ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

The Reliquary Brooch: ตำนานอัญมณีแห่งศรัทธาและราชบัลลังก์ฝรั่งเศส

Dec 17, 2025
267 views
0 share

        หากอัญมณีสามารถพูดได้ “The Reliquary Brooch” คงเป็นพยานเงียบที่เล่าถึงความรุ่งเรืองของราชสำนักฝรั่งเศส ตั้งแต่ยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จนถึงสมัยนโปเลียนที่ 3 เสมือนเส้นด้ายเรืองรองที่เชื่อมโยงอดีตอันยิ่งใหญ่กับความงามแห่งยุคจักรวรรดิที่สองไว้ด้วยกัน

        เข็มกลัดชิ้นนี้เคยส่องประกายอยู่ใต้เพดานโค้งของ Apollo Gallery ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ด้วยแสงระยิบจากเพชรทั้ง 94 เม็ดที่ถูกจัดวางอย่างประณีต แต่วันนี้ มันเหลือเพียงตำนานและภาพจำของความงดงามที่เลือนหายไปตามกาลเวลา

 

ภาพจาก https://highjewellerydream.com/louvre-heist-empress-eugenies-reliquary-brooch-lost/

ของขวัญจากจักรพรรดิ

        เรื่องราวของเข็มกลัดเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1855 เมื่อจักรพรรดิ นโปเลียนที่ 3 ทรงมอบหมายให้ช่างอัญมณีชื่อดังแห่งกรุงปารีส Paul-Alfred Bapst สร้างเครื่องประดับที่คู่ควรแก่จักรพรรดินีของพระองค์ เพื่อจัดแสดงในงาน Exposition Universelle

        ผลงานที่ถือกำเนิดขึ้นคือเข็มกลัดสไตล์ “historicist” ที่ผสมผสานความงามแบบศิลปะโบราณกับความหรูหราทันสมัย ตัวเรือนทำจากเงินชุบทอง แกะสลักลวดลายใบไม้และเถาไม้อย่างวิจิตรตามแบบศตวรรษที่ 18 จากต้นแบบเก่าของตระกูล Bapst

        เข็มกลัดมีขนาดสูงถึง 17.5 เซนติเมตร แสดงถึงความงามและความยิ่งใหญ่ที่สะท้อนรสนิยมของยุคจักรวรรดิที่สอง ซึ่งหลงใหลในความโอ่อ่าของราชสำนักฝรั่งเศสและศิลปะแห่งหัตถกรรมร่วมสมัย

        จุดเด่นของเข็มกลัดอยู่ที่ ดอกกุหลาบเพชรตรงกลาง ประกอบด้วยเพชรเจ็ดเม็ดล้อมรอบเพชรเม็ดเอก เสมือน “กลุ่มดาวแห่งราชวงศ์ฝรั่งเศส”

        เพชรสองเม็ดที่อยู่กลางดอก มีรูปหัวใจ และเป็นเพชรหมายเลข 17 และ 18 จากชุด Mazarin Diamonds อันเลื่องชื่อ ซึ่งเคยประดับบนเสื้อของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และเป็นสมบัติที่ คาร์ดินัล มาซาริน มอบให้ราชบัลลังก์ฝรั่งเศสเมื่อปี 1661

        เพชรเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในบัญชีทรัพย์สินของราชสำนักฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1666 ผ่านยุคทองแห่งแวร์ซายส์มาอย่างงดงาม และยังคงปลอดภัยจากความปั่นป่วนของการปฏิวัติฝรั่งเศสได้อย่างน่าอัศจรรย์

        รอบเพชรหลักยังมีเพชรรูปหยดน้ำสี่เม็ดเรียงรายอยู่ ส่วนด้านล่างเป็นเพชรเจียระไนหลากรูปทรง ไล่จากเพชรรูปสามเหลี่ยมเรียวยาว ไปจนถึงเพชรทรงไข่ และปิดท้ายด้วยเพชรหกเหลี่ยมโบราณที่ห้อยระย้า เพชรเล็กๆ อีกเก้าเม็ดในรูปแบบ briolette ซึ่งคาดว่าอาจมีต้นกำเนิดจากอัญมณีที่ถูกยึดในช่วงปฏิวัติ หรือมาจากราชวงศ์ซาร์ดีเนีย

ปริศนาแห่งชื่อ “Reliquary”

        แม้เข็มกลัดนี้จะถูกเรียกว่า “Reliquary Brooch” หรือ “เข็มกลัดบรรจุพระธาตุ” แต่กลับไม่พบช่องภายในที่ใช้เก็บวัตถุบูชาใด ๆ

        นักภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์กล่าวว่า คำว่า “reliquaire” ถูกใช้เรียกเข็มกลัดนี้ตั้งแต่ปี 1855 และยังถูกสลักไว้บนหมุดด้านหลัง แต่ตัวเข็มกลัดเองไม่มีช่องสำหรับใส่วัตถุศักดิ์สิทธิ์

        อย่างไรก็ตาม ที่ด้านหลังกล่องใส่เข็มกลัดต้นฉบับ มีช่องเล็กๆ หรือ logette ซึ่งเชื่อกันว่า จักรพรรดินีเออ-ชานี ผู้มีความศรัทธาแรงกล้า อาจตั้งพระทัยจะใส่ชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ไว้ในภายหลัง

        ปริศนานี้เองที่ทำให้เข็มกลัดชิ้นนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์และความลึกลับ เป็นเหมือนของบูชาทางจิตวิญญาณในนาม แม้มิใช่ในรูปธรรม

        เพชรทุกเม็ดบนเข็มกลัดนี้คือเศษเสี้ยวของประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส จากห้องโถงของแวร์ซายส์ถึงพระราชวังตุยเลอรี จากมือของราชินีสู่มือของจักรพรรดินี

        แม้เข็มกลัดชิ้นนี้จะสูญหายไปแล้ว แต่รัศมีแห่งความงามและเรื่องราวของมันยังคงส่องประกายอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์

        “The Reliquary Brooch” จึงมิใช่เพียงเครื่องประดับของกษัตริย์ หากคือสัญลักษณ์ของศรัทธา ความรัก และความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีวันดับของฝรั่งเศส


จัดทำโดย นางสาววาสนา สมเนตร์

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ธันวาคม 2568

-------------------------

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.veranda.com/luxury-lifestyle/luxury-fashion-jewelry/a69098173/reliquary-brooch-louvre-robbery/

https://highjewellerydream.com/louvre-heist-empress-eugenies-reliquary-brooch-lost/


















เอกสารแนบ


ความคิดเห็น


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

The Reliquary Brooch: ตำนานอัญมณีแห่งศรัทธาและราชบัลลังก์ฝรั่งเศส

Dec 17, 2025
267 views
0 share

        หากอัญมณีสามารถพูดได้ “The Reliquary Brooch” คงเป็นพยานเงียบที่เล่าถึงความรุ่งเรืองของราชสำนักฝรั่งเศส ตั้งแต่ยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จนถึงสมัยนโปเลียนที่ 3 เสมือนเส้นด้ายเรืองรองที่เชื่อมโยงอดีตอันยิ่งใหญ่กับความงามแห่งยุคจักรวรรดิที่สองไว้ด้วยกัน

        เข็มกลัดชิ้นนี้เคยส่องประกายอยู่ใต้เพดานโค้งของ Apollo Gallery ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ด้วยแสงระยิบจากเพชรทั้ง 94 เม็ดที่ถูกจัดวางอย่างประณีต แต่วันนี้ มันเหลือเพียงตำนานและภาพจำของความงดงามที่เลือนหายไปตามกาลเวลา

 

ภาพจาก https://highjewellerydream.com/louvre-heist-empress-eugenies-reliquary-brooch-lost/

ของขวัญจากจักรพรรดิ

        เรื่องราวของเข็มกลัดเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1855 เมื่อจักรพรรดิ นโปเลียนที่ 3 ทรงมอบหมายให้ช่างอัญมณีชื่อดังแห่งกรุงปารีส Paul-Alfred Bapst สร้างเครื่องประดับที่คู่ควรแก่จักรพรรดินีของพระองค์ เพื่อจัดแสดงในงาน Exposition Universelle

        ผลงานที่ถือกำเนิดขึ้นคือเข็มกลัดสไตล์ “historicist” ที่ผสมผสานความงามแบบศิลปะโบราณกับความหรูหราทันสมัย ตัวเรือนทำจากเงินชุบทอง แกะสลักลวดลายใบไม้และเถาไม้อย่างวิจิตรตามแบบศตวรรษที่ 18 จากต้นแบบเก่าของตระกูล Bapst

        เข็มกลัดมีขนาดสูงถึง 17.5 เซนติเมตร แสดงถึงความงามและความยิ่งใหญ่ที่สะท้อนรสนิยมของยุคจักรวรรดิที่สอง ซึ่งหลงใหลในความโอ่อ่าของราชสำนักฝรั่งเศสและศิลปะแห่งหัตถกรรมร่วมสมัย

        จุดเด่นของเข็มกลัดอยู่ที่ ดอกกุหลาบเพชรตรงกลาง ประกอบด้วยเพชรเจ็ดเม็ดล้อมรอบเพชรเม็ดเอก เสมือน “กลุ่มดาวแห่งราชวงศ์ฝรั่งเศส”

        เพชรสองเม็ดที่อยู่กลางดอก มีรูปหัวใจ และเป็นเพชรหมายเลข 17 และ 18 จากชุด Mazarin Diamonds อันเลื่องชื่อ ซึ่งเคยประดับบนเสื้อของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และเป็นสมบัติที่ คาร์ดินัล มาซาริน มอบให้ราชบัลลังก์ฝรั่งเศสเมื่อปี 1661

        เพชรเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในบัญชีทรัพย์สินของราชสำนักฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1666 ผ่านยุคทองแห่งแวร์ซายส์มาอย่างงดงาม และยังคงปลอดภัยจากความปั่นป่วนของการปฏิวัติฝรั่งเศสได้อย่างน่าอัศจรรย์

        รอบเพชรหลักยังมีเพชรรูปหยดน้ำสี่เม็ดเรียงรายอยู่ ส่วนด้านล่างเป็นเพชรเจียระไนหลากรูปทรง ไล่จากเพชรรูปสามเหลี่ยมเรียวยาว ไปจนถึงเพชรทรงไข่ และปิดท้ายด้วยเพชรหกเหลี่ยมโบราณที่ห้อยระย้า เพชรเล็กๆ อีกเก้าเม็ดในรูปแบบ briolette ซึ่งคาดว่าอาจมีต้นกำเนิดจากอัญมณีที่ถูกยึดในช่วงปฏิวัติ หรือมาจากราชวงศ์ซาร์ดีเนีย

ปริศนาแห่งชื่อ “Reliquary”

        แม้เข็มกลัดนี้จะถูกเรียกว่า “Reliquary Brooch” หรือ “เข็มกลัดบรรจุพระธาตุ” แต่กลับไม่พบช่องภายในที่ใช้เก็บวัตถุบูชาใด ๆ

        นักภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์กล่าวว่า คำว่า “reliquaire” ถูกใช้เรียกเข็มกลัดนี้ตั้งแต่ปี 1855 และยังถูกสลักไว้บนหมุดด้านหลัง แต่ตัวเข็มกลัดเองไม่มีช่องสำหรับใส่วัตถุศักดิ์สิทธิ์

        อย่างไรก็ตาม ที่ด้านหลังกล่องใส่เข็มกลัดต้นฉบับ มีช่องเล็กๆ หรือ logette ซึ่งเชื่อกันว่า จักรพรรดินีเออ-ชานี ผู้มีความศรัทธาแรงกล้า อาจตั้งพระทัยจะใส่ชิ้นส่วนศักดิ์สิทธิ์ไว้ในภายหลัง

        ปริศนานี้เองที่ทำให้เข็มกลัดชิ้นนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์และความลึกลับ เป็นเหมือนของบูชาทางจิตวิญญาณในนาม แม้มิใช่ในรูปธรรม

        เพชรทุกเม็ดบนเข็มกลัดนี้คือเศษเสี้ยวของประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส จากห้องโถงของแวร์ซายส์ถึงพระราชวังตุยเลอรี จากมือของราชินีสู่มือของจักรพรรดินี

        แม้เข็มกลัดชิ้นนี้จะสูญหายไปแล้ว แต่รัศมีแห่งความงามและเรื่องราวของมันยังคงส่องประกายอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์

        “The Reliquary Brooch” จึงมิใช่เพียงเครื่องประดับของกษัตริย์ หากคือสัญลักษณ์ของศรัทธา ความรัก และความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีวันดับของฝรั่งเศส


จัดทำโดย นางสาววาสนา สมเนตร์

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ธันวาคม 2568

-------------------------

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.veranda.com/luxury-lifestyle/luxury-fashion-jewelry/a69098173/reliquary-brooch-louvre-robbery/

https://highjewellerydream.com/louvre-heist-empress-eugenies-reliquary-brooch-lost/


















เอกสารแนบ

เราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้   ตั้งค่า ยอมรับ

×
140 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ชั้น 4 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: 0 2634 4999 ต่อ 444
โทรสาร: 0 2634 4970
external-site