เรื่องเล่าจากผู้ประกอบการเครื่องประดับที่ยึดหลักความยั่งยืน กรณีศึกษา Jewelarc International Ltd.
Jewelarc International Ltd. ในประเทศไทยเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่สนับสนุนนโยบายความยั่งยืน ขณะที่ตลาดก้าวเข้าสู่แนวทางเพื่อความยั่งยืนมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ประกอบการดำเนินการในส่วนของตนอย่างจริงจังมากขึ้นด้วยการริเริ่มและความคาดหวังที่แตกต่างอย่างชัดเจน
การขับเคลื่อนไปสู่ความยั่งยืนของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับมีบทบาทอย่างแท้จริงในช่วงวิกฤติโควิด-19 ซึ่งทำให้สาธารณชนเกิดความตระหนักในคุณค่าของสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกกิจการที่จำเป็นต้องเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ผ่านการรับรอง ESG เนื่องจากบางกิจการได้วางเรื่องนี้เป็นหลักในการดำเนินงานอยู่ก่อนแล้ว
วิสัยทัศน์รักษ์โลก
Jewelarc International Ltd. ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางความยั่งยืนเมื่อปี 2561 ก่อนการเกิดโรคระบาด และยังคงมุ่งหน้าดำเนินการโครงการต่างๆ ที่ผ่านการคิดและวางแผนมาเป็นอย่างดี
บริษัทฯ แห่งนี้เป็นผู้ผลิตเครื่องประดับหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเครื่องประดับตกแต่งอัญมณีมูลค่าสูงให้กับแบรนด์เครื่องประดับชั้นนำ ไปจนถึงต่างหูเงินประดับคิวบิกเซอร์โคเนียสำหรับลูกค้าที่ต้องการสินค้าปริมาณมาก ผลงานชิ้นสำคัญของบริษัทฯ ได้แก่ ‘Thalassa’ สร้อยคอประดับแทนซาไนต์ 600 กะรัต และ ‘Zimbaqua’ สร้อยคอประดับอะความารีนจากเหมืองอะความมารีนแห่งแรกที่ดำเนินกิจการทั้งหมดโดยผู้หญิง
Jewelarc ดำเนินธุรกิจโดยตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อสิ่งแวดล้อมและต่อโลกมาตั้งแต่แรกเริ่ม ความยั่งยืนเป็นหลักในการวางแนวปรัชญาขององค์กรมาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ดำเนินกิจการบนพื้นที่กว้างขวาง ปลอดพลาสติก มีทั้งพื้นที่สีเขียวและกิจกรรมกลางแจ้งตลอดจนพื้นที่พักผ่อนสำหรับพนักงาน อีกทั้งยังได้กันพื้นที่ในบริเวณบริษัทฯ เอาไว้สำหรับปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสินค้าที่จัดส่งออกไปทั้งหมดถูกใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ในครัวเรือนแทนที่จะเป็นพลาสติกชีวภาพ หากบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ถูกทิ้งลงในบ่อฝังกลบก็จะย่อยสลายอย่างสมบูรณ์ภายใน 8-12 สัปดาห์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ความกังวลเรื่องวัตถุดิบ
การดูแลสิ่งแวดล้อมของ Jewelarc ครอบคลุมไปถึงเรื่องวัตถุดิบด้วย โดยวัตถุประสงค์หลักของบริษัทฯ ไม่ใช่แค่เรื่องการตรวจสอบย้อนกลับผ่านบล็อคเชนเท่านั้น แต่เป็นการรู้ถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเครื่องประดับ โดยบริษัทฯ เลือกใช้ทองคำจากเหมืองในมาลีตามหลักการจัดหาวัตถุดิบจากเหมืองเดียว (Single Mine Origin: SMO) โดยแหล่งดังกล่าวมีความรับผิดชอบ ตรวจสอบได้ และปลอดสารปรอทที่ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐานด้านสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมระดับสูงสุด ทองทุกออนซ์มี QR Code ที่ระบุเหมืองที่มาของทองคำ เส้นทางที่ทองคำเดินทางมาและผลกระทบเชิงบวกระหว่างทางที่เกิดจากทองคำเหล่านี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่ใช้ทองรีไซเคิล เพราะอาจมาจากแหล่งใดก็ได้ที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานทางจริยธรรมของกิจการ แต่หากคำสั่งซื้อระบุว่าต้องการทองรีไซเคิล บริษัทฯ ก็จะรีไซเคิลทองของกิจการเองเพื่อให้สามารถรักษามาตรฐานทางจริยธรรมและการทวนสอบกลับได้อย่างสมบูรณ์
บริษัทมีแผนที่จะสต็อกเฉพาะเพชรที่ตรวจสอบย้อนกลับได้เท่านั้นในปีนี้ และในขณะเดียวกันก็กำลังเจรจากับแหล่งเพชรเพื่อจัดหาในลักษณะ SMO เช่นเดียวกับโลหะมีค่า ทั้งนี้ บริษัทซื้อเพชรจากแหล่งที่สามารถพิสูจน์ว่ามาจากเซียร์ราลีโอนและบอตสวานา ซึ่งมีโครงการสนับสนุนที่เข้มแข็งสำหรับคนงานเหมืองพื้นบ้านและชุมชนของพวกเขา
นอกจากนี้ Jewelarc ยังสนับสนุน Provenance Proof Blockchain ที่ตรวจสอบแหล่งที่มาของพลอยสีอย่างโปร่งใสและถูกจริยธรรม และแม้บริษัทจะใช้โลหะเงินรีไซเคิลอยู่ในขณะนี้ แต่ก็กำลังเร่งหาแหล่ง SMO ในตลาดอยู่เช่นกัน