โอกาสการเติบโตของตลาดเครื่องประดับเฉพาะบุคคล
ตลาดเครื่องประดับเฉพาะบุคคลกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมเครื่องประดับในปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการเครื่องประดับที่แสดงออกถึงความเป็นตัวตน เหมาะสมกับบุคลิกหรือลักษณะเฉพาะของตนเองมากขึ้น ผู้ประกอบการหรือแบรนด์ต่างๆ จึงหันมาสร้างโอกาสธุรกิจโดยการให้ลูกค้าเข้าไปมีส่วนร่วมในการออกแบบเครื่องประดับ ตั้งแต่การเลือกวัสดุ อัญมณี ไปจนถึงการดีไซน์ได้ตามความต้องการของลูกค้า จึงทำให้เครื่องประดับเหล่านี้มีความพิเศษเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากเครื่องประดับทั่วไป
เครื่องประดับเฉพาะบุคคล กระแสยูนีคในตลาดเครื่องประดับโลก
การค้าปลีกเครื่องประดับในตลาดโลกกำลังเปลี่ยนจากการผลิตครั้งละจำนวนมากไปสู่การผลิตเครื่องประดับเฉพาะบุคคล การผลิตตามคำสั่งพิเศษของลูกค้า และจำนวนจำกัด เช่น การสลักชื่อบนจี้ แหวนตราสัญลักษณ์ (Signet Ring) และเครื่องประดับอัญมณีตามราศีเกิด เป็นต้น แม้อาจดูเหมือนเป็นแนวโน้มใหม่ แต่เครื่องประดับที่ทำตามความต้องการของลูกค้าได้เป็นที่นิยมมานานแล้วตั้งแต่สมัยโบราณ
กำไลข้อมือสลักชื่อ ภาพจาก www.giva.co
จี้สลักชื่อและแหวนตราสัญลักษณ์มีรากฐานทางประวัติศาสตร์ที่ราชวงศ์มักสวมใส่อยู่เสมอ อย่างเช่นเจ้าหญิงไดอาน่าและแอนน์ โบลีน มักจะสวมสร้อยคอที่มีชื่อย่อ ส่วนแหวนตราสัญลักษณ์ซึ่งทำหน้าที่แทนลายเซ็นในยุคโบราณก็กลายเป็นสัญลักษณ์สถานะในหมู่ชนชั้นสูง และเป็นที่นิยมของลูกค้าทั่วไปมาจนถึงปัจจุบัน
เครื่องประดับหินสีประจำเดือนเกิดมีต้นกำเนิดจากความเชื่อของชาวฮินดูโบราณ ซึ่งระบุว่ามีอัญมณีบางชนิดที่มีความสัมพันธ์กับพลังแห่งจักรวาล ในทำนองเดียวกัน นักประวัติศาสตร์ในโลกตะวันตกได้เชื่อมโยงสัญลักษณ์จักรราศีทั้ง 12 กับอัญมณีทั้ง 12 เม็ดที่ฝังอยู่ในเสื้อเกราะของอาโรน ในพระคัมภีร์ไบเบิล แนวโน้มในการสวมใส่อัญมณีประจำเดือนเกิดนี้กลายเป็นแฟชั่นในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 16 และยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้
ความต้องการของผู้คนในการแสดงออกถึงตัวตน บุคลิก มุมมอง และคุณค่าของตนเองนั้นเห็นได้ชัดมากขึ้นในปัจจุบัน ผู้บริโภคจึงต้องการเครื่องประดับเฉพาะบุคคลมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์ออกแบบสิ่งที่เป็นตัวเองและเป็นเอกลักษณ์ของตนได้อย่างแท้จริง และด้วยการพัฒนาเครื่องประดับที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงอาจกล่าวได้ว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายทศวรรษ
จากข้อมูลของ Cognitive Market Research รายงานว่า ในปี 2567 ตลาดเครื่องประดับเฉพาะบุคคลของโลก มีมูลค่าประมาณ 42,512 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8.6% ต่อปี ในระหว่างปี 2567 - 2574
เครื่องประดับเฉพาะบุคคลในรูปแบบต่างๆ
เครื่องประดับเฉพาะบุคคลหรือเครื่องประดับส่วนบุคคล จะถูกออกแบบมาเฉพาะเจาะจงสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้สวมใส่ เช่น สร้อยข้อมือชาร์มที่สื่อถึงช่วงเวลาพิเศษ กลายเป็นสิ่งเตือนใจอันล้ำค่า ช่วยสะท้อนสไตล์และบุคลิกภาพที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นของขวัญพิเศษเฉพาะบุคคลที่จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้รับ โดยการผลิตเครื่องประดับส่วนบุคคลสามารถทำได้ดังนี้
การใช้เทคโนโลยีในการผลิต: การใช้เทคโนโลยีปรับแต่งสร้างความแตกต่างให้กับเครื่องประดับสำหรับลูกค้าแต่ละคน เช่น เครื่องพิมพ์แบบสามมิติ ช่วยให้นักออกแบบสามารถสร้างชิ้นงานเครื่องประดับที่สลับซับซ้อนและมีรายละเอียดสูงด้วยความแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ชิ้นงานไม่ซ้ำใคร หรือการแกะสลักด้วยเลเซอร์ ซึ่งนักออกแบบสามารถออกแบบข้อความ ลวดลายที่ซับซ้อนบนพื้นผิวโลหะด้วยความแม่นยำและรายละเอียดที่ไม่เหมือนใคร หรือแกะสลักตามคำสั่งของลูกค้า ซึ่งสะท้อนแก่นแท้ของบุคลิกภาพและเรื่องราวของผู้สวมใส่ ตั้งแต่อักษรย่อและวันที่ไปจนถึงรูปแบบและสัญลักษณ์ที่ซับซ้อน
ซอฟแวร์ออกแบบเครื่องประดับสามมิติ ภาพ: https://all3dp.com/1/3d-printing-jewelry-the-ultimate-guide/
การผลิตตามคำสั่ง: ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุ เช่น ทองคำ เงิน แพลทินัม เพชร และพลอยสีต่าง ๆ รวมถึงการออกแบบรูปทรง ขนาด และลวดลายที่ต้องการได้ อีกทั้งลูกค้ายังสามารถให้ร้านใส่ข้อความตัวเอง เช่น ชื่อ วันเกิด วันครบรอบแต่งงาน หรือข้อความพิเศษลงบนเครื่องประดับ ซึ่งทำให้สินค้าเหล่านี้มีความหมายพิเศษยิ่งขึ้น
การผลิตด้วยมือ: ผู้บริโภคกำลังมองหาเครื่องประดับที่สะท้อนความเป็นตัวตนและบอกเล่าเรื่องราวมากขึ้นเรื่อยๆ เครื่องประดับทำมือทำให้สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า เช่น การแกะสลักชื่อ ใช้อัญมณีประจำเดือนเกิด หรือสัญลักษณ์ที่มีความหมาย เป็นการเพิ่มความรู้สึกส่วนตัวและทำให้เครื่องประดับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นจี้ สร้อยข้อมือ หรือแหวน การแกะสลักข้อความหรือเพิ่มสัญลักษณ์จะช่วยให้ลูกค้าได้ชิ้นงานที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร
การใช้ภาพถ่ายหรือรูปภาพ: เครื่องประดับที่มีการใช้ภาพถ่ายของคนที่รักหรือภาพถ่ายที่มีความหมาย เช่น จี้ที่มีรูปภาพของครอบครัว หรือกำไลที่มีภาพถ่ายของลูก เป็นต้น
จี้หัวใจภาพถ่าย สลักชื่อ และวันที่ ภาพจาก: https://www.alibaba.com/
การนำสิ่งของหรือวัสดุที่มีความหมายพิเศษมาใช้: การนำวัสดุหรือสิ่งของที่มีความสำคัญทางจิตใจมาใช้ในเครื่องประดับ เช่น การใส่เถ้ากระดูกของบุคคลอันเป็นที่รักในจี้ หรือการใส่เส้นผมในแหวน เป็นต้น
การเน้นที่ความยั่งยืน: ผู้บริโภคยุคใหม่มีความสนใจในเรื่องของความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีการทำงานร่วมกับช่างฝีมือท้องถิ่นมากขึ้น การรับรองและการตรวจสอบที่มาของวัสดุ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการผลิต ซึ่งการผลิตเครื่องประดับเฉพาะบุคคลสามารถเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืนและมีจริยธรรม เช่น โลหะรีไซเคิล และอัญมณีที่ปราศจากความขัดแย้ง ซึ่งสอดคล้องกับคุณค่าที่ต้องการของผู้บริโภค
ปัจจุบันผู้ค้าปลีกเครื่องประดับมักขายเครื่องประดับผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งทำให้เข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลกได้ง่ายขึ้น และได้มีการใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) เพื่อให้ผู้บริโภคเลือกรูปแบบและลองสวมใส่เครื่องประดับแบบเสมือนจริงก่อนการตัดสินใจซื้อ ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เครื่องประดับเฉพาะบุคคลเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผู้ค้า/แบรนด์ของไทยหลายรายก็ให้บริการออกแบบและผลิตเครื่องประดับเฉพาะบุคคลหรือตามคำสั่งของลูกค้ามากขึ้น เช่น แบรนด์ TM MADE BY HEART ซึ่งวางคอนเซปต์ให้ TM MADE BY HEART เป็น Personalized Jewelry คือจะออกแบบเครื่องประดับเปล่าๆ ไว้ แล้วลูกค้าสามารถสลักหรือดีไซน์โดยตัวเองได้ โดยจะมีทั้งแหวน สร้อย สร้อยข้อมือ และลูกค้าสามารถให้สลักชื่อ วันเกิด คำที่ชอบ ชื่อคู่รักแบบตัวย่อ หัวใจ อีกทั้งมีสัญลักษณ์ที่ร้านคิดขึ้นมาเองด้วย เช่น ยูนิคอร์น ช้าง สิงห์ เป็นต้น