Infographic

ข้อมูลด้านการตลาด

ปี 2563

ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2563

มูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปี 2563 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 71.67 หรือมีมูลค่า 3,746.33 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 2 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.30 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย ทั้งนี้ เมื่อหักทองคำฯ ออก การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 1,125.57 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 18.01 ตลาดหลักอย่างสหภาพยุโรป และฮ่องกง ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันราวร้อยละ 40 รวมถึงจีน หดตัวลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่วนตลาดที่ยังเติบโตได้เป็นบวกนั้น หลายประเทศยังไม่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดนี้อย่างชัดเจน

ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยเดือนมกราคม 2563

การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยเดือนมกราคม 2563 เติบโตสูงถึง 1.15 เท่า หรือมีมูลค่า 1,740.11 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่า 807.38 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 2 รองจากรถยนต์ และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.87 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย ทั้งนี้ เมื่อหักทองคำฯ ออก การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 530.45 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 5.11 โดยสินค้าที่เติบโตได้คือ เครื่องประดับทอง พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน และเครื่องประดับแพลทินัม ส่วนตลาดที่ขยายตัวได้คือ สหภาพยุโรป (อิตาลี เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส) สหรัฐอเมริกา อินเดีย กลุ่มประเทศออกกลาง (UAE กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย) รัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (รัสเซียและอาร์เมเนีย)

อุปทานเพชรในตลาดโลกและแนวโน้มในปี 2020

แม้ว่าปี 2019 จะเป็นปีที่ไม่ค่อยสดใสของอุตสาหกรรมเพชรมากนัก มีปริมาณเพชรออกสู่ตลาดลดลง 3.38% เนื่องจากปัญหาเพชรล้นตลาดและปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบหลายประการ แต่อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังเห็นว่าปัจจัยดังกล่าวกระทบตลาดเพียงช่วงสั้นๆ และคาดการณ์เชิงบวกว่า เพชรแท้จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 3% และเพชรสังเคราะห์จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% คงต้องตามต่อว่าปีนี้ปัจจัยลบจะชวดแล้วตลาดจะเติบโตเป็นหนูตกถังข้าวสารได้หรือไม่

ปี 2562

ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยปี 2562

นปี 2562 สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยทำรายได้จากการส่งออก 15,689.18 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตสูงถึง 30.91% นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 3 (รองจากรถยนต์และคอมพิวเตอร์) และคิดเป็นสัดส่วน 6.37% ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย แต่เมื่อไม่รวมทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป พบว่า การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 8,095.65 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.34% โดยตลาดส่งออกสำคัญของไทยที่ขยายตัวได้ดีคือ อินเดีย อาเซียน (สิงคโปร์ กัมพูชา และเวียดนาม) กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง (ยูเออี กาตาร์ คูเวต โอมาน) ในขณะที่ตลาดหลักเดิมอื่นๆ อย่างฮ่องกง สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าหดตัวลง สำหรับการส่งออกปี 63 จะต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก การกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ การประท้วงในฮ่องกง ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา และภัยธรรมชาติ อาจบั่นทอนการส่งออกของไทยในปีนี้

ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2562

ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2562 ทำรายได้ 14,968.05 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตสูงถึงร้อยละ 34.73 เมื่อเทียบกับปี 2561 นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 3 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.59 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทยรองจากรถยนต์ และคอมพิวเตอร์ โดยสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวดีคือ ทองคำฯ เครื่องประดับทอง พลอยเนื้อแข็งและพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ส่วนตลาดสำคัญที่เติบโตได้ดีคือ กลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ และกัมพูชา อินเดีย และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และคูเวต สำหรับปัจจัยที่ท้าทายส่งออกไทยปีหน้าที่ต้องติดตามคือ นโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ สถานการณ์ประท้วงในฮ่องกง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดร่วงลงไปอยู่ที่ระดับ 29 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยเสียโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลก

ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2562

ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ไทยทำรายได้จากการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับด้วยมูลค่า 9,025.29 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 30% เนื่องจากการส่งออกทองคำฯ ในสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งได้เพิ่มสูงถึง 72.76% แต่หากไม่รวมทองคำฯ พบว่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 4,433.09 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตร้อยละ 2.59 โดยตลาดที่ยังขยายตัวได้ดีคือ อินเดียและอาเซียน ส่วนตลาดหลักอย่างฮ่องกง สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากผลกระทบของสงครามการค้า

แหล่งนำเข้าเครื่องประดับทอง 5 อันดับแรกในตลาดฮ่องกงในครึ่งแรกปี 2019

ในช่วงครึ่งแรกปี 2019 สินค้านำเข้าสำคัญของฮ่องกงที่ยังเติบโตเป็นบวกอย่างเครื่องประดับทอง ฮ่องกงนำเข้าจากจีน ฝรั่งเศส และอิตาลี ใน 3 อันดับแรก โดยนำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ 13 ในขณะที่การนำเข้าพลอยเนื้อแข็งเจียระไนก็เพิ่มขึ้นสูง โดยนำเข้าจากไทยมากที่สุดด้วยมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 60.9% รองลงมาเป็นอินเดีย หดตัวลง 10.32% และเมียนมา ก็เติบโตสูงกว่า 1.94 เท่า ส่วนสินค้าสำคัญอื่นอย่างเครื่องประดับเงินและพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ฮ่องกงนำเข้าลดลงเกือบทุกตลาด

ฮ่องกงนำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับครึ่งแรกปี 2019

ฮ่องกง ผู้นำเข้าและส่งออกต่อรายใหญ่ของโลก มีการนำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับในช่วงครึ่งปีแรกลดลงถึง 16.86% จากผลกระทบของสงครามการค้าที่บั่นทอนภาวะเศรษฐกิจโลกและตลาดคู่ค้าสำคัญชะลอตัว อีกทั้งนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักก็เดินทางเข้าไปเที่ยวฮ่องกงลดลง และยังมีปัจจัยซ้ำเติมจากการประท้วงหลายครั้ง ส่งผลให้ฮ่องกงนำเข้าสินค้าลดลงเกือบทุกรายการ ยกเว้นเครื่องประดับทองและพลอยเนื้อแข็งเจียระไนที่ยังขยายตัวได้ในตลาดนี้

ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยครึ่งแรก ปี 2562

ในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2562 ไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับได้สูงขึ้นร้อยละ 15.21 หรือมีมูลค่า 7,244.46 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่มีมูลค่า 6,288.18 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 3 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย รองจากรถยนต์ และคอมพิวเตอร์ โดยการส่งออกครึ่งแรกของปีนี้ขยายตัวสูง เนื่องจากไทยส่งออกทองคำฯ ได้เพิ่มขึ้นมาก เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคาในจังหวะที่ราคาทองคำปรับตัวสูงและทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 18 เดือนในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้ไทยส่งออกทองคำฯ ในเดือนดังกล่าวเพิ่มกว่า 3.17 เท่า อีกทั้งไทยยังส่งออกพลอยสีทั้งพลอยเนื้อแข็งและพลอยเนื้ออ่อนได้เพิ่มขึ้นด้วย

10 อันดับประเทศผู้นำเข้าเครื่องประดับทองและเครื่องประดับเงินรายใหญ่ของโลก ปี 2018

ในปี 2018 สวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าเครื่องประดับทองเป็นที่ 1 ของโลก ตามมาด้วยฮ่องกง ทั้ง 2 ประเทศมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของการนำเข้ารวม ส่วนสหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำเข้าในอันดับ 3 มีสัดส่วนราว 12% ส่วนผู้นำเข้าเครื่องประดับเงินรายใหญ่ของโลกยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ด้วยสัดส่วนนำเข้าเกือบ 25% รองลงมาคือ เยอรมนี และฮ่องกง นำเข้าในสัดส่วน 11% และ 10% ตามลำดับ

เราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้   ตั้งค่า ยอมรับ

×
140 อาคารไอทีเอฟ ทาวเวอร์ ชั้น 4 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
โทรศัพท์: 0 2634 4999 ต่อ 444
โทรสาร: 0 2634 4970
external-site