เมืองรองของจีนขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจเครื่องประดับ
แบรนด์สินค้าหรูจำนวนมากได้เจาะตลาดเมืองระดับ 1 และระดับ 2 ของจีนไปแล้ว ผู้ขายเครื่องประดับจึงหันมาให้ความสนใจพื้นที่กำลังพัฒนาซึ่งนำเสนอโอกาสในการเติบโตไม่แพ้กัน เมืองรองระดับ 3 และ 4 เป็นที่อยู่อาศัยของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงพร้อมรับการขยายตัวของกิจการและการสร้างเสริมแบรนด์ในตลาดใหม่ซึ่งจะช่วยสร้างฐานลูกค้าประจำในอนาคต
จีนมีประชากรมากถึง 1,411 ล้านคนนับได้ว่าเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ตลาดจีนมีความน่าสนใจ หมายความว่าจีนมีผู้บริโภคหรือลูกค้าที่อาจซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคกว่าพันล้านราย แบรนด์สินค้าหรูรวมถึงเครื่องประดับมักมุ่งตรงเข้าไปยังบรรดาเมืองใหญ่ซึ่งมีความเจริญรุ่งเรือง โดยสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับแบรนด์ใหญ่ๆ ก็คือการเปิดกิจการในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และกวางโจว ซึ่งเป็นเมืองระดับ 1 ที่มีประชากรอยู่อาศัยมากกว่า 10 ล้านคนขึ้นไป
แต่หลังจากการพัฒนาที่กระจุกตัวตลอดหลายทศวรรษ ตลาดเครื่องประดับในจุดศูนย์รวมผู้บริโภคเหล่านี้ก็คลาคล่ำไปด้วยแบรนด์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อการแข่งขันในเมืองระดับ 1 และเมืองระดับ 2 ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ 30 เมือง ทวีความเข้มข้นขึ้น การเติบโตของตลาดเครื่องประดับจึงขยายไปอยู่ที่เมืองระดับรองๆ ลงมาซึ่งมีการพัฒนาน้อยกว่าแต่นำเสนอโอกาสที่ดีไม่แพ้กัน
สำนักสถิติแห่งชาติระบุว่า ประชากรจีนกว่าสามในสี่หรือร้อยละ 77.55 อาศัยอยู่ในเมืองตั้งแต่ระดับ 3 ลงมา การขยายธุรกิจในเขตเทศบาลและตำบลในเมืองขนาดรองจึงมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อแบรนด์เครื่องประดับที่ต้องการเติบโตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี การดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในพื้นที่ซึ่งมีโอกาสในการทำกำไรสูงนี้ต้องอาศัยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์ การเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน และการวิเคราะห์ข้อมูลอันแม่นยำ
แบรนด์ดังขยายธุรกิจรับการเติบโต
ความต้องการเครื่องประดับที่เพิ่มสูงขึ้นในเมืองรองระดับ 3 และ 4 เป็นผลมาจากชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตในเมืองเหล่านี้มีรายได้สุทธิมากขึ้นกว่าเดิม จึงมีกำลังที่จะซื้อสินค้าหรูอย่างเครื่องประดับได้ นอกจากนี้ การพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ก็ช่วยให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ และพื้นที่ชนบทสามารถซื้อเครื่องประดับทางออนไลน์ได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้ประชากรในวงกว้างเข้าถึงความหรูหราได้มากกว่าเดิม
ยอดขายเครื่องประดับที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้สะท้อนให้เห็นความสามารถของเมืองรองระดับ 3 ลงมาในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจเครื่องประดับ ร้านค้าเครือข่ายขนาดใหญ่หลายแห่งพึ่งพาร้านแฟรนไชส์ในท้องถิ่นเพื่อเร่งการขยายธุรกิจ โดยอาศัยประโยชน์จากองค์ความรู้ของกิจการท้องถิ่นในแง่การดำเนินงานและสภาพตลาดในแต่ละพื้นที่
หนึ่งในแบรนด์ผู้ขายเครื่องประดับรายใหญ่ของจีนที่เน้นกลยุทธ์เจาะเข้าสู่เมืองรองระดับ 3 และ 4 ก็คือ Chow Tai Fook ที่เร่งการพัฒนาจุดค้าปลีกในเมืองระดับ 3 และเมืองระดับ 4 ลงมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 (ตั้งแต่ 1 เมษายน 2561 ถึง 31 มีนาคม 2562)
ในขณะที่รัฐบาลส่งเสริมการขยายเขตเมืองและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องในเมืองรองระดับ 3 ลงมาและพื้นที่ชนบท เครือบริษัทเครื่องประดับขนาดใหญ่ก็เล็งเห็นศักยภาพด้านการพัฒนาในพื้นที่เหล่านี้เช่นกัน โดยใช้รูปแบบกิจการแฟรนไชส์เพื่อเจาะตลาดเมืองรองระดับ 3 และ 4 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองระดับอำเภอ
Chow Tai Fook สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในเมืองรองระดับ 3 ลงมาได้อย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีมานี้ด้วยการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากร้านแฟรนไชส์ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทางกลุ่มบริษัทได้เพิ่มจำนวนร้านค้าของ Chow Tai Fook ในจีนแผ่นดินใหญ่ จากประมาณ 3,500 แห่งเป็นกว่า 7,000 แห่ง และค่อยๆ เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดทั่วประเทศจากร้อยละ 7 - 8 เป็นร้อยละ 10 - 11 จึงช่วยให้แบรนด์บรรลุเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนร้านเครื่องประดับภายในปีงบประมาณ 2566 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการที่ตั้งไว้ในอีกสองปีข้างหน้า
นอกจากนี้ เพื่อขยายอิทธิพลของแบรนด์และส่วนแบ่งทางการตลาด ทางกลุ่มบริษัท Chow Tai Fook ยังได้เปิดตัว Boutique Project ในช่วงต้นปี 2565 โดยมุ่งเป้าหมายไปยังกิจการขนาดเล็กที่ใช้พนักงานจำนวนน้อย ใช้เงินลงทุนปานกลาง และให้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล ร้านเหล่านี้สามารถเจาะตลาดได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับสนับสนุนนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งยังช่วยส่งเสริมการกระจายความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และการนำเสนอบริการเฉพาะบุคคล ติดตามกระแสการบริโภคใหม่ๆ และช่วยให้แบรนด์ได้ใกล้ชิดลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เป้าหมายเบื้องต้นของทางบริษัท Chow Tai Fook ในช่วงปีงบประมาณ 2567 คือการเปิดร้านค้าเครื่องประดับแห่งใหม่ 600 - 800 แห่งในจีน แต่ตัวเลขจริงจะขึ้นอยู่กับโอกาสในตลาดเป็นสำคัญ โดยร้านค้าเปิดใหม่ราวร้อยละ 40 - 50 จะเป็นร้านที่บริษัทดำเนินกิจการเองโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองระดับ 1 และระดับ 2 ส่วนที่เหลือนั้นเป็นร้านแฟรนไชส์ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการขยายตัวในเมืองรองระดับ 3 ลงมา
สัดส่วนยอดขายเครื่องประดับของบริษัท Chow Tai Fook ในเมืองระดับต่างๆ ของจีน (กลางปีงบประมาณ 2566)
ที่มา: Chow Tai Fook Jewellery Group
รสนิยมของผู้บริโภคในตลาดจีน
ผู้บริโภคชาวจีนในแต่ละเมืองมีรสนิยมที่แตกต่างกันในการซื้อเครื่องประดับ โดยเครื่องประดับทองล้วนนั้นสร้างยอดขายได้สูงสุดในตลาดเมืองรองระดับ 3 ลงมา ตามข้อมูลจากรายงานพัฒนาการอุตสาหกรรมเครื่องประดับจีน (China Jewelry Industry Development Report) ประจำปี 2565 โดย Gems & Jewelry Trade Association of China ที่เผยแพร่ล่าสุดพบว่า ยอดค้าปลีกเครื่องประดับโดยรวมในจีนอยู่ที่ 719,000 ล้านหยวน (ราว 106,730 ล้านเหรียญสหรัฐ ) ในปี 2565 ลดลงเพียงร้อยละ 0.14 เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีมูลค่าค้าปลีกเครื่องประดับ 720,000 ล้านหยวน (ราว 111,578 ล้านเหรียญสหรัฐ ) ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ที่มา: รายงานพัฒนาการอุตสาหกรรมเครื่องประดับจีนปี 2565 จัดทำโดยสมาคมการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของจีน
ระบบการจัดระดับเมืองของจีน
เมืองต่างๆ ในจีนได้รับการจัดระดับตามเกณฑ์ ได้แก่ GDP ระดับรายได้ การบริหารเขตเทศบาล และจำนวนประชากร นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาถึงความหนาแน่นของทรัพยากรเชิงพาณิชย์ ความสำคัญในฐานะศูนย์กลางเมือง กิจกรรมของผู้อยู่อาศัยในเขตเมือง ความหลากหลายของวิถีชีวิต และความยืดหยุ่นในการเติบโต เมืองระดับ 1 เป็นเมืองที่มีการพัฒนามากที่สุด ประชากรมีระดับรายได้สูง และมีค่าครองชีพสูงกว่าเมืองอื่นๆ เมืองระดับ 2 มีจำนวนประชากรหนาแน่นน้อยกว่า ประชากรมีช่วงอายุน้อยกว่า และมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูงกว่า แต่ค่าใช้จ่ายในการครองชีพก็ยังจัดอยู่ในระดับค่อนข้างสูง เมืองระดับ 3 และระดับ 4 เป็นเมืองที่กำลังเติบโต ประชากรมีอายุน้อยกว่าและมีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยและค่าครองชีพต่ำกว่า ระยะทางจากบ้านไปที่ทำงานสั้นกว่า และประชากรมีเวลาว่างมากกว่า แต่ระบบโครงสร้างพื้นฐานยังคงอยู่ระหว่างการพัฒนา
ข้อมูลอ้างอิง
2) Tech in Asia. 2023. Forget Shanghai. China’s lower-tier cities are set to fuel consumption. [Online]. Available at: https://www.techinasia.com/forget-shanghai-chinas-lowertier-cities-set-fuel-consumption.
3) JNA. May/June 2023. China’s lower-tier cities fuel jewellers’ growth engines. [Online]. Available at: https://news.jewellerynet.com/en/jnanews/features/25131/050323-Chinas-lower-tier-cities-fuel-jewellers-growth-engines.
4) Jiemian Global. 2023. China’s gold retailers see glittering profits in Q1. [Online]. Available at: https://en.jiemian.com/article/9412454.html.
5) Yicai. 2022 Ranking of Cities’ Business Attractiveness in China 2022. [Online]. Available at: https://www.yicaiglobal.com/news/ranking-of-chinese-cities-business-attractiveness-2022.
6) Vogue Business. 2022. Gold jewellery is trending among China’s Gen Z. [Online]. Available at: https://www.voguebusiness.com/consumers/gold-jewellery-is-trending-among-chinas-gen-z.
7) GMA. 2022. China Jewelry Market Trends and Insights 2022-2030. [Online]. Available at: https://fashionchinaagency.com/chinese-jewelry-market-guide/.
8) Euromonitor. November 2022. Jewellery in China. [Online]. Available at: https://www.portal.euromonitor.com/Analysis/.
9) JNA. December 2022. China navigates challenges and bright spots in jewellery sector. [Online]. Available at https://news.jewellerynet.com/en/jnanews/features/24935/120522-China-navigates-challenges-and-bright-spots-in-jewellery-sector.