรกไม่ได้เป็นมงกุฎที่หรูหราอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน โดยในยุคแรกเริ่ม ผู้ชนะไม่ได้รับการสวมมงกุฎ จนกระทั่งปี 1955 ที่มีธรรมเนียมการสวมมงกุฎขึ้น แต่เป็นเพียงมงกุฎที่ทำจากโลหะผสมและประดับด้วยอัญมณีเทียม หรือเป็นมงกุฎที่ค่อนข้างเรียบง่าย อย่างไรก็ตาม ในที่สุดมงกุฎนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วโลกในที่สุด
มงกุฎมิสเวิลด์ในยุคแรกนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง แต่ละรุ่นสะท้อนถึงยุคสมัยและแนวคิดที่แตกต่างกันไป บางรุ่นเป็นมงกุฎแบบเรียบง่ายประดับด้วยคริสตัล บางรุ่นมีลักษณะคล้ายมงกุฎของเจ้าหญิงในเทพนิยาย แต่สิ่งที่เหมือนกันคือพลังที่แฝงอยู่ในมงกุฎแต่ละอัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจว่าความงามที่แท้จริงต้องมาพร้อมกับจิตใจที่พร้อมจะแบ่งปันและช่วยเหลือผู้อื่น และเมื่อเวลาผ่านไป มงกุฎมิสเวิลด์ก็ถูกปรับเปลี่ยนและพัฒนาให้สวยงามและทรงคุณค่ามากยิ่งขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือเจตนารมณ์ดั้งเดิมของมัน นั่นคือ
การส่งเสริมความงามที่มาพร้อมกับหัวใจที่ยิ่งใหญ่
ในปี 1972 มงกุฎมิสเวิลด์ได้ถูกออกแบบใหม่ จากช่างผู้ทำเครื่องประดับให้กับบุคคลสำคัญในราชวงศ์อังกฤษและเครื่องประดับสำคัญระดับโลก โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสีน้ำเงินของท้องฟ้าและมหาสมุทร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและอิสรภาพ นับเป็นครั้งแรกที่ “มงฟ้า” ได้ปรากฎโฉม มงกุฎนี้ประดับด้วยอัญมณีประเภทไพลิน
เทอควอยช์ เพชร ทองคำ คริสตัล และกำมะหยี่ที่ใช้รองฐานมงกุฎกันกระแทก ลักษณะโครงสร้างรูปข้าวหลามตัด 6 ชิ้นรอบมงกุฎ ที่หมายถึงตัวแทนทวีปต่าง ๆ ในโลกที่มีแนวคิดเดียวกัน คือ Beauty with a Purpose นั่นเอง แต่มงกุฎนี้ปรากฎตัวได้เพียงปีเดียวเท่านั้น เนื่องจากมีการเปลี่ยนไปใช้มงกุฎอื่น จนกระทั่งในปี 1979 มงฟ้านี้ก็กลับมาปรากฎต่อสายตาชาวโลกจนมาถึงปัจจุบัน
สิ่งที่ทำให้มงฟ้านี้มีคุณค่ามากยิ่งกว่าราคาคือ เรื่องราวเบื้องหลังของที่เกิดขึ้น มงกุฎนี้ถูกมอบให้แก่ผู้ชนะ Miss World ในแต่ละปีเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าความงามที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่คือความสามารถในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้
หนึ่งในผู้ที่ได้สวมมงกุฎที่ยิ่งใหญ่คือ Aishwarya Rai ผู้ชนะมิสเวิลด์ ปี 1994 เธอได้ใช้ตำแหน่งและมงกุฎของเธอในการรณรงค์เรื่องการศึกษาและการดูแลสุขภาพสำหรับเด็กด้อยโอกาส อีกทั้ง ได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน และพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าความงามที่มาพร้อมกับหัวใจที่ยิ่งใหญ่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ และใน 20 ปีต่อมา ในปี 2014 เธอก็ได้รับรางวัล Lifetime Beauty with a Purpose Award เพื่อตอบแทนความงามที่มีทั้งกายและใจของเธอจากการช่วยเหลือสังคม ในเวทีการประกวด Miss World ในปีนั้นด้วย
มงกุฎมิสเวิลด์จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับที่สวยงาม แต่เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น ความฝัน และความสามารถในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้ มันเป็นเครื่องเตือนใจให้กับเราทุกคนว่าความงามที่แท้จริงคือความงามที่มาจากภายใน และมันจะยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วโลกต่อไปในอนาคต
ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ธันวาคม 2568
------------------------------
ข้อมูลอ้างอิง:
1. https://www.missworld.com/history
2. https://www.youtube.com/watch?v=ZOUS_14yj4U
3. https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/beauty-fashion/1182912
4. https://www.youtube.com/watch?v=UVsnFiWM4x4
5. https://www.missworld.com/news/happy-birthday-aishwarya
6. https://shorturl.asia/IXONd

