ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

เปิดน่านฟ้าธุรกิจด้วยการเจาะตลาดอัญมณีและเครื่องประดับเกิดใหม่ทั้งตะวันออกกลางและแอฟริกา

Feb 7, 2022
4414 views
6 shares

            เมื่อการกระจายตลาดให้ผลลัพธ์อันโดดเด่นในกลยุทธ์การเติบโตช่วงหลังล็อคดาวน์ การสำรวจแนวโน้มทางธุรกิจในตะวันออกกลางและแอฟริกานับเป็นโอกาสอันมีค่าสำหรับการค้าระหว่างประเทศของธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ

ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับ

            ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับกำลังมุ่งสู่การฟื้นฟูเมื่อมาตรการควบคุมโรคระบาดเริ่มผ่อนคลายลง ผู้ประกอบการจึงต้องมองหาหนทางสร้างรายได้ใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน หลายรายใช้สถานการณ์ที่ซบเซาในช่วงปี 2020 ให้เป็นประโยชน์ด้วยการสำรวจเทคโนโลยีและแนวคิดใหม่ๆ เพื่อนำธุรกิจของตนให้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ ตลาดใหม่ๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ดังกล่าว และตะวันออกกลางก็เป็นภูมิภาคที่มักได้รับการกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง

            กิจกรรมส่วนใหญ่ภายในตลาดอันคึกคักนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองดูไบในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE) เมืองแห่งนี้เปรียบเสมือนโอเอซิสอันรุ่งโรจน์ที่มีทั้งความทันสมัย ความสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ดังที่พบได้ในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับซึ่งนำเสนอโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาลทั้งในภาคค้าส่งและภาคค้าปลีก

            Martin Leake ที่ปรึกษาพิเศษด้านอัญมณีของ DMCC หรือ Dubai Multi Commodities Centre มองว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์เป็นประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและให้ความสำคัญกับภาคการค้า โดยมุ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ธุรกิจรวมถึงเชื่อมโยงผู้ขายและผู้ซื้อเข้าด้วยกัน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างความหลากหลายให้เศรษฐกิจของดูไบ DMCC ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2002 เพื่อส่งเสริมธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ภายในดูไบ

            Leake กล่าวว่า “ดูไบเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญ โดยเชื่อมโยงถึงประชากรโลกร้อยละ 60 ผ่านเส้นทางบินตรงภายในระยะเวลาไม่เกินแปดชั่วโมง จึงนับเป็นโอกาสทางธุรกิจอันดียิ่งให้แก่บริษัทต่างๆ เรามุ่งหวังที่จะสร้างการเติบโตในธุรกิจทองคำ อัญมณี เพชร และเครื่องประดับ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าราวร้อยละ 27 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์”

โอกาสทอง

            การศึกษาโดย QYResearch Group ในเดือนมิถุนายน 2021 ได้ประเมินมูลค่าของตลาดอัญมณีและเครื่องประดับทอง ทองคำแท่ง และโลหะเงินในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์อยู่ที่ 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 และคาดว่าน่าจะใกล้แตะระดับ 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปลายปี 2030 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) อยู่ที่ร้อยละ 3.66 ในช่วงปี 2021 ถึง 2030

            นอกจากนี้ World Gold Council (WGC) ยังได้ระบุว่าตะวันออกกลางเป็นหนึ่งในตลาดที่ผลักดันการเติบโตของอัญมณีและเครื่องประดับทองในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2021 ร่วมกับจีนและอินเดีย “ตลาดทุกแห่งในตะวันออกกลางมีการเติบโตในไตรมาสที่สามจากช่วงเดียวกันของปี 2020 เนื่องจากราคาทองต่ำลงและค่อนข้างมีเสถียรภาพในขณะที่มาตรการควบคุมโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลง” WGC ระบุ

            ความต้องการเครื่องประดับทองในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์เติบโตขึ้นร้อยละ 116 เป็น 8.2 ตันในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2021 จากเดิมที่ 3.8 ตันในไตรมาสที่สามของปี 2020 ทาง WGC เสริมว่าการมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอินเดียนั้นได้ช่วยกระตุ้นความต้องการเครื่องประดับทอง

            ปริมาณการบริโภคอัญมณีและเครื่องประดับรายปีของดูไบอยู่ในช่วงระหว่าง 200 ถึง 220 ตัน ตามข้อมูลจาก Tawhid Abdullah ประธานของ Dubai Gold & Jewellery Group (DGJG) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบรนด์ผู้ค้าส่งและค้าปลีกอัญมณีและเครื่องประดับ Jawhara องค์กร DGJG นับเป็นองค์กรด้านการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในดูไบโดยมีสมาชิกเป็นบริษัทราว 600 แห่งในทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมนี้

            Abdullah ให้ความเห็นว่าการผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 60 ถึง 70 ตัน “เราเน้นที่ปริมาณและคิดอัตรากำไรต่ำมากทำให้เรายังคงรักษาระดับราคาไม่ให้สูงได้ ร้านอัญมณีและเครื่องประดับและเครือข่ายของเราขายผลิตภัณฑ์ที่มีการคิดกำไรบวกเพิ่มเพียงร้อยละ 4 จนถึงร้อยละ 10-15 ซึ่งแทบหาไม่ได้ในที่อื่นๆ” 

            ดูไบยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการจัดส่งอัญมณีและเครื่องประดับไปยังประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) อันได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ บาห์เรน โอมาน และคูเวต ประเทศอื่นๆ ภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาตอนเหนือ กลาง และใต้ เอเชียกลาง ยุโรปตอนใต้และรัสเซีย

            ส่วนประเทศผู้จัดหาอัญมณีและเครื่องประดับให้แก่ดูไบรายหลักๆ ได้แก่ อิตาลี อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และตุรกี Giordana Giordini หุ้นส่วนของผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับอิตาลี Giordini srl และประธานฝ่ายผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับขององค์กรการค้า Confindustria Arezzo กล่าวว่า ผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับอิตาเลียนในอเรซโซส่งออกผลิตภัณฑ์กว่าร้อยละ 25 ไปยังดูไบเพื่อส่งต่อไปยังตลาดใกล้เคียงและตลาดที่อยู่ห่างออกไป

            Gem & Jewellery Export Promotion Council ระบุว่าอัญมณีและเครื่องประดับส่งออกของอินเดียราวร้อยละ 40 ส่งมายังตะวันออกกลาง และตัวเลขจาก Jewellery Exporters’ Association of Turkey (JTR) แสดงให้เห็นว่า ในการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของตุรกีช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน 2021 นั้น ผลิตภัณฑ์ 1 ใน 4 หรือคิดเป็นมูลค่า 987 ล้านเหรียญสหรัฐได้ส่งมายังตะวันออกกลาง การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปยังอิรักเติบโตมากถึงร้อยละ 400 ขณะที่การส่งอัญมณีและเครื่องประดับเงินไปยังอียิปต์เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 360 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019 มาอยู่ที่ 13.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

            ตามข้อมูลของ JTR การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับทองและอัญมณีและเครื่องประดับเพชรจากตุรกีไปยังตะวันออกกลางเติบโตร้อยละ 157 ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2021 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019

เจาะตลาดอัญมณี

อัญมณีและเครื่องประดับเพชรแบรนด์ Devji Aurum


การใช้จ่ายในภาคค้าปลีก

            ในรายงาน Jewellery in the United Arab Emirates เมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 Euromonitor International ระบุว่า เมื่อปีที่แล้วชาวเอมิเรสต์เปลี่ยนแนวทางการซื้ออัญมณีและเครื่องประดับหรูหราจากเดิมที่ซื้อในยุโรปหันมาหาแบรนด์จากในและต่างประเทศที่ดำเนินการอยู่ภายในประเทศของตน จึงช่วยชดเชยยอดขายที่สูญเสียไปบางส่วนจากการขาดนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปี 2020

            สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์กลับมาเปิดเมืองเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และการกลับมาของกิจกรรมทั้งภายในประเทศ ภายในภูมิภาค และในต่างประเทศก็ช่วยกระตุ้นการบริโภคให้เพิ่มขึ้น ราคาทองที่ดึงดูดใจในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 ก็ช่วยขับเคลื่อนความต้องการด้วยเช่นกัน

            “การจัดงานแต่งงานเริ่มกลับมาอีกครั้ง อัญมณีและเครื่องประดับแท้จึงน่าจะมีการเติบโตในแง่มูลค่าสูงกว่าอัญมณีและเครื่องประดับเทียมในปี 2021 แต่เมื่อถึงปี 2022 อัญมณีและเครื่องประดับทั้งสองกลุ่มน่าจะมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขหนึ่งหลักในระดับใกล้เคียงกัน แม้ว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์มีอัตราการฉีดวัคซีนที่รวดเร็ว แต่สถานที่จัดงานแต่งงานก็ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด ในขณะที่งานแต่งงานในประเทศนี้มักเป็นงานขนาดใหญ่ซึ่งทองและอัญมณีเครื่องประดับหรูหรามีบทบาทสำคัญ” Euromonitor ระบุ

ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ

ร้านอัญมณีและเครื่องประดับแบรนด์ Devji Aurum

            Abdullah จาก DGJG เชื่อว่าการบริโภคอัญมณีและเครื่องประดับของดูไบในปี 2021 จะยังคงอยู่ที่ราว 200 ตัน โดยมีการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับโดยเฉพาะไปยังประเทศในอ่าวอาหรับอยู่มากพอสมควร รวมถึงนักท่องเที่ยวก็จะเริ่มกลับมา

            แบรนด์อัญมณีและเครื่องประดับในธุรกิจค้าปลีก Devji Aurum Design House & Studio พบว่าความต้องการในปี 2021 กระเตื้องขึ้นหลังจากซบเซาลงในปี 2020 ตามข้อมูลจาก Mahesh Devji กรรมการบริษัท แบรนด์นี้มีร้าน 8 แห่งในบาห์เรน 3 แห่งในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (ดูไบ) 4 แห่งในโอมาน และ 2 แห่งในอินเดีย 

            “เนื่องจากยังมีคำเตือนเรื่องการรวมกลุ่มทางสังคม ความต้องการอัญมณีและเครื่องประดับส่วนใหญ่จนกระทั่งถึงก่อนช่วงปลายปี 2021 จึงเน้นไปยังอัญมณีและเครื่องประดับที่จำเป็น อัญมณีและเครื่องประดับสำหรับให้เป็นของขวัญ และอัญมณีและเครื่องประดับสำหรับโอกาสสำคัญในชีวิต เช่น การแต่งงานและการครบรอบแต่งงาน แนวโน้มนี้น่าจะยังคงอยู่ต่อไปจนกว่าการเดินทางจะกลับมาเป็นปกติ” Devji ให้ความเห็น “ในปัจจุบันอัญมณีและเครื่องประดับแท้สำหรับใส่ในชีวิตประจำวันเป็นที่ต้องการมาก ความต้องการอัญมณีและเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นก็กระเตื้องขึ้นในช่วงปี 2021 เช่นกัน”

            ในช่วงที่ธุรกิจเงียบลงเนื่องจากการระบาด Devji Aurum ได้ขยายผลงานการออกแบบในหลายหมวด ตั้งแต่อัญมณีและเครื่องประดับแต่งงานและอัญมณีและเครื่องประดับแฟชั่นไปจนถึงอัญมณีและเครื่องประดับที่เป็นเอกลักษณ์ประจำแบรนด์อย่าง Ruhi นอกจากนี้ยังได้เสริมความแข็งแกร่งให้แบรนด์ด้วยการเปิดร้านคอนเซ็ปต์ House of Devji แห่งแรกซึ่งนำเสนอสินค้าจากทุกแบรนด์ของทางบริษัทในบาห์เรนปีที่ผ่านมา บริษัทยังได้วางแผนที่จะเปิดร้านคอนเซ็ปต์คล้ายกันนี้ในประเทศอื่นๆ ด้วย

ธุรกิจอัญมณี

Ruhi Collection แบรนด์ Devji Aurum

            การท่องเที่ยวและการจัดงานต่างๆ ช่วยเพิ่มความต้องการอัญมณีและเครื่องประดับในภูมิภาคอ่าวอาหรับ งาน World Expo Dubai 2020 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 ถึงมีนาคม 2022 ช่วยเรียกผู้เข้าชมงานจากทั่วโลกซึ่งอยากเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ และรับข้อเสนอจากร้านค้า Devji คาดว่ายอดขายอัญมณีและเครื่องประดับในชีวิตประจำวันและอัญมณีและเครื่องประดับที่เน้นเอกลักษณ์โดดเด่นจะมีแนวโน้มสูงขึ้นในดูไบจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเข้าชมงาน Expo

            งานระดับนานาชาติงานอื่นๆ เช่น ฟุตบอลโลก 2022 ในกาตาร์ก็น่าจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมการซื้อขายผลิตภัณฑ์หรูหรารวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับด้วยเช่นกัน

รสนิยมที่เปลี่ยนแปลงไป

            แม้ว่าภูมิภาคอ่าวอาหรับมักนิยมอัญมณีและเครื่องประดับทอง แต่ความต้องการอัญมณีและเครื่องประดับเพชรและพลอยสีก็กำลังเพิ่มสูงขึ้น ตามความเห็นจาก Ashish Garg หัวหน้าฝ่ายการขายและการตลาดของ KGK Diamonds & Jewellery สาขาด้านการตลาดในตะวันออกกลางของกลุ่มบริษัทอัญมณีและเครื่องประดับ KGK Group บริษัทเน้นการค้าระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพชรร่วง อัญมณีและเครื่องประดับเพชร พลอยร่วง อัญมณีและเครื่องประดับพลอยสี ตลอดจนอัญมณีและเครื่องประดับที่ไม่มีแบรนด์ในภูมิภาคอ่าวอาหรับ ตะวันออกกลาง รวมถึงแอฟริกาเหนือ

            “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ค้าปลีกในประเทศ GCC เริ่มตระหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าอัญมณีและเครื่องประดับเพชรนั้นให้อัตรากำไรสูง ผู้บริโภคจำนวนมากหันเหความสนใจจากอัญมณีและเครื่องประดับทองมายังอัญมณีและเครื่องประดับเพชร เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ซึ่งมีราคาเอื้อมถึงได้ ทันสมัย และน่าจะประสบความสำเร็จมากกว่าอัญมณีและเครื่องประดับทองให้แก่คู่ค้าแบบ B2B ของเรา ดังนั้นเราจึงสำรวจความต้องการ จัดหาผลิตภัณฑ์ และมอบสิ่งเหล่านี้ให้ผู้ค้าปลีกได้นำไปสร้างธุรกิจให้เติบโต” Garg อธิบาย

            ตลาดพลอยร่วงและอัญมณีและเครื่องประดับพลอยสีก็ได้รับแรงกระตุ้นในช่วงหลังล็อคดาวน์เช่นกัน เนื่องจากผู้บริโภคหันมาสนใจความสดใส สีสัน และความรื่นเริงหลังจากผ่านบรรยากาศที่ซบเซาในช่วงโรคระบาด

            Garg กล่าวเสริมว่าเพชรที่ผ่านการรับรองคุณภาพกำลังวางรากฐานที่มั่นคงในตลาด GCC โดยระบุว่า หากผลิตภัณฑ์ตรงตามความต้องการสินค้าหรูหราของผู้บริโภคฐานะดีในอ่าวอาหรับก็จะประสบความสำเร็จในตลาดได้อย่างแน่นอน

            Garg กล่าวว่า “KGK เชื่อมั่นในการสำรวจตลาดอย่างเจาะลึกและทำความเข้าใจผู้บริโภคแทนที่จะเข้าใจเฉพาะคู่ค้าในภาคค้าปลีกและค้าส่ง เราพยายามเข้าใจสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ แล้วนำผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมาเสนอแก่คู่ค้าในธุรกิจค้าปลีก เราแนะนำให้ผู้จัดหาที่พยายามเจาะตลาดตะวันออกกลางทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคและจัดหาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับตลาดมากกว่าแค่ขายสิ่งที่ตัวเองผลิต”

            Sanjay Kothari รองประธานของ KGK Group กล่าวว่า KGK ดำเนินธุรกิจในตะวันออกกลางมาราว 24 ปีแล้วและเชื่อมั่นอย่างแท้จริงในศักยภาพและการเติบโตของตลาดนี้ “ผู้ค้าส่งจากรัสเซีย กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) และแอฟริกา มักจัดหาทองคำและอัญมณีและเครื่องประดับจากดูไบ แต่เราก็นำเสนอเพชรและอัญมณีและเครื่องประดับเพชรของเราให้ผู้ค้าส่งเหล่านี้พิจารณาด้วย เราหวังว่าผู้จัดซื้อจากภูมิภาคเหล่านี้ซึ่งมีความชื่นชอบเพชรและอัญมณีและเครื่องประดับแท้จะเปิดรับผลิตภัณฑ์ของเรา” เขากล่าว

            Kothari ยังได้กล่าวถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมักหันไปเน้นอัญมณีและเครื่องประดับเพชรระดับคุณภาพสูงซึ่งมีราคาที่เอื้อมถึงได้และการออกแบบที่เก๋ไก๋

อัญมณีและเครื่องประดับตะวันออกกลาง

แนวโน้มธุรกิจอัญมณี

อัญมณีในตะวันออกกลาง

อัญมณีในแอฟริกา

อัญมณีและเครื่องประดับเพชรแบรนด์ KGK Diamonds & Jewellery


            Abdullah เห็นด้วย รสนิยมของผู้บริโภคใน GCC นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เขาระบุว่าผู้บริโภครุ่นใหม่หันมาสนใจอัญมณีและเครื่องประดับขนาดเล็กที่ดูทันสมัยกันมากขึ้น

            เขากล่าวว่า “ภูมิภาคอ่าวอาหรับมีประชากรอายุน้อยเป็นจำนวนมาก ประชากรราวร้อยละ 65 มีอายุต่ำกว่า 25 ปี หญิงสาวชาวอ่าวอาหรับเริ่มสนใจอัญมณีและเครื่องประดับขนาดเล็กที่ดูประณีตและทันสมัย พวกเธอหลีกเลี่ยงงานออกแบบขนาดใหญ่เทอะทะ สร้อยคอยาว และอัญมณีและเครื่องประดับน้ำหนักมาก แล้วหันมาสนใจอัญมณีและเครื่องประดับตามเทรนด์ใหม่ๆ แทน”

            ผู้บริหารของ DGJG กล่าวว่าที่น่าสนใจคือแม้แนวโน้มดังกล่าวทำให้น้ำหนักอัญมณีและเครื่องประดับที่ขายได้นั้นลดลง แต่ผู้ขายก็ได้รับการชดเชยในแง่ปริมาณ ผู้บริโภคซื้ออัญมณีและเครื่องประดับชิ้นเล็กลงก็จริง แต่ก็ซื้อบ่อยขึ้นเพื่อให้ทันเทรนด์แฟชั่นใหม่ล่าสุด 

            “เราต้องออกคอลเล็คชันใหม่ปีละสี่ห้าครั้งเพื่อสนองความต้องการสินค้าใหม่ๆ ในตลาด วิธีนี้ช่วยให้ขายอัญมณีเครื่องประดับได้มากขึ้นเมื่อคิดเป็นจำนวนชิ้นและผลิตงานออกแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเสียน้ำหนักโลหะไปจากการที่อัญมณีและเครื่องประดับมีขนาดเล็กลง แต่กระบวนการขายก็ง่ายขึ้น” Abdullah เผย

ศักยภาพจากแอฟริกา

            แอฟริกาเป็นตลาดอีกแห่งหนึ่งซึ่งดูมีศักยภาพสำหรับกิจการอัญมณีและเครื่องประดับจากยุโรปและตะวันออกกลาง Giordini เผยว่าอเรซโซกำลังอบรมตัวแทนจำหน่ายในแอฟริกาในปีนี้และปีหน้า เธอกล่าวด้วยว่าผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับจากอิตาลีลงทุนด้านเทคโนโลยีในช่วงการระบาดเพื่อพัฒนาการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับน้ำหนักเบาซึ่งดูมีขนาดใหญ่เพื่อสนองความต้องการของตลาดแอฟริกา

            “เรากำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับตลาดนี้ เราทำยอดขายในแอฟริกาเหนือได้แล้ว ขั้นต่อไปคือการเจาะตลาดลูกค้าใหม่ในแอฟริกากลางและใต้” Giordini กล่าว

            Abdullah เผยว่า ประเทศอย่างเช่นไนจีเรียและเซเนกัลเริ่มมีความสำคัญต่อดูไบมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห่วงโซ่อุปทานของการเพิ่มมูลค่า ประเทศเหล่านี้ส่งทองคำมายังดูไบเพื่อผลิตเป็นอัญมณีและเครื่องประดับซึ่งจะส่งออกไปยังตลาดในแอฟริกา เขาระบุว่าอัญมณีเครื่องประดับที่แวววาว มีสีสัน และมีขนาดใหญ่ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคในประเทศเหล่านี้ 

            “แม้ว่ากิจการจากแอฟริกาเหนือบางส่วนได้ย้ายฐานจากสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ไปยังศูนย์กลางการผลิตอื่นๆ เช่น ตุรกี แต่ในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมาก็มีกิจการจากแอฟริกากลางเข้ามามากพอสมควร” Abdullah กล่าว

ข้อมูลอ้างอิง


JNA. November/December 2021. Tapping emerging markets to widen business horizons. [Online]. Available at https://news.jewellerynet.com/uploads/ebook/jna/2021/issue430_Nov2021
/v2/.

เอกสารแนบ


ความคิดเห็น


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

เปิดน่านฟ้าธุรกิจด้วยการเจาะตลาดอัญมณีและเครื่องประดับเกิดใหม่ทั้งตะวันออกกลางและแอฟริกา

Feb 7, 2022
4414 views
6 shares

            เมื่อการกระจายตลาดให้ผลลัพธ์อันโดดเด่นในกลยุทธ์การเติบโตช่วงหลังล็อคดาวน์ การสำรวจแนวโน้มทางธุรกิจในตะวันออกกลางและแอฟริกานับเป็นโอกาสอันมีค่าสำหรับการค้าระหว่างประเทศของธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ

ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับ

            ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับกำลังมุ่งสู่การฟื้นฟูเมื่อมาตรการควบคุมโรคระบาดเริ่มผ่อนคลายลง ผู้ประกอบการจึงต้องมองหาหนทางสร้างรายได้ใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน หลายรายใช้สถานการณ์ที่ซบเซาในช่วงปี 2020 ให้เป็นประโยชน์ด้วยการสำรวจเทคโนโลยีและแนวคิดใหม่ๆ เพื่อนำธุรกิจของตนให้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ ตลาดใหม่ๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ดังกล่าว และตะวันออกกลางก็เป็นภูมิภาคที่มักได้รับการกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง

            กิจกรรมส่วนใหญ่ภายในตลาดอันคึกคักนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองดูไบในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE) เมืองแห่งนี้เปรียบเสมือนโอเอซิสอันรุ่งโรจน์ที่มีทั้งความทันสมัย ความสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ดังที่พบได้ในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับซึ่งนำเสนอโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาลทั้งในภาคค้าส่งและภาคค้าปลีก

            Martin Leake ที่ปรึกษาพิเศษด้านอัญมณีของ DMCC หรือ Dubai Multi Commodities Centre มองว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์เป็นประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและให้ความสำคัญกับภาคการค้า โดยมุ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ธุรกิจรวมถึงเชื่อมโยงผู้ขายและผู้ซื้อเข้าด้วยกัน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างความหลากหลายให้เศรษฐกิจของดูไบ DMCC ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2002 เพื่อส่งเสริมธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ภายในดูไบ

            Leake กล่าวว่า “ดูไบเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญ โดยเชื่อมโยงถึงประชากรโลกร้อยละ 60 ผ่านเส้นทางบินตรงภายในระยะเวลาไม่เกินแปดชั่วโมง จึงนับเป็นโอกาสทางธุรกิจอันดียิ่งให้แก่บริษัทต่างๆ เรามุ่งหวังที่จะสร้างการเติบโตในธุรกิจทองคำ อัญมณี เพชร และเครื่องประดับ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าราวร้อยละ 27 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์”

โอกาสทอง

            การศึกษาโดย QYResearch Group ในเดือนมิถุนายน 2021 ได้ประเมินมูลค่าของตลาดอัญมณีและเครื่องประดับทอง ทองคำแท่ง และโลหะเงินในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์อยู่ที่ 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 และคาดว่าน่าจะใกล้แตะระดับ 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปลายปี 2030 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) อยู่ที่ร้อยละ 3.66 ในช่วงปี 2021 ถึง 2030

            นอกจากนี้ World Gold Council (WGC) ยังได้ระบุว่าตะวันออกกลางเป็นหนึ่งในตลาดที่ผลักดันการเติบโตของอัญมณีและเครื่องประดับทองในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2021 ร่วมกับจีนและอินเดีย “ตลาดทุกแห่งในตะวันออกกลางมีการเติบโตในไตรมาสที่สามจากช่วงเดียวกันของปี 2020 เนื่องจากราคาทองต่ำลงและค่อนข้างมีเสถียรภาพในขณะที่มาตรการควบคุมโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลง” WGC ระบุ

            ความต้องการเครื่องประดับทองในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์เติบโตขึ้นร้อยละ 116 เป็น 8.2 ตันในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2021 จากเดิมที่ 3.8 ตันในไตรมาสที่สามของปี 2020 ทาง WGC เสริมว่าการมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอินเดียนั้นได้ช่วยกระตุ้นความต้องการเครื่องประดับทอง

            ปริมาณการบริโภคอัญมณีและเครื่องประดับรายปีของดูไบอยู่ในช่วงระหว่าง 200 ถึง 220 ตัน ตามข้อมูลจาก Tawhid Abdullah ประธานของ Dubai Gold & Jewellery Group (DGJG) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบรนด์ผู้ค้าส่งและค้าปลีกอัญมณีและเครื่องประดับ Jawhara องค์กร DGJG นับเป็นองค์กรด้านการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในดูไบโดยมีสมาชิกเป็นบริษัทราว 600 แห่งในทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมนี้

            Abdullah ให้ความเห็นว่าการผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 60 ถึง 70 ตัน “เราเน้นที่ปริมาณและคิดอัตรากำไรต่ำมากทำให้เรายังคงรักษาระดับราคาไม่ให้สูงได้ ร้านอัญมณีและเครื่องประดับและเครือข่ายของเราขายผลิตภัณฑ์ที่มีการคิดกำไรบวกเพิ่มเพียงร้อยละ 4 จนถึงร้อยละ 10-15 ซึ่งแทบหาไม่ได้ในที่อื่นๆ” 

            ดูไบยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการจัดส่งอัญมณีและเครื่องประดับไปยังประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) อันได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ บาห์เรน โอมาน และคูเวต ประเทศอื่นๆ ภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกาตอนเหนือ กลาง และใต้ เอเชียกลาง ยุโรปตอนใต้และรัสเซีย

            ส่วนประเทศผู้จัดหาอัญมณีและเครื่องประดับให้แก่ดูไบรายหลักๆ ได้แก่ อิตาลี อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และตุรกี Giordana Giordini หุ้นส่วนของผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับอิตาลี Giordini srl และประธานฝ่ายผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับขององค์กรการค้า Confindustria Arezzo กล่าวว่า ผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับอิตาเลียนในอเรซโซส่งออกผลิตภัณฑ์กว่าร้อยละ 25 ไปยังดูไบเพื่อส่งต่อไปยังตลาดใกล้เคียงและตลาดที่อยู่ห่างออกไป

            Gem & Jewellery Export Promotion Council ระบุว่าอัญมณีและเครื่องประดับส่งออกของอินเดียราวร้อยละ 40 ส่งมายังตะวันออกกลาง และตัวเลขจาก Jewellery Exporters’ Association of Turkey (JTR) แสดงให้เห็นว่า ในการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของตุรกีช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน 2021 นั้น ผลิตภัณฑ์ 1 ใน 4 หรือคิดเป็นมูลค่า 987 ล้านเหรียญสหรัฐได้ส่งมายังตะวันออกกลาง การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปยังอิรักเติบโตมากถึงร้อยละ 400 ขณะที่การส่งอัญมณีและเครื่องประดับเงินไปยังอียิปต์เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 360 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019 มาอยู่ที่ 13.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

            ตามข้อมูลของ JTR การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับทองและอัญมณีและเครื่องประดับเพชรจากตุรกีไปยังตะวันออกกลางเติบโตร้อยละ 157 ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2021 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019

เจาะตลาดอัญมณี

อัญมณีและเครื่องประดับเพชรแบรนด์ Devji Aurum


การใช้จ่ายในภาคค้าปลีก

            ในรายงาน Jewellery in the United Arab Emirates เมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 Euromonitor International ระบุว่า เมื่อปีที่แล้วชาวเอมิเรสต์เปลี่ยนแนวทางการซื้ออัญมณีและเครื่องประดับหรูหราจากเดิมที่ซื้อในยุโรปหันมาหาแบรนด์จากในและต่างประเทศที่ดำเนินการอยู่ภายในประเทศของตน จึงช่วยชดเชยยอดขายที่สูญเสียไปบางส่วนจากการขาดนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปี 2020

            สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์กลับมาเปิดเมืองเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และการกลับมาของกิจกรรมทั้งภายในประเทศ ภายในภูมิภาค และในต่างประเทศก็ช่วยกระตุ้นการบริโภคให้เพิ่มขึ้น ราคาทองที่ดึงดูดใจในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 ก็ช่วยขับเคลื่อนความต้องการด้วยเช่นกัน

            “การจัดงานแต่งงานเริ่มกลับมาอีกครั้ง อัญมณีและเครื่องประดับแท้จึงน่าจะมีการเติบโตในแง่มูลค่าสูงกว่าอัญมณีและเครื่องประดับเทียมในปี 2021 แต่เมื่อถึงปี 2022 อัญมณีและเครื่องประดับทั้งสองกลุ่มน่าจะมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขหนึ่งหลักในระดับใกล้เคียงกัน แม้ว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์มีอัตราการฉีดวัคซีนที่รวดเร็ว แต่สถานที่จัดงานแต่งงานก็ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด ในขณะที่งานแต่งงานในประเทศนี้มักเป็นงานขนาดใหญ่ซึ่งทองและอัญมณีเครื่องประดับหรูหรามีบทบาทสำคัญ” Euromonitor ระบุ

ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ

ร้านอัญมณีและเครื่องประดับแบรนด์ Devji Aurum

            Abdullah จาก DGJG เชื่อว่าการบริโภคอัญมณีและเครื่องประดับของดูไบในปี 2021 จะยังคงอยู่ที่ราว 200 ตัน โดยมีการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับโดยเฉพาะไปยังประเทศในอ่าวอาหรับอยู่มากพอสมควร รวมถึงนักท่องเที่ยวก็จะเริ่มกลับมา

            แบรนด์อัญมณีและเครื่องประดับในธุรกิจค้าปลีก Devji Aurum Design House & Studio พบว่าความต้องการในปี 2021 กระเตื้องขึ้นหลังจากซบเซาลงในปี 2020 ตามข้อมูลจาก Mahesh Devji กรรมการบริษัท แบรนด์นี้มีร้าน 8 แห่งในบาห์เรน 3 แห่งในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (ดูไบ) 4 แห่งในโอมาน และ 2 แห่งในอินเดีย 

            “เนื่องจากยังมีคำเตือนเรื่องการรวมกลุ่มทางสังคม ความต้องการอัญมณีและเครื่องประดับส่วนใหญ่จนกระทั่งถึงก่อนช่วงปลายปี 2021 จึงเน้นไปยังอัญมณีและเครื่องประดับที่จำเป็น อัญมณีและเครื่องประดับสำหรับให้เป็นของขวัญ และอัญมณีและเครื่องประดับสำหรับโอกาสสำคัญในชีวิต เช่น การแต่งงานและการครบรอบแต่งงาน แนวโน้มนี้น่าจะยังคงอยู่ต่อไปจนกว่าการเดินทางจะกลับมาเป็นปกติ” Devji ให้ความเห็น “ในปัจจุบันอัญมณีและเครื่องประดับแท้สำหรับใส่ในชีวิตประจำวันเป็นที่ต้องการมาก ความต้องการอัญมณีและเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นก็กระเตื้องขึ้นในช่วงปี 2021 เช่นกัน”

            ในช่วงที่ธุรกิจเงียบลงเนื่องจากการระบาด Devji Aurum ได้ขยายผลงานการออกแบบในหลายหมวด ตั้งแต่อัญมณีและเครื่องประดับแต่งงานและอัญมณีและเครื่องประดับแฟชั่นไปจนถึงอัญมณีและเครื่องประดับที่เป็นเอกลักษณ์ประจำแบรนด์อย่าง Ruhi นอกจากนี้ยังได้เสริมความแข็งแกร่งให้แบรนด์ด้วยการเปิดร้านคอนเซ็ปต์ House of Devji แห่งแรกซึ่งนำเสนอสินค้าจากทุกแบรนด์ของทางบริษัทในบาห์เรนปีที่ผ่านมา บริษัทยังได้วางแผนที่จะเปิดร้านคอนเซ็ปต์คล้ายกันนี้ในประเทศอื่นๆ ด้วย

ธุรกิจอัญมณี

Ruhi Collection แบรนด์ Devji Aurum

            การท่องเที่ยวและการจัดงานต่างๆ ช่วยเพิ่มความต้องการอัญมณีและเครื่องประดับในภูมิภาคอ่าวอาหรับ งาน World Expo Dubai 2020 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 ถึงมีนาคม 2022 ช่วยเรียกผู้เข้าชมงานจากทั่วโลกซึ่งอยากเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ และรับข้อเสนอจากร้านค้า Devji คาดว่ายอดขายอัญมณีและเครื่องประดับในชีวิตประจำวันและอัญมณีและเครื่องประดับที่เน้นเอกลักษณ์โดดเด่นจะมีแนวโน้มสูงขึ้นในดูไบจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเข้าชมงาน Expo

            งานระดับนานาชาติงานอื่นๆ เช่น ฟุตบอลโลก 2022 ในกาตาร์ก็น่าจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมการซื้อขายผลิตภัณฑ์หรูหรารวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับด้วยเช่นกัน

รสนิยมที่เปลี่ยนแปลงไป

            แม้ว่าภูมิภาคอ่าวอาหรับมักนิยมอัญมณีและเครื่องประดับทอง แต่ความต้องการอัญมณีและเครื่องประดับเพชรและพลอยสีก็กำลังเพิ่มสูงขึ้น ตามความเห็นจาก Ashish Garg หัวหน้าฝ่ายการขายและการตลาดของ KGK Diamonds & Jewellery สาขาด้านการตลาดในตะวันออกกลางของกลุ่มบริษัทอัญมณีและเครื่องประดับ KGK Group บริษัทเน้นการค้าระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพชรร่วง อัญมณีและเครื่องประดับเพชร พลอยร่วง อัญมณีและเครื่องประดับพลอยสี ตลอดจนอัญมณีและเครื่องประดับที่ไม่มีแบรนด์ในภูมิภาคอ่าวอาหรับ ตะวันออกกลาง รวมถึงแอฟริกาเหนือ

            “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ค้าปลีกในประเทศ GCC เริ่มตระหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าอัญมณีและเครื่องประดับเพชรนั้นให้อัตรากำไรสูง ผู้บริโภคจำนวนมากหันเหความสนใจจากอัญมณีและเครื่องประดับทองมายังอัญมณีและเครื่องประดับเพชร เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ซึ่งมีราคาเอื้อมถึงได้ ทันสมัย และน่าจะประสบความสำเร็จมากกว่าอัญมณีและเครื่องประดับทองให้แก่คู่ค้าแบบ B2B ของเรา ดังนั้นเราจึงสำรวจความต้องการ จัดหาผลิตภัณฑ์ และมอบสิ่งเหล่านี้ให้ผู้ค้าปลีกได้นำไปสร้างธุรกิจให้เติบโต” Garg อธิบาย

            ตลาดพลอยร่วงและอัญมณีและเครื่องประดับพลอยสีก็ได้รับแรงกระตุ้นในช่วงหลังล็อคดาวน์เช่นกัน เนื่องจากผู้บริโภคหันมาสนใจความสดใส สีสัน และความรื่นเริงหลังจากผ่านบรรยากาศที่ซบเซาในช่วงโรคระบาด

            Garg กล่าวเสริมว่าเพชรที่ผ่านการรับรองคุณภาพกำลังวางรากฐานที่มั่นคงในตลาด GCC โดยระบุว่า หากผลิตภัณฑ์ตรงตามความต้องการสินค้าหรูหราของผู้บริโภคฐานะดีในอ่าวอาหรับก็จะประสบความสำเร็จในตลาดได้อย่างแน่นอน

            Garg กล่าวว่า “KGK เชื่อมั่นในการสำรวจตลาดอย่างเจาะลึกและทำความเข้าใจผู้บริโภคแทนที่จะเข้าใจเฉพาะคู่ค้าในภาคค้าปลีกและค้าส่ง เราพยายามเข้าใจสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ แล้วนำผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมาเสนอแก่คู่ค้าในธุรกิจค้าปลีก เราแนะนำให้ผู้จัดหาที่พยายามเจาะตลาดตะวันออกกลางทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคและจัดหาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับตลาดมากกว่าแค่ขายสิ่งที่ตัวเองผลิต”

            Sanjay Kothari รองประธานของ KGK Group กล่าวว่า KGK ดำเนินธุรกิจในตะวันออกกลางมาราว 24 ปีแล้วและเชื่อมั่นอย่างแท้จริงในศักยภาพและการเติบโตของตลาดนี้ “ผู้ค้าส่งจากรัสเซีย กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) และแอฟริกา มักจัดหาทองคำและอัญมณีและเครื่องประดับจากดูไบ แต่เราก็นำเสนอเพชรและอัญมณีและเครื่องประดับเพชรของเราให้ผู้ค้าส่งเหล่านี้พิจารณาด้วย เราหวังว่าผู้จัดซื้อจากภูมิภาคเหล่านี้ซึ่งมีความชื่นชอบเพชรและอัญมณีและเครื่องประดับแท้จะเปิดรับผลิตภัณฑ์ของเรา” เขากล่าว

            Kothari ยังได้กล่าวถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมักหันไปเน้นอัญมณีและเครื่องประดับเพชรระดับคุณภาพสูงซึ่งมีราคาที่เอื้อมถึงได้และการออกแบบที่เก๋ไก๋

อัญมณีและเครื่องประดับตะวันออกกลาง

แนวโน้มธุรกิจอัญมณี

อัญมณีในตะวันออกกลาง

อัญมณีในแอฟริกา

อัญมณีและเครื่องประดับเพชรแบรนด์ KGK Diamonds & Jewellery


            Abdullah เห็นด้วย รสนิยมของผู้บริโภคใน GCC นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เขาระบุว่าผู้บริโภครุ่นใหม่หันมาสนใจอัญมณีและเครื่องประดับขนาดเล็กที่ดูทันสมัยกันมากขึ้น

            เขากล่าวว่า “ภูมิภาคอ่าวอาหรับมีประชากรอายุน้อยเป็นจำนวนมาก ประชากรราวร้อยละ 65 มีอายุต่ำกว่า 25 ปี หญิงสาวชาวอ่าวอาหรับเริ่มสนใจอัญมณีและเครื่องประดับขนาดเล็กที่ดูประณีตและทันสมัย พวกเธอหลีกเลี่ยงงานออกแบบขนาดใหญ่เทอะทะ สร้อยคอยาว และอัญมณีและเครื่องประดับน้ำหนักมาก แล้วหันมาสนใจอัญมณีและเครื่องประดับตามเทรนด์ใหม่ๆ แทน”

            ผู้บริหารของ DGJG กล่าวว่าที่น่าสนใจคือแม้แนวโน้มดังกล่าวทำให้น้ำหนักอัญมณีและเครื่องประดับที่ขายได้นั้นลดลง แต่ผู้ขายก็ได้รับการชดเชยในแง่ปริมาณ ผู้บริโภคซื้ออัญมณีและเครื่องประดับชิ้นเล็กลงก็จริง แต่ก็ซื้อบ่อยขึ้นเพื่อให้ทันเทรนด์แฟชั่นใหม่ล่าสุด 

            “เราต้องออกคอลเล็คชันใหม่ปีละสี่ห้าครั้งเพื่อสนองความต้องการสินค้าใหม่ๆ ในตลาด วิธีนี้ช่วยให้ขายอัญมณีเครื่องประดับได้มากขึ้นเมื่อคิดเป็นจำนวนชิ้นและผลิตงานออกแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเสียน้ำหนักโลหะไปจากการที่อัญมณีและเครื่องประดับมีขนาดเล็กลง แต่กระบวนการขายก็ง่ายขึ้น” Abdullah เผย

ศักยภาพจากแอฟริกา

            แอฟริกาเป็นตลาดอีกแห่งหนึ่งซึ่งดูมีศักยภาพสำหรับกิจการอัญมณีและเครื่องประดับจากยุโรปและตะวันออกกลาง Giordini เผยว่าอเรซโซกำลังอบรมตัวแทนจำหน่ายในแอฟริกาในปีนี้และปีหน้า เธอกล่าวด้วยว่าผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับจากอิตาลีลงทุนด้านเทคโนโลยีในช่วงการระบาดเพื่อพัฒนาการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับน้ำหนักเบาซึ่งดูมีขนาดใหญ่เพื่อสนองความต้องการของตลาดแอฟริกา

            “เรากำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับตลาดนี้ เราทำยอดขายในแอฟริกาเหนือได้แล้ว ขั้นต่อไปคือการเจาะตลาดลูกค้าใหม่ในแอฟริกากลางและใต้” Giordini กล่าว

            Abdullah เผยว่า ประเทศอย่างเช่นไนจีเรียและเซเนกัลเริ่มมีความสำคัญต่อดูไบมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห่วงโซ่อุปทานของการเพิ่มมูลค่า ประเทศเหล่านี้ส่งทองคำมายังดูไบเพื่อผลิตเป็นอัญมณีและเครื่องประดับซึ่งจะส่งออกไปยังตลาดในแอฟริกา เขาระบุว่าอัญมณีเครื่องประดับที่แวววาว มีสีสัน และมีขนาดใหญ่ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคในประเทศเหล่านี้ 

            “แม้ว่ากิจการจากแอฟริกาเหนือบางส่วนได้ย้ายฐานจากสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ไปยังศูนย์กลางการผลิตอื่นๆ เช่น ตุรกี แต่ในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมาก็มีกิจการจากแอฟริกากลางเข้ามามากพอสมควร” Abdullah กล่าว

ข้อมูลอ้างอิง


JNA. November/December 2021. Tapping emerging markets to widen business horizons. [Online]. Available at https://news.jewellerynet.com/uploads/ebook/jna/2021/issue430_Nov2021
/v2/.

เอกสารแนบ

เราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้   ตั้งค่า ยอมรับ

×
140 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ชั้น 4 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: 0 2634 4999 ต่อ 444
โทรสาร: 0 2634 4970