เพชรแท้ & เพชรสังเคราะห์ กับคุณค่าที่ต้องโดนใจกลุ่มเป้าหมาย
ในปี 2020 การค้าเพชรในตลาดโลกมีมูลค่าราว 149,265.17 ล้านเหรียญสหรัฐ ในจำนวนนี้เป็นการค้าเพชรแท้ (เพชรธรรมชาติ) อยู่ที่ 130,965.17 ล้านเหรียญสหรัฐ1 และเพชรสังเคราะห์ (Lab Grown Diamond) ราว 18,300 ล้านเหรียญสหรัฐ2 หรือคิดเป็น 12.26% ของมูลค่าตลาดโลกโดยรวม ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Technavio ได้คาดการณ์ว่าตลาดเพชรแท้ในปี 2020 – 2024 จะขยายตัวเฉลี่ยประมาณ 5% ต่อปี3 ขณะที่มูลค่าตลาดเพชรสังเคราะห์ในปี 2021 – 2026 จะเติบโตเฉลี่ยราว 7% ต่อปี อย่างไรก็ดี นับวันเพชรแท้ก็ยิ่งมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเหมาะสมกับการลงทุนเป็นอย่างมาก ในขณะที่อัญมณีเพชรสังเคราะห์ก็มีความสวยงามไม่ต่างจากอัญมณีเพชรแท้ แต่ราคาถูกกว่ากันมาก การบริโภคอัญมณีเพชรแท้หรืออัญมณีเพชรสังเคราะห์ ตลาดไหนจะเติบโต ล้วนขึ้นอยู่กับคุณค่าที่สามารถส่งมอบให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแท้จริง
เพชรแท้ VS เพชรสังเคราะห์
เพชรแท้ เป็นอัญมณีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีความแข็งสูงที่สุดในบรรดาอัญมณีทั้งหมด คือ อยู่ที่ระดับ 10 ตามโมห์สเกล มีองค์ประกอบหลักคือธาตุคาร์บอนและมีธาตุมลทินอื่นปนน้อยมาก เพชรมีหลายสี ตั้งแต่ใสไม่มีสี เหลือง น้ำตาล เขียว ชมพู ส้ม แดง ฟ้า จนถึงสีดำ แต่เพชรที่ซื้อขายกันโดยทั่วไปจะมีตั้งแต่ไร้สีคือขาวบริสุทธิ์ สีติดเหลืองอ่อนไปจนถึงเหลืองแกมน้ำตาล ซึ่งเพชรมีราคาสูงมาจากปัจจัยด้านความสวยงาม ความคงทนถาวร และความหายาก แหล่งผลิตเพชรที่สำคัญของโลก ได้แก่ รัสเซีย บอตสวานา แคนาดา คองโก แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย เป็นต้น โดยเหมืองเพชรของรัสเซีย คองโก และบอตสวานา มีปริมาณเพชรสำรองรวมกันราว 80% ของโลก
เพชรสังเคราะห์ (Lab Grown Diamond หรือ LGD) เป็นเพชรที่มนุษย์ผลิตขึ้นในห้องทดลองโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีองค์ประกอบทางเคมีและคุณสมบัติทางกายภาพเหมือนกับเพชรที่มาจากธรรมชาติทุกประการ ต่างกันเพียงเรื่องแหล่งกำเนิดเท่านั้น โดยผู้ผลิตเพชรสังเคราะห์สำคัญของโลก ได้แก่ จีน ซึ่งครองสัดส่วนสูงที่สุด 90% รองลงมาเป็นอินเดีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ตามลำดับ
ทั้งนี้ ปัจจุบันปริมาณการผลิตเพชรสังเคราะห์เติบโตขึ้นต่อเนื่อง สวนทางกับปริมาณการผลิตเพชรธรรมชาติที่มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ โดยในปี 2020 การผลิตอัญมณีเพชรธรรมชาติมีปริมาณเพียง 111 ล้านกะรัต จากเดิมที่เคยมีปริมาณการผลิตสูงที่สุดในปี 2017 อยู่ที่ 152 ล้านกะรัต ในขณะที่ปริมาณการผลิตอัญมณีเพชรสังเคราะห์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 6-7 ล้านกะรัต
ราคาเพชรแท้ VS ราคาเพชรสังเคราะห์
เพชรแท้ เป็นสัญลักษณ์แห่งคำมั่นสัญญาของคู่รักและความมั่งคั่งของผู้ครอบครอง เพชรมีความสวยงาม แวววาว ระยิบระยับ มีสีสันที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นสีใส หรือสีต่างๆ ทำให้มีความหลากหลายและมีเอกลักษณ์ที่ไม่สามารถหาจากอัญมณีชนิดอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ เพชรแท้ยังหาได้ยากขึ้นเพราะมีแนวโน้มผลิตได้ลดลง ขณะที่มูลค่าของเพชรก็ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุน4 ส่งผลให้เพชรแท้เป็นที่ต้องการในตลาดเพิ่มขึ้น ราคาจึงปรับสูงขึ้นตาม โดยในช่วงระหว่างปี 2011 ถึง 2021 ราคาเพชรแท้เติบโตเฉลี่ยราวปีละ 4%
จากข้อมูลของ PriceScope.com ที่แสดงอัตราการเปลี่ยนแปลงราคาเพชรตามกราฟข้างต้นจะเห็นได้ว่า ในระหว่างปี 2011 ถึง 2021 ราคาเพชรขนาดใหญ่กว่า 1 กะรัตขึ้นไปอยู่ในช่วงขาขึ้น แม้จะมีความผันผวนอยู่บ้างในบางช่วงเวลา แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเพชรที่มีขนาดต่ำกว่า 1 กะรัต จะมีความผันผวนมากกว่าขนาดใหญ่ โดยในปี 2019 จนถึงไตรมาส 3 ปี 2020 ราคาเพชรเฉลี่ยลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2020 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2021 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า เพชรขนาด 1- 2 กะรัตขึ้นไปมีราคาเพิ่มขึ้น 3% ขนาด 2 – 3 กะรัต ราคาเพชรเพิ่มขึ้น 2% ขนาด 3 – 4 กะรัต ราคาเพิ่มขึ้น 1% และ 4 กะรัตขึ้นไป มีราคาสูงขึ้น 2%
เพชรสังเคราะห์ จากข้อมูลของ Zack Guzman5 พบว่า เมื่อปี 2008 เพชรสังเคราะห์ 1 กะรัตมีราคาประมาณ 4,000 เหรียญสหรัฐ แต่จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เพชรสังเคราะห์ผลิตได้ง่ายขึ้น ต้นทุนถูกลงมาก จนปัจจุบันสามารถหาซื้อเพชรสังเคราะห์ได้ในราคาเริ่มต้นเพียงกะรัตละ 300-500 เหรียญสหรัฐเท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าเพชรสังเคราะห์ราคาถูกกว่าเพชรธรรมชาติมาก ตัวอย่างเช่น เพชรธรรมชาติ ทรงกลม ขนาด 1 กะรัต ความใสสะอาดระดับ VS2 สี G ราคาอยู่ที่ 5,559 เหรียญสหรัฐ ขณะที่เพชรสังเคราห์ที่มีคุณภาพระดับเดียวกันมีราคา 1,992 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของราคาเพชรแท้เท่านั้น
https://www.withclarity.com
ทั้งนี้ Paul Zimnisky นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมเพชร ได้ให้ความเห็นว่า ราคาเพชรสังเคราะห์จะถูกลง โดยคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าราคาเพชรสังเคราะห์จะถูกกว่าเพชรแท้ถึง 90%
คุณค่าที่แตกต่างของเพชรแท้และเพชรสังเคราะห์
หากพิจารณาในแง่อุปสงค์และอุปทานจะพบว่า เพชรธรรมชาติมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากหาได้ยาก เพราะไม่พบแหล่งเพชรธรรมชาติแห่งใหม่หลายปีแล้ว ในขณะที่แหล่งผลิตเพชรเดิมก็ผลิตได้ปริมาณลดลง รวมถึงกลุ่มผู้ผลิตเพชรแท้ต่างพยายามสื่อสารไปยังผู้บริโภคถึงคุณค่าแห่งความหายากของเพชรธรรมชาติและมูลค่าที่จะไม่ลดลงในอนาคต สร้างภาพลักษณ์ให้เห็นถึงกระบวนการทำเหมืองเพชรในปัจจุบันที่มีธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และตรวจสอบแหล่งที่มาได้อย่างชัดเจน จึงทำให้เพชรแท้ยังคงเป็นที่ต้องการของนักลงทุนและนักสะสมอยู่เสมอ นอกจากนี้ เพชรแท้ยังนับว่ามีมูลค่าในตัวเอง โดยทั่วไปเพชรแท้สามารถขายคืนร้านค้าและทำกำไรได้ดี ในขณะที่เพชรสังเคราะห์ไม่สามารถนำไปขายต่อได้ เพราะร้านค้าไม่รับซื้อคืน
ภาพ: https://www.londonjewelers.com
เนื่องจากตลาดเพชรสังเคราะห์ที่กำลังเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก De Beers ผู้ผลิตและจำหน่ายเพชรแท้จากธรรมชาติรายใหญ่ของโลกได้เห็นโอกาสทำกำไรจากเพชรสังเคราะห์ จึงเข้าสู่ตลาดนี้ในปี 2018 โดยจำหน่ายเพชรสังเคราะห์ยี่ห้อ “Lightbox Jewelry” ซึ่งการเข้ามาแข่งขันในตลาดเพชรสังเคราะห์ของ De Beers ทำให้ราคาเพชรสังเคราะห์ลดต่ำลงมาก และกลุ่มลูกค้าเพชรแท้ไม่ได้ให้คุณค่ากับเพชรสังเคราะห์เทียบเท่ากับเพชรแท้ จึงไม่สามารถดึงกลุ่มลูกค้าเพชรแท้เดิมของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับมูลค่าของเพชรได้ ในขณะเดียวกัน De Beers ก็ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ชื่นชอบเพชรสังเคราะห์คุณภาพดี ราคาเข้าถึงได้ง่ายเพิ่มมากขึ้น
และจากการที่ผู้ผลิตเพชรสังเคราะห์ ทำตลาดมุ่งเน้นสร้างคุณค่าในการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เพชรแห่งความขัดแย้ง (Conflict Diamond) ทำให้เพชรสังเคราะห์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่กลุ่ม "Millennials" และ "Gen-Z” ที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และจริยธรรมทางการค้ามากกว่าคนกลุ่มอื่นๆ และการที่สามารถตรวจสอบประเด็นความยั่งยืนของเพชรที่เพาะในห้องปฏิบัติการได้ง่ายกว่าเหมืองเพชรธรรมชาติ ทำให้ Pandora ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องประดับเงินรายใหญ่ที่สุดของโลกได้ประกาศว่าบริษัทจะผลิตเครื่องประดับที่ใช้เพชรสังเคราะห์ทั้งหมดตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป หลังจากเคยประกาศจะหยุดใช้ทองคำและเงินที่ขุดขึ้นใหม่ภายในปี 2025 โดยจะใช้วัตถุดิบจากแหล่งรีไซเคิลเท่านั้น เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญประเด็นความยั่งยืนทาง “สิ่งแวดล้อมและจริยธรรม” มากขึ้น
จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นว่าผู้ผลิตเพชรแท้และเพชรสังเคราะห์ในปัจจุบันต่างคำนึงถึงการค้าอย่างมีจริยธรรมและความยั่งยืนมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อกระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืน หากพิจารณาตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อเพชรแท้หรือเพชรสังเคราะห์นั้น ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ หากผู้บริโภคชื่นชอบความสวยงามของเพชรที่ซื้อได้ในราคาต่ำ และไม่ได้คำนึงถึงมูลค่าในอนาคต เพราะมองว่าเพชรเป็นเพียงเครื่องประดับแฟชั่นเท่านั้น เพชรสังเคราะห์ก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่หากผู้บริโภคคิดถึงมูลค่าในอนาคตและต้องการสะสมเพื่อเก็งกำไรจากการลงทุนแล้วล่ะก็ เพชรแท้โดยเฉพาะเพชรสีใสมลทินน้อยและเพชรแฟนซีหลากสีจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ข้อมูลอ้างอิง
2. https://www.mordorintelligence.com/industry-reports/synthetic-diamond-market
3. Global Diamond Mining Market 2020-2024 | 5% CAGR Projection Through 2024 | Technavio; https://www.businesswire. com/news/home/20200120005121/en/Global-Diamond-Mining-Market-2020-2024-5-CAGR-Projection-Through-2024-Technavio
4. การลงทุนในเพชรควรเลือกเพชรที่มีขนาด 1 กะรัตขึ้นไป และมีระยะเวลาในการลงทุนแบบระยะกลาง 1-3 ปี ถึงระยะยาว 3 - 5 ปี ขึ้นไป เพราะเป็นระยะเวลาที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของราคาเพชรอย่างชัดเจน
5. https://finance.yahoo.com/news/lab-grown-diamonds-will-survive-debeers-attempt-to-kill-them-clean-origin-says-132836664.html
-----------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลอ้างอิง
1) Diamond industry - statistics & facts. [Online]. Available at https://www.statista.com/topics/1704/diamond-industry/#dossierKeyfigures. (Retrieved November 3, 2021).
2) Global Lab Grown Diamonds Market. [Online]. Available at https://www.blueweaveconsulting.com/report/ global-lab-grown-diamonds-market. (Retrieved November 5, 2021).
3) Rough Diamond Production to Grow in 2021. [Online]. Available at https://en.israelidiamond.co.il/diamond-articles/world/rough-diamond-production-2021/. (Retrieved November 8, 2021).
4) While Mined Diamond Sales Decline, The Future Of Lab Grown Diamonds Is Much More Than Jewelry. [Online]. Available at https://www.forbes.com/sites/pamdanziger/2019/12/15/mined-diamond-sales-decline-as-the-future-is-in-laboratory-grown-diamonds/?sh=4a3324de78d7. (Retrieved November 10, 2021).