สร้างสรรค์เครื่องประดับที่ไม่ระบุเพศสภาพ
จำนวนผู้ประกอบการเครื่องประดับที่ยอมรับแนวคิดความเป็นกลางทางเพศกำลังเพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดงานออกแบบเครื่องประดับแบบรวมไว้ซึ่งความหลากหลายและเป็นสากลที่เอื้อให้ผู้บริโภคทั้งชายและหญิงแสดงออกถึงสไตล์ส่วนตัวได้อย่างอิสระ
ในยุคสมัยของความเป็นปัจเจกนิยมและการรวมไว้ซึ่งความหลากหลาย ขอบเขตของเพศค่อยๆ ลดน้อยถอยลง คอลเลกชันแฟชั่นสมัยใหม่กำลังทำให้เส้นแบ่งระหว่างเสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิงมีความคลุมเครือ เช่นเดียวกับการออกแบบเครื่องประดับ
เครื่องประดับแบบ Unisex ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่อุตสาหกรรมกำลังมองเห็นเครื่องประดับชั้นสูงเดินหน้าสร้างความแปลกใหม่เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ
เครื่องประดับในมุมมองแบบเดิมที่มักเชื่อมโยงเครื่องประดับผู้ชายกับลักษณะความเป็นชายต่างๆ เช่น พละกำลัง และความกล้าหาญ ขณะที่เครื่องประดับของผู้หญิงมักจะนำเสนอในรูปแบบที่นุ่มนวลและมีความละเอียดอ่อนบอบบาง อย่างไรก็ตาม งานออกแบบที่ไม่บ่งบอกเพศในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนโฉมความคิดแบบดั้งเดิมของความเป็นผู้ชายและผู้หญิงที่ว่านี้
งานออกแบบที่ลื่นไหล
เครื่องประดับที่มีความเป็นกลางทางเพศได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในตลาดทั่วโลก โดยเริ่มกลายเป็นสินค้าหลักมากกว่าการเป็นแค่สินค้าตามกระแส Joy Wei Chow จากแบรนด์ JWC Fine Jewelry ไต้หวัน นับเป็นแนวหน้าของการปฏิวัติแนวทางการออกแบบนี้
เธออธิบายว่า เครื่องประดับผู้ชายมักใช้รูปทรงเรขาคณิตที่สื่อถึงพละกำลังและความแข็งแกร่ง ในทางกลับกัน เครื่องประดับผู้หญิงจะใช้เส้นสายที่นุ่มนวลบอบบางกว่า แก่นของงานออกแบบแบบไม่ระบุเพศสภาพก็คือ การผสมผสานความแตกต่างสองด้านนี้เข้าด้วยกันเป็นแง่มุมเดียวที่มีความนุ่มนวลในความเข้มแข็ง และความเข้มแข็งในความนุ่มนวล
จุดแข็งของ Chow อยู่ที่การใช้เส้นสายที่ลื่นไหลในงานออกแบบเพื่อให้บรรลุความพยายามทางศิลปะ โดยเปรียบเทียบลายเส้นกับการเขียนพู่กันโดยใช้เป็นเครื่องมือในการแสดงออกถึงความตึงเครียดและพละกำลัง และสร้างงานออกแบบที่น่าทึ่งซึ่งปลดปล่อยจินตนาการอันมีชีวิตชีวาของศิลปิน
ตัวอย่างเครื่องประดับตกแต่งอัญมณีที่ออกแบบโดย Joy Wei Chow
ประสบการณ์ของ Chow ในการใช้ชีวิตและศึกษาในสหรัฐฯ และการได้ใช้ชีวิตท่ามกลางวัฒนธรรมอเมริกันสะท้อนออกมาในงานสร้างสรรค์ของเธอ งานออกแบบที่โดดเด่นของเธอมีเส้นสายสะดุดตาและสื่อความหมาย โดยประดับอัญมณีและเพชรเจียระไนแบบแฟนซีและแบบฟรีฟอร์มที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแต่ละคน
ไร้ขอบเขต
เครื่องประดับแบบไม่ระบุเพศไม่เพียงท้าทายแบบแผนดั้งเดิม แต่ยังแหวกกรอบของความคิดสร้างสรรค์โดยการลบลักษณะเฉพาะต่างๆ เกี่ยวกับเพศออกจากการออกแบบเครื่องประดับอีกด้วย
Daisy Chan จากฮ่องกง ผู้ชนะรางวัลจากการประกวดออกแบบเครื่องประดับเห็นว่า สไตล์ที่เป็นกลางเป็นประโยชน์ต่อนักออกแบบเนื่องจากมันลบกรอบเรื่องเพศออกไปจากการออกแบบ ไม่ต้องจำกัดว่าออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ชายหรือผู้หญิงเท่านั้น
Chan นำการออกแบบแนวนี้มาใช้ในงานของ Thinking Daisy Jewellery แบรนด์เครื่องประดับของเธอ เช่น ในคอลเลกชัน ‘Stone’ นำเสนอเครื่องประดับเงินสเตอลิงค์ที่มีลักษณะคล้ายหิน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งชายและหญิง “ผู้หญิงยุคใหม่ถูกดึงดูดโดยการออกแบบที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครที่เป็นมากกว่าแค่ตัวเรือนให้กับอัญมณีและเพชรแบบดั้งเดิม ในทางตรงข้าม ผู้ชายบางคนไม่ได้ชื่นชอบการออกแบบที่มีลักษณะเป็นผู้ชายตามแบบแผน” Chan กล่าว
แรงดึงดูดที่เป็นสากล
จากคำบอกเล่าของนักออกแบบเครื่องประดับ ธีมทางศิลปะบางอย่างโดยเฉพาะธีมที่สะท้อนให้เห็นภาพชีวิตประจำวัน จะมีความสอดคล้องกันทุกเพศ
Chow เน้นย้ำความนิยมของเครื่องประดับธีมสัตว์ ซึ่งเป็นหัวใจของคอลเลกชัน Uptown Funky Dog ของเธอว่า เครื่องประดับที่มีสัตว์เป็นแรงบันดาลใจเป็นที่ต้องการสูงในปีนี้เมื่อเทียบกับไม่กี่ปีก่อนหน้า อาจจะเป็นเพราะแทนที่จะมีลูก ผู้คนกลับหันไปเลี้ยงสัตว์แทน รูปสุนัขสามารถดึงดูดลูกค้าในวงกว้าง ไม่ว่าจะเพศอะไรก็ตาม
ขณะที่ Thomas Tjiong แห่ง Cattivo Jewelry Co. Ltd. ในฮ่องกง เชื่อว่าการออกแบบแนวไม่ระบุเพศมาแรงเพราะความต้องการเครื่องประดับแปลกแหวกแนวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือกระแสความนิยมเครื่องประดับมุกและเทรนด์เครื่องประดับที่มีลักษณะพองนูนหรือ “Puffy Style” ที่กำลังเติบโต
แปลและเรียบเรียงโดย ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
พฤศจิกายน 2567
ข้อมูลอ้างอิง